"เจ๊หน่อย" จวกรัฐประหารวนเวียนที่เดิม เลวร้ายกว่าพฤษภาทมิฬ เมื่อ 27 ปีก่อน ฉะเลือกตั้งพิธีกรรมชุบตัวเผด็จการ เสียงประชาชนไร้ความหมาย ลั่นไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ เชียร์ขั้วที่ 3 ฟื้นประชาธิปไตยกลับมา...

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. เพจคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ภาพเมื่อครั้งขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุมเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 พร้อมระบุข้อความว่า รูปนี้เมื่อ 27 ปีที่แล้ว ขอคารวะต่อดวงวิญญาณของนักสู้ผู้องอาจทุกท่าน เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ถือเป็นวันครบรอบ 27 ปีของเหตุการณ์พฤษภา 35 ที่พลังประชาชนได้ออกมาขับไล่เผด็จการที่ยึดอำนาจจากประชาชน แล้วใช้การเลือกตั้งเป็นข้ออ้างชุบตัวเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าแม้จะผ่านมา 27 ปีแล้ว แต่เรายังคงวนเวียนอยู่ที่เดิม ในวันนี้พวกรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชน เขียนรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อไปสู่การเลือกตั้ง โดยใส่กติกาที่เอื้อให้ตนเองสืบทอดอำนาจต่อ

"ยิ่งกว่านั้นยังเขียนกติกา ให้ตัวเองมีอำนาจแต่งตั้ง สว. 250 คน เพื่อการันตีการสืบทอดอำนาจ และเหลือเชื่อว่าคนที่เป็นกำลังหลักในการทำการรัฐประหาร เมื่อครั้งพฤษภา 35 แทบจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับรัฐประหาร เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เวลาไม่ได้ทำให้ความคิดของคนเหล่านี้เปลี่ยนแม้แต่น้อย เพียงแต่ครั้งนั้น คนเหล่านี้ยังมียศน้อยจึงเป็นเพียงผู้ปฏิบัติการ แต่ครั้งนี้ได้เติบโตยิ่งใหญ่ จึงเป็นตัวการในการยึดอำนาจจากประชาชนเสียงเองในครั้งนี้ พ.ศ. 2562 เลวร้ายกว่า พ.ศ. 2535 มาก ถือว่าไม่เห็นหัวประชาชนเลย ไม่สนใจว่าการกระทำต่างๆ จะขัดหลักการประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และลิดรอนสิทธิของประชาชนเพียงใด"

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังระบุว่า ตลอดช่วงเวลาการเลือกตั้ง มีผู้สมัครหลายรายไปร้องเรียน ทั้งเรื่องการซื้อเสียงอย่างโจ่งครึ่ม การใช้อำนาจรัฐโกงการเลือกตั้งสารพัดมากมาย ทำขนาดนี้ยังแพ้พรรคเพื่อไทยที่ส่งเพียง 250 เขตเท่านั้น จึงต้องใช้อภินิหารจากองค์กรอิสระ ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นการนับคะแนน การประกาศผลคะแนน ที่ล้วนแปลกประหลาด และไม่สามารถอธิบายประชาชนได้ ทั้งบัตรเกิดใหม่ในหีบ บัตรเขย่ง บัตรที่ระลึก โดยเฉพาะสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่พรรค ซึ่งได้คะแนนต่ำกว่าคะแนน ส.ส.พึงมี คือ 71,000 คะแนน ก็ได้ 1 ที่นั่ง รวม 10 กว่าพรรค ที่เขาเรียกกันว่าส.ส.เอื้ออาทร ได้รวมตัวกันสนับสนุนนายกฯ สืบทอดอำนาจ ยิ่งไปกว่านั้น ส.ว. อีก 250 คน ส่วนใหญ่มาจากวงศาคณาญาติ และเพื่อนพวกพ้อง

...

"ทำถึงขนาดนี้ ยังได้เสียงเพียง 135 ที่นั่ง แต่จะเป็นนายกฯ ให้ได้ ด้วยเสียง ส.ว. ที่ประชาชนไม่ได้เลือก ขณะที่ผลการเลือกตั้ง ได้สะท้อนเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ชัดเจนว่าต้องการการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการเห็นการสืบทอดอำนาจ แต่เสียงของประชาชนกลับไม่มีความหมาย การเลือกตั้ง จึงเป็นเสมือนเพียงพิธีกรรมชุบตัวเผด็จการ"

ทั้งนี้โอกาสของประเทศ สำคัญมากกว่าโอกาสของเพื่อไทย โอกาสของประชาธิปไตยที่จะได้กลับมาลงหลักปักฐานให้มั่น คือภารกิจสำคัญยิ่งกว่าการแสวงหาอำนาจทางการเมือง เพื่อไทยยอมเสียสละ เพื่อไม่ให้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองทางการเมืองใดๆ ขอเพียงประเทศเดินหน้าได้อย่างถูกต้องขอประกาศว่า จะไม่รับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น และขอให้ทุกพรรคการเมืองที่เคยประกาศไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการมาร่วมกัน นำพาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของเรากลับคืนมา นำความสุข และความหวังกลับคืนสู่ประชาชน

"ขอเพียงพรรคขั้วที่ 3 ตัดสินใจเลือกข้างประชาชน อย่างที่เคยพูดไว้ตอนหาเสียง เราจะเอาเผด็จการแปลงร่างออกไป ด้วยเสียงผู้แทนราษฏรของเราได้แล้ว ขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นว่า การยืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องจะทำให้เรายืดอกได้อย่างภาคภูมิใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด และบ้านเมืองของเราจะก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน สังคมมีความถูกต้อง ยุติธรรม แล้วสิ่งเหล่านี้จะทำให้ ประชาชน มีความสุข มีความมั่นใจในอนาคตของตนและลูกหลาน"