“หมวดเจี๊ยบ” ยัน “อภิสิทธิ์” ไขก๊อก ไม่ได้บอก ปชป. เชื่อ สำนึกผิด ที่ตระบัดสัตย์ต่อปชช. ขณะที่“หน.ปชป.”คนใหม่ก็โกหกสังคมซ้ำซาก ช่วย สืบทอดอำนาจคสช. เย้ย น่าเป็นการนำ “มาร์ค”กลับมารีแบรนด์พรรคเลือกตั้งครั้งหน้าได้อีก 

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.62 ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ ก็ไม่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์พ้นข้อหาตระบัดสัตย์ไปได้ และไม่ได้การันตีว่า นาย อภิสิทธิ์ จะไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคประชาธิปัตย์อีก ตราบใดที่ นาย อภิสิทธิ์ ยังไม่ได้ลาออกจากความเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หรือต่อให้ลาออกจากสมาชิกพรรคไปแล้ว ก็ยังกลับมาช่วยรีแบรนด์พรรคประชาธิปัตย์ได้อีกในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ร.ท.หญิง สุริสา กล่าวต่อว่า จะเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้สูญเสียอะไรเลย เพราะแม้ นาย อภิสิทธิ์ จะลาออกไป แต่พรรคก็ยังมีเก้าอี้ ส.ส. เท่าเดิม คือ 53 ที่นั่ง และในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็ยังสามารถเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้ เพื่อเลี่ยงบาลีว่า การตระบัดสัตย์ร่วมรัฐบาลเผด็จการเป็นมติของกรรมการบริหารพรรคชุดเก่า เมื่อมีกรรมการบริหารชุดใหม่ก็ถือว่าล้างไพ่ใหม่แล้ว และอาจนำ นายอภิสิทธิ์ มาปัดฝุ่น ใช้เป็นจุดขายในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้อีก โดยอ้างถึงวีรกรรมที่ได้ลาออกจากตำแหน่งต่าง ๆ ไปแล้ว

“ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร เพราะถึงอย่างไร นาย อภิสิทธิ์ ก็รับตำแหน่งใด ๆ ในคณะรัฐมนตรีไม่ได้อยู่แล้ว เพราะ นายอภิสิทธิ์ เคยเป็นนายกฯ มาก่อน จะถอยไปรับตำแหน่งรองนายกฯ หรือจะเป็นแค่รัฐมนตรีธรรมดา ๆ ได้อย่างไร จะเห็นได้ว่า เป็นเรื่องวิน-วินของทุกฝ่ายในพรรค และนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไม นาย อภิสิทธิ์ จึงยังลังเลที่จะลาออกจากความเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์”หมวดเจี๊ยกล่าว

...

รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า ดังนั้น การลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. ของ นาย อภิสิทธิ์ จึงไม่ได้บ่งบอกเลยว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เกิดความสำนึกแล้วจริง ๆ ว่าได้ทำอะไรผิดต่อประชาชน โดยจะเห็นได้ว่าตอนนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ก็ยังโกหกสังคมซ้ำซาก โดยอ้างว่าจำใจต้องร่วมรัฐบาล เพื่อปิดสวิตซ์ คสช. ทั้ง ๆ ที่ กำลังช่วย คสช. สืบทอดอำนาจชัด ๆ ไม่ใช่ การปิดสวิตซ์ ค.ส.ช. อย่างที่ปากพูด แสดงว่าเงื่อนไข 3 ข้อ ในการร่วมรัฐบาล ก็แค่เครื่องมือไว้ใช้แบล็คเมล์พรรคร่วมรัฐบาลในอนาคต เพื่อรักษาอำนาจในการต่อรองทางการเมืองเพราะมีเก้าอี้น้อยกว่าเท่านั้น

“สะท้อนให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือไปแล้ว และขาดความเป็นพรรคการเมืองที่ดี ถ้าเป็นพระก็ต้องถือว่าปาราชิกไปแล้ว ต่อให้ นาย อภิสิทธิ์ จะลาออกจากทุกตำแหน่งไปแล้ว ก็ไม่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์รอดพ้นจากข้อหาตระบัดสัตย์ เพราะคำสัญญาก่อนเลือกตั้งของ นาย อภิสิทธิ์ ย่อมส่งผลผูกพันคนทั้งพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นการพูดในนามพรรค แม้จะไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย แต่มีผลต่อความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชน เหมือนที่ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ เคยกล่าวไว้ว่า “คำพูดนั้น ก่อนที่จะพูด เราเป็นนายมัน แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว มันเป็นนายเราทันที”.