ยังจบไม่สวย สำหรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงจุดยืนของตนเองผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva ภายหลังวานนี้ ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ มีมติร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ จนทำให้นิวเด็มของพรรคประกาศลาออกหลายคน

ก่อนจะทิ้งท้ายโบกมือลาออก โดยประโยคที่ฝากไว้ให้ประชาชนทั้งประเทศ...... "ผมทราบดีว่าปัญหาทั้งหมดไม่จบในวันนี้ ผมต้องเผชิญปัญหานี้ตลอดเวลา ขอโทษที่วันนั้นต้องยกมือเลื่อนประชุม เพราะไม่อยากฝืนมติพรรค ตอนนี้เหลือทางเดียวที่จะรักษาเกียรติภูมิ รักษาคำพูด และความรับผิดชอบที่กล่าวไว้กับประชาชน ผมได้ส่งเรื่องบาป 7 ประการของสังคมให้กับหลาน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเมืองที่ปราศจากหลักการ ผมไม่สามารถทำบาปนั้นได้ ผมจึงตัดสินใจลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ”.

ต่อมา นายนคร มาฉิม นคร สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดใจกับทางทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ถึงประเด็นที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง 

"การร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์กว่า 20 ปี ผมคิดไม่ผิดเลยที่ลาออกมาเพราะพรรคไม่เคยยึดมั่นในวิถีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และไม่เคารพวิถีประชาชน ผมเคยร่วมงานกับหัวหน้าอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ แต่ตัดสินใจลาออกเมื่อพรรคมีมติคว่ำบาตรการเลือกตั้งตั้งแต่ปลายปี 2556 ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการปูทางให้ทหารยึดอำนาจสร้างความเข้มแข็งให้ระบอบเผด็จการ พร้อมกับทำลายระบอบประชาธิปไตยให้ย่อยยับเช่นที่เป็นอยู่ขณะนี้ หากให้หวนกลับไปตัดสินใจใหม่ ผมก็จะลาออกเหมือนเดิมอย่างไม่เคยเสียดาย" 

สำหรับวันนี้ต้องขอชื่นชมคนรุ่นใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีแนวความคิดเป็นของตัวเองและกล้าที่จะตัดสินใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ประวัติศาสตร์จะจารึกเอาไว้ทั้งหมดว่า นักการเมืองคนไหนปฏิบัติอย่างไรต่อประชาชน ใครผิดคำพูด และใครรักษาคำพูด ใครทรยศประชาชน 

...

"ผมรู้สึกไม่เห็นด้วยที่ท่านอภิสิทธิ์ แถลงข่าวลาออกจากพรรค แต่ดันไปพาดพิงระบอบทักษิณ เปรียบเทียบกับการปฎิวัติยึดอำนาจของทหาร เพราะระบอบทักษิณ เป็นแค่วาทกรรมที่ ท่านอภิสิทธิ์ พูดขึ้นมาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง แต่สิ่งที่มีอยู่จริงนั่นก็คือ "ระบอบเผด็จการทหาร และระบอบประชาธิปไตย จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ท่านอภิสิทธิ์จะออกมาเล่นละครสร้างภาพ หรือสร้างกระแสความชอบธรรมให้ตัวเอง" 

นายนคร พูดต่อไปว่า "ท่านอภิสิทธิ์ ได้พยายามสร้างภาพให้เป็นฮีโร่ ว่าท่านต้องการประชาธิปไตยสุจริต ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ เช่นที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณ เมื่อปี 2548 ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะประชาธิปไตยสุจริตเราเห็นตรงกันว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ใช่ประชาธิปไตยที่สุจริตเพราะมีการใช้อำนาจรัฐเอาเปรียบคู่แข่งอย่างหนักหน่วงรุนแรง มีการซื้อเสียงมากที่สุด"

อยากให้หยุดใช้วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" หยุดเป็นเครื่องมือให้ฝ่ายเผด็จการมาทำลายฝ่ายประชาธิปไตย แล้วมาร่วมอุดมการณ์เดียวกันเพื่อประชาชนและประชาธิปไตย ต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบจนกว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะ เพื่อสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพของประชาชน