รีบดับข่าวลือก่อนถูกกระพือจนเลยเถิด

ตามซีนที่ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องรีบเคลียร์ข่าวปลอมว่อนโลกโซเชียล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยุบพรรคการเมือง เพื่อให้ ส.ส.500 คน พ้นสภาพ

ยืนยันไม่เป็นความจริง เป็นข่าวเท็จของผู้ไม่หวังดี ให้เกิดความวุ่นวายในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่

โยงข่าวลือเรื่องการปฏิวัติ มีการเคลื่อนกำลังพล ทั้งที่เป็นแค่การเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ของกองทัพตามปกติ

เช่นเดียวกับกระแสข่าวโคมลอยกรณีกลุ่มสามมิตรของพรรคพลังประชารัฐ เตรียมย้ายกลับมาอยู่พรรคเพื่อไทย เพราะไม่พอใจที่วืดโควตาเก้าอี้ รมว.เกษตรและสหกรณ์

สบโอกาสให้แกนนำพรรคเพื่อไทยตีกิน ประกาศกรวดน้ำคว่ำขัน ไม่ต้อนรับกลุ่มสามมิตรกลับมาตายรัง

บลัฟฝ่ายตรงข้ามสนุกปาก ทั้งที่รู้แก่ใจดี เป็นเพียงแค่ข่าวโคมลอย ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด

ข่าวปลอม ข่าวปล่อยปลิวว่อนโลกโซเชียล ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาวะการเมืองไม่นิ่ง พวกสื่อกำมะลอเลยเต้าข่าวสนุกมือ สร้างความสับสนจนคนจิตตก ต้องเช็กข่าวกันวุ่นวาย

อย่างที่เห็นการจัดตั้งรัฐบาลยังฝุ่นตลบ ผ่านเลือกตั้งมา 2 เดือนแล้ว ยังไม่เห็นโฉมหน้าค่าตารัฐบาลชุดใหม่

พลังประชารัฐยังเคลียร์ใจกับ “ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย” ไม่ลงตัวเรื่องโควตารัฐมนตรี

ฝั่ง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จ้องฮุบกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ขณะที่ฝ่ายประชาธิปัตย์หมายตารวบกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ และเก้าอี้ รมช.เกรดเอ อาทิ มหาดไทย ศึกษาธิการ พ่วงด้วยการรื้อแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นออปชั่นเสริม

...

กลายเป็นที่มาของเหตุการณ์ขันหมาก “พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์” เป็นหมัน ภายหลังฝ่ายเจ้าบ่าวเริ่มลังเล เพราะฝ่ายเจ้าสาวโก่งค่าสินสอดมากเกินตัว

ขั้วตัวแปรแท็กทีมตีรวนกันยกใหญ่ ส่งผลให้ดีลจัดตั้งรัฐบาลปิดจ๊อบไม่สำเร็จ ตามเหลี่ยมเขี้ยวลากดินของพวกพรรษาสูงทางการเมืองที่จ้องจะหยิบชิ้นปลามัน

ฝ่ายประชาธิปัตย์ได้เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ก็ยังตั้งเงื่อนไขฮุบกระทรวงเกรดเออีก ส่วนฝั่ง “เสี่ยหนู” ก็ออกลีลาอิดออด ไม่ขอร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ หากต้องไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย

“ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย” ปั่นราคาตีรวน ได้คืบจะเอาศอก กดหัว “ลุงตู่” ตั้งแต่ฟอร์มทีมรัฐบาล

ผิดธรรมชาติการจัดตั้งรัฐบาลโดยทั่วไปที่พรรคแกนนำรัฐบาลควรมีอำนาจต่อรองมากกว่าพรรคอื่นๆ แต่กลับถูกพรรคร่วมรัฐบาล จิ้มเลือกกระทรวงที่ต้องการสนุกมือ โดยอาศัยภาวะเสียงปริ่มน้ำมาเป็นข้อต่อรอง

พลังประชารัฐส่อเข้าเนื้อเสียที่นั่งกระทรวงสำคัญหลายเก้าอี้ ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องยื้อเวลาจัดทัพ ครม.ออกไป ให้ไปว่ากันหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

ดึงอำนาจการเจรจาแบ่งเค้กเก้าอี้ ครม.กลับมาอยู่ในมือของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ล้มดีลที่ “ขาใหญ่” ผู้มีบารมีนอกพรรคบางคนไปต่อรองไว้ จนเกิดความวุ่นวายตามมา

แก้เกมไปทีละช็อต เตรียมเข็นภารกิจสำคัญดัน “ลุงตู่” คัมแบ็กสู่อำนาจให้สำเร็จก่อน ตามสถานการณ์ล่าสุดที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง นายชวน หลีกภัย เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียบร้อยแล้ว

เห็นสัญญาณรอเปิดฟลอร์เลือกนายกฯกันในเร็ววันนี้

อาศัยเสียง 250 ส.ว. และเสียงพรรคร่วมรัฐบาลเท่าที่มีอยู่ 150 เสียง ไม่รวม” ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย” ยังไงก็เกิน 376 เสียง เพียงพอต่อวีซ่าให้ “ลุงตู่” ได้แน่

ดึงดุลอำนาจเข้ามาอยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์เต็มตัว จากนั้นค่อยไปเขย่าโควตา ครม.กันใหม่

มีอำนาจครบเครื่องทั้งฟอร์มทีม ครม.และยุบสภา ก็สามารถพลิกกลับมาคุมเกมเหนือพรรคร่วมฯ

ถึงเวลานั้นเสียงพวกตัวแปรที่เคยดังจะเบาลงเรื่อยๆ อย่างฝั่งภูมิใจไทย “เสี่ยหนู” ที่ลงตัวมาอยู่ข้าง “ลุงตู่” ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ยังดึงเช็งต่อรองให้ได้ประโยชน์สูงสุดตามประสาพ่อค้านายทุน

ขณะที่ “ประชาธิปัตย์” ที่วางท่าขึงขัง ไม่ปล่อยกระทรวงหลักที่ยึดโควตาไว้ แต่สภาพภายในพรรคที่กระจัด กระจายแตกเป็นหลายขั้ว

ก็ส่อจะไม่ไปในทางเดียวกัน

อย่างน้อยก๊ก นายถาวร เสนเนียม นายกรณ์ จาติกวณิช และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่มีขุมกำลังร่วม 20 กว่าเสียง ก็พร้อมสวิงมาเป็นนั่งร้านร่วมรัฐบาลกับ “ลุงตู่” แน่

มีตำแหน่ง ได้เก้าอี้กันถ้วนหน้า บีบพวกที่เหลืออย่าง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ที่ขาลอย ไม่มีตำแหน่งใดๆ เมื่อถึงเส้นตายก็อาจหอบผ้าตามมาหมด

จะเหลือก็แค่ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ถูกทิ้งไว้กลางทางเพียงคนเดียว.

ทีมข่าวการเมือง