"สุเทพ เทือกสุบรรณ" ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ย้ำเจตนารมณ์ สนับสนุน "บิ๊กตู่" นั่งนายกรัฐมนตรี ย้ำเหมาะสมที่สุดแล้ว กับสถานการณ์ปัจจุบัน
วันที่ 4 มิ.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวที่ศาลอาญา ขณะเดินทางไปสืบพยาน คดีถูกฟ้องเป็นกบฏ กรณีกลุ่ม กปปส. ชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ในพรรคเราพูดคุยกันมาตั้งแต่ตั้งพรรคแล้วว่า เราสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะว่าเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์อย่างนี้ เป็นคนที่มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นที่ประจักษ์ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เพราะฉะนั้นพรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงได้หาเสียงกับประชาชนชัดเจนว่าสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ความจริงเราก็ไม่ได้ยึดติดตัวบุคคลแต่เห็นว่าในช่วงเวลานี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับท่าน ในการนำพาประเทศผ่านวิกฤติไปได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนแล้ว คงต้องถามถึงบุคคลที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์เอง แต่ถ้าหากสุดท้ายเราได้ร่วมงานกันกับทางพรรคประชาธิปัตย์ก็อยากจะบอกว่า ในยุคนี้เป็นยุคที่การสื่อสารเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ใครคิดอะไรนิดหน่อยก็ปรากฏไปในสื่อแล้ว
...
“ที่จริงมันมีขั้นตอนปฏิบัติระบุไว้ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยในวันพรุ่งนี้ ( 5 มิ.ย.) เป็นวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีโดยรัฐสภา เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปกังวลใจในเรื่องนี้ คอยดูอย่างเดียวว่าสมาชิกรัฐสภาจะลงคะแนนให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี เสียงข้างมากในสภาจะลงคะแนนให้ใคร เมื่อมีการเลือกนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ประธานรัฐสภาจะต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อให้ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี หลังจากนี้ นายกรัฐมนตรีจึงจะไปดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล จะไปเจรจาหรือชักชวนพรรคไหนมาร่วมรัฐบาล แล้วจะให้ใครบริหารกระทรวงไหน และจะมีนโยบายของรัฐบาลอย่างไร เป็นภาระของคนที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนที่เราเห็นเขาพูดคุยเจรจากันนั้น เป็นการทำไว้ล่วงหน้าก่อนทั้งนั้น แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร”
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า สำหรับพรรครวมพลังประชาชาติไทย เราไม่ได้ต่อรองการร่วมรัฐบาลใดๆ ทั้งสิ้น แต่เราก็ตั้งใจว่ามีกำลังความสามารถอย่างไรบ้างที่จะช่วยเหลือสนับสนุนให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เดินหน้านำพาประเทศผ่านวิกฤติไปได้
.