วันสมัครยังถือหุ้นสื่อ เจ้าตัวเต้นผางประกาศ เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล หมายแย่งเก้าอี้นายกฯ รุมจีบ‘บัญญัติ’ปธ.สภา

มติ กกต.เอกฉันท์ส่งด่วนศาลรัฐธรรมนูญ ฟัน “ธนาธร” พ้น ส.ส. หลักฐานมัดขาดคุณ-สมบัติ ยื่นใบสมัครเลือกตั้งทั้งที่ยังถือหุ้น “วี-ลัค มีเดีย” ทำหนังสือพิมพ์-สื่อมวลชน งบการเงินโชว์รายได้ขายนิตยสาร-โฆษณาไม่ได้เลิกกิจการ หน.อนค.ลั่นสู้ถึงที่สุดพร้อมนั่งนายกฯ ประกาศเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลหยุดยั้ง คสช. ลุยทาบ ภท.-ปชป.-ชทพ. “อนุทิน” รับกดดันมากบ้านเมืองแตก 2 ขั้ว 20 พ.ค.ขอฉันทานุมัติ ส.ส. “เจ๊หน่อย” หวัง “จุรินทร์” ช่วยรักษาประชาธิปไตย พท.เปิดดีลแบ่งเค้กเทเสียงชู “บัญญัติ” ประธานสภาฯ ขอแค่รองประธานฯคนที่ 1 รองประธานฯคนที่ 2 ให้ฝ่ายประชาธิปไตย พปชร.ทิ้งไพ่จ่อยกเก้าอี้ผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติให้ “บัญญัติ” ลูกพรรคระแวงไม่ปกป้อง “บิ๊ก ตู่-ครม.” “ชวน” ฉุนข่าวปล่อยต่อสายคุย “บิ๊กป้อม” ขอร่วมรัฐบาลจ่อฟ้องสื่อปั้นข่าวเท็จ “บิ๊กติ๊ก” ปัดแจงครหา บอกปกติไม่มีอะไร

การจัดตั้งรัฐบาลยังต้องรอความชัดเจน ทั้งจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ย้ำวันที่ 20 พ.ค.พรรคจะประชุม ส.ส.เพื่อขอฉันทานุมัติจาก ส.ส.ที่ไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ยอมรับมีความกดดันอย่างมาก ส่วนการฟอร์มทีมขั้วที่ 3 ตามมารยาทต้องให้พรรคแกนนำตั้งรัฐบาลก่อน หากตั้งไม่ได้จึงค่อยมีกรรมวิธีที่เหมาะสมต่อไป

...

“อนุทิน” นำลูกทีม ภท.รายงานตัว ส.ส.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 พ.ค. ที่อาคารรัฐสภาใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคและ ส.ส.ภูมิใจไทยทั้งแบบบัญชีรายชื่อและ ส.ส.แบ่งเขตรวม 37 คนจากทั้งหมด 51 คน เดินทางมารายงานตัวการเป็น ส.ส. บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีแกนนำคนสำคัญเดินทางมาอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายชัย ชิดชอบ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ นางนาที รัชกิจประการ นายศุภชัย ใจสมุทร ทั้งนี้ นายชัยได้นั่งรถเข็นมารายงานตัว เนื่องจากอายุมากแล้วเดินไม่ค่อยสะดวก โดยมีนายอนุทินเป็นผู้เข็นรถให้

20 พ.ค.คำตอบชัดเจนจับขั้วฝ่ายใด

จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนของพรรคภูมิใจไทยในการเข้าร่วมรัฐบาลว่า ขณะนี้เชื่อว่าทุกพรรค คงรอให้เกิดความพร้อมจากทุกฝ่ายก่อน ต้องดูตัวเลขประกอบ เพราะทุกคนมีความสำคัญหมดไม่ว่าจะ 1 หรือ 2 เสียง เที่ยวนี้ทุกคนต้องพึ่งพากันและกัน ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อจากฝ่ายใดมายังพรรคภูมิใจไทย ในวันที่ 19-20 พ.ค.จะมีการปฐมนิเทศ ส.ส.ภูมิใจไทยที่ จ.บุรีรัมย์ โดยเฉพาะวันที่ 20 พ.ค.จะประชุม ส.ส. เพื่อขอฉันทานุมัติจาก ส.ส.ที่ไปรับ ฟังความเห็นจากประชาชนมา คาดว่าจะมีความชัดเจนถึงการให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคตัดสินใจทางการเมือง ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้คุยกับพรรคใดเลย พรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส.เป็นลำดับ 5 จะไปเริ่มเจรจาไปเป็นตัวตั้งตัวตีจัดตั้งรัฐบาลคงไม่ได้ ยืนยันทุกวันนี้ยังไม่มีการติดต่อเป็นทางการจาก ใครเลย เรื่องนี้ต้องคุยกันอย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้โทรศัพท์ยังไม่ดังเลย

รับแบ่ง 2 ฝ่ายกดดันมาก

นายอนุทินกล่าวอีกว่า ยอมรับว่าขณะนี้พรรคภูมิใจไทยมีความกดดันมาก เพราะมีการแบ่งฝ่ายเรียกว่าฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายสนับสนุนเผด็จการ ทั้งที่เมื่อผ่านการลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว ไม่ควรแบ่งฝ่ายเรื่องระบอบ ใครจะไปอยู่ฝ่ายใดเป็นเรื่องที่พูดกันได้ แต่ถ้าไปแยกกันคนละระบอบคือการสร้างความกดดัน การจะตัดสินใจอะไรจึงต้องหารือ ส.ส. พรรคภูมิใจไทยทั้ง 51 คนให้รอบคอบ พรรคภูมิใจไทยจะไปร่วมงานกับใครต้องมีแนวทางตรงกันคือเรื่องสถาบัน การไม่สร้างความขัดแย้ง และการสร้างความสุขให้ประชาชน ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคภูมิใจไทยต้องมีเงื่อนไขต้องได้คุมกระทรวงคมนาคมหรือไม่ จึงจะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ นายอนุทินตอบว่า ยังไม่ได้พูดคุยไปไกลขนาดนั้น ไม่รู้ใครไปจัดสรรเก้าอี้ ครม. ยังไม่มีการคุยเรื่องตำแหน่งใดๆ ไม่เคยคุยกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เสนอตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ รวมถึงให้ดูแลกระทรวง คมนาคม ถ้ามาร่วมรัฐบาลกับฝั่งเพื่อไทย นายอนุทินตอบว่า เราเป็นพรรคลำดับที่ 5 ต้องรู้ตัวเอง

ถ้าแกนนำตั้ง รบ.ไม่ได้ค่อยถึงทีขั้วที่ 3

นายอนุทินกล่าวอีกว่า ส่วนการฟอร์มทีมขั้วที่ 3 เพื่อชิงการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ตามมารยาทต้องให้พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก่อน ถ้าจัดไม่ได้จึงค่อยมีกรรมวิธีที่เหมาะสมต่อไป แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น และไม่อยากให้ถึง เพราะไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ พร้อมจะเป็นนายกฯ หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า อย่าให้ไปถึงเลย คงไม่ถึงขั้นตอนนั้น คิดว่าน่าจะจัดตั้งรัฐบาลกันได้ ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ได้นายจุรินทร์ ลักษณวิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่แล้ว และฝากให้นายเฉลิมชัยไปแสดงความยินดีกับนายจุรินทร์ด้วย

“จุรินทร์” ให้รอลุ้นมติ ปชป.

เมื่อเวลา 11.40 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายไชยยศ จิรเมธากร รองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน นายพนิต วิกิตเศรษฐ อดีตรองหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคบางส่วน เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสัญลักษณ์ประจำพรรค หลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค โดยนายจุรินทร์กล่าวถึงการหารือของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เพื่อกำหนดท่าทีว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลว่า ยังไม่ได้มีการกำหนดว่าจะหารือวันไหน เพราะต้องแจ้งรายชื่อ กก.บห.ชุดใหม่ไปยังนายทะเบียนพรรคการเมืองของ กกต.และรอหนังสือตอบรับก่อน กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ถึงจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นทางการ คาดว่าน่าจะทันวันที่ 22 พ.ค. เปิดสมัยประชุมรัฐสภา ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากการประชุมร่วมกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.จะตัดสินใจทิศทางการทำงานในสภาฯ แต่ระหว่างนี้คงเป็นการเตรียมการบริหารจัดการในพรรคก่อน จะมุ่งเน้นการบริหารจัดการ 2 ด้าน คือ 1.การบริหารงานของพรรคและ 2.การบริหารจัดการทางการเมืองควบคู่กันไป จึงต้องเตรียมจัดทัพ 2 ส่วนนี้ก่อน

จัดทัพดึง “กรณ์–พีระพันธุ์” ช่วยงาน

เมื่อถามถึงการวางแนวทางให้ ส.ส.ใหม่ของพรรค นายจุรินทร์ ตอบว่า ส.ส.ทุกคนคงทราบหน้าที่ดีอยู่แล้ว กำลังหารือกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคว่าจะจัดสัมมนาระหว่าง ส.ส. เจ้าหน้าที่เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.การบริหารจัดการรูปแบบใหม่ภายในพรรค เมื่อถามว่า เคยแสดงวิสัยทัศน์ว่าจะทำงานร่วมกับผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรคอีก 3 คนได้จะเชิญให้มาร่วมทำงานด้วยหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ได้เชิญทั้ง 3 คนมาทำงานร่วมกันแล้ว เช่น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ยินดีจะมาเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งไปแล้ว ส่วนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และนายกรณ์ จาติกวณิช มั่นใจว่าจะได้รับความร่วมมือ กำลังดูว่าจะมาช่วยในส่วนไหน จะมีส่วนสำคัญช่วยขับเคลื่อนพรรคให้เดินหน้าต่อไป

ปัด “ชวน” ต่อสายตรง “บิ๊กป้อม”

เมื่อถามอีกว่า มีการปล่อยข่าวว่าการที่นายจุรินทร์ได้รับเลือกเพราะมีสมาชิกเทคะแนนให้เกิดจากการที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคโทรศัพท์ติดต่อกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เพื่อร่วมรัฐบาล นายจุรินทร์ตอบว่า ไม่ทราบ ความจริงการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้พูดกันชัดเจนแล้วว่า ให้แยกระหว่างการตัดสินใจทางการเมืองจะไปร่วมรัฐบาล หรือจะเป็นอะไรแล้วแต่กับการเลือกหัวหน้าพรรค ชัดเจนอยู่แล้วว่าเมื่อวันที่ 15 พ.ค. เป็นการเลือกหัวหน้ากับกรรมการบริหารพรรคที่จะมาทำหน้าที่ต่อไป ส่วนทิศทางการเมืองถือเป็นอีกประเด็นหนึ่ง

จ่อฟ้องสื่อทีวีตัวการปล่อยข่าวเท็จ

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่า นายชวนได้โทรศัพท์คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมว่าจะไปร่วมรัฐบาล 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ขออย่ามาแทรกแซงภายในพรรค โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า “ไม่เคย ไม่เคยคุย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีการรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งเผยแพร่ข่าวดังกล่าวออกไป ทำให้นายชวนไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยมีการหารือกับทีมทนายความและอาจจะดำเนินการฟ้องร้องกับสื่อทีวีช่องดังกล่าวที่เผยแพร่ข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะพาดพิงทำให้นายชวนเสียหาย

“อภิสิทธิ์” เปิดใจขวางหนุน “บิ๊กตู่”

ช่วงเย็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ร่วมกับนพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ หรือ “หมอเอ้ก” อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.และสมาชิกกลุ่มนิวเด็มช่วง “พูดคุยกะหมอเอ้กกับแขกรับเชิญพิเศษ” ตอนหนึ่งว่าการประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์แม้ถูกมองว่าส่งผลกระทบต่อผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา แต่คะแนนกว่า 3.9 ล้านเสียงที่เลือกประชาธิปัตย์ มีอย่างน้อย 70-80 เปอร์เซ็นต์เลือกประชาธิปัตย์เพราะการประกาศจุดยืนดังกล่าว จึงต้องรักษาคำพูดเพื่อรักษาฐาน 3.9 ล้านเสียง ตนลาออกจากหัวหน้าพรรคโดยไม่ลังเลรักษาจุดยืนและคำพูดเป็นเรื่องสำคัญอยากให้พรรคทำแบบนั้น แต่ต้องปล่อยให้กรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.พิจารณา

กุมขมับร่วม พปชร.ง่ายแต่มีงูเห่า

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า กระแสข่าวขั้วการเมืองที่ 3 เป็นเพียงข่าวลือ ข้อเท็จจริงและกติกา ต้องยอมรับว่าขณะนี้เหมือนถูกบังคับให้เลือกข้าง แต่ทั้งสองข้างเดินไปแล้วราบรื่นยาก คืออยู่ดีๆมีข่าวว่าประชาธิปัตย์จะไปจับมือกับเพื่อไทย แปลกใจเพราะประกาศจุดยืนไปตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว สมมติถ้าเปลี่ยนข้างไปอยู่กับภูมิใจไทยตามข่าวลือ นับแล้วยังมีเสียงไม่มากถึง 376 เสียง แต่ พล.อ.ประยุทธ์มีแค่ 126 เสียงก็เพียงพอ ดังนั้นขั้วที่ 3 จึงปิดสวิตช์ ส.ว.ไม่ได้จริง กลับกันสมมติภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ร่วมกับพลังประชารัฐจะมีเสียงเกินครึ่งประมาณ 3-5 เสียงเท่านั้นอาจจะพอ แต่ยากต่อการบริหารประเทศ ทำให้เกิดความคิดเรื่องงูเห่าแล้วสังคมจะยอมรับหรือไม่ พรรคจะต้องค้นหาวิธีไม่ให้อยู่ในสภาวะแบบนี้หรือไม่

พปชร.รอสองตัวแปรตอบรับ

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค กล่าวถึงกระแสข่าวแบ่งโควตารัฐมนตรีให้พรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยพรรคละ 7 เก้าอี้ว่า ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น ไม่มีเรื่องนี้ ยังต้องรอพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจ รวมถึงพรรคภูมิใจไทยและ พรรคอื่นๆ ทุกพรรคมีขั้นตอนของตัวเอง เราต้องเคารพการทำงานของพรรคที่จะมาร่วมตั้งรัฐบาล หลังพรรคเขามีมติจึงถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นตั้งรัฐบาล เมื่อขั้นตอนภายในของเขาเสร็จเรียบร้อยพรรคพลังประชารัฐพร้อมประสาน

ไม่ห่วง ภท.อึดอัดเผชิญแรงกดดัน

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ตัดสินใจไม่มาร่วม นายสนธิรัตน์ตอบว่า อย่าเพิ่งคาดเดากันไป ได้คำตอบจาก 2 พรรคค่อยมาว่ากัน เมื่อถามต่อว่า กังวลหรือไม่ความอึดอัดของพรรคภูมิใจไทยจะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3 นายสนธิรัตน์ ตอบว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น เวลานี้มีข่าวออกมามากมายไม่เกิดประโยชน์ วันนี้ต้องเดินตามครรลองประชาธิปไตย ใครที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ก็จัดตั้งรัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐพยายามจะทำให้ได้ ไม่ต้องห่วง

อาจยกประธานสภาฯให้ ปชป.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐถึงความคืบหน้าการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ แม้ก่อนหน้านี้จะปรากฏชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็น 2 แคนดิเดต ล่าสุดแกนนำพรรคยังตกลงกันไม่ได้ นายสุชาติพยายามหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ของพรรค รวมถึงพรรคภูมิใจไทยที่พร้อมสนับสนุน แต่ติดปัญหา ส.ส.ภาคเหนือของพรรคไม่สนับสนุน ไปหนุนนายวิรัชมากกว่า จนเกิดความเห็นแตกต่างกันภายในชัดเจน หลังพรรคประชาธิปัตย์ได้หัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่พรรคพลังประชารัฐอาจเสนอตำแหน่งประธานสภาฯให้ โดยมองว่านายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อเหมาะสม มีอาวุโสในพรรคและเชื่อว่าจะสามารถควบคุมเกมภายในสภาฯได้

ลูกหาบหวั่นไม่ปกป้อง “บิ๊กตู่-ครม.”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.บางกลุ่มของพรรคพลังประชารัฐ ยังกังวลว่าข้อเสนอที่จะให้นายบัญญัติเป็นประธานสภาฯสุ่มเสี่ยงเกินไป อาจทำให้พรรคพลังประชารัฐเสียเปรียบในสภาฯ พรรคประชาธิปัตย์อาจไม่ปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและคณะรัฐมนตรี ไม่เต็มที่เท่ากับคนในพรรคพลังประชารัฐเป็นเอง ขณะที่นายวิรัชอาจติดปัญหาภาพลักษณ์คดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอลที่ ป.ป.ช.ใกล้จะสรุปชี้มูล อาจไม่สง่างาม จึงอาจให้ไปเป็นประธานวิปรัฐบาล พร้อมกับให้ลูกชายของนายวิรัชเป็นรัฐมนตรีอีก 1 ตำแหน่ง

“เจ๊หน่อย” หวัง “จุรินทร์” รักษา ปชต.

เมื่อเวลา 09.50 น. ที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่คือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกพรรคและโหวตเตอร์ที่ให้ความไว้วางใจ หวังว่าจะได้มาช่วยกันรักษาระบอบประชาธิปไตยสร้างความเข้มแข็งให้ประชาธิปไตย เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่านายจุรินทร์ยังคงมีจุดยืนยึดมั่นที่จะอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย ยืนข้างประชาชน คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า คงไป ตอบแทนไม่ได้ คิดว่าทุกพรรคการเมืองพยายามรักษาคำมั่นสัญญาจากประชาชนมันเป็นหน้าที่ เพราะเมื่อคนที่มาจากการเลือกตั้งต้องอาศัยความไว้วางใจจากประชาชน เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจะคิดคล้ายๆกัน

ยังไม่ได้คุยทั้งกับ ปชป.-ภท.

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะยกเก้าอี้นายกฯให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ หากทั้งสองมาร่วมงานพรรคเพื่อไทยจะขอแค่เก้าอี้ประธานสภาฯ คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่ายังไม่ได้คุยอะไรกันเลย เมื่อถามถึงรายชื่อที่เตรียมเสนอเป็นประธานสภา คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า ทางพรรคต้องนำเสนอชื่อ ขณะนี้เตรียมความพร้อมไว้ในระดับหนึ่ง แต่ยังคงต้องหารือกันเพิ่มอีกนิด

“เสนาะ” โอเคเชียร์ “เสี่ยหนู” นายกฯ

นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ว่า ถือว่าโอเคขอแสดงความยินดี ส่วนจะจับมือกันตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึง ให้พรรคเขาคุยกันให้เรียบร้อยก่อน การประสานงานกับพรรคต่างๆเพื่อตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการเป็นนายกฯนี่คือหลัก เมื่อถามว่ายังหวังจะตั้งรัฐบาลอยู่หรือไม่ นายเสนาะตอบว่า เราเป็นเสียงข้างมากต้องสู้ไปตามเกม ส่วนจะให้ขั้วที่ 3 เป็นนายกฯเรารับได้ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สำหรับตนนายอนุทินโอเค เชื่อว่าพรรคจะโอเค แต่ยังไม่ได้คุยคงต้องใจเย็นๆ

ติว ส.ส.ไม่นานเกินรออย่าทิ้งพื้นที่

ต่อมาเวลา 10.30 น. พรรคเพื่อไทยมีการประชุม ส.ส.และอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย เพื่อวางแนวทางการทำงานและการศึกษาข้อกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปมาก โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเป็นประธาน มีแกนนำพรรคเข้าร่วมกันอย่างคึกคัก อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯของพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียง และนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ก่อนการประชุมนายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม เป็นตัวแทน ส.ส.มอบดอกไม้ให้กำลังใจผู้บริหารพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์หัวหน้าพรรคกล่าวกับสมาชิกพรรคว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่โหดร้ายที่สุด เนื่องจากกติกาที่เอาเปรียบทุกอย่าง นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคถึงขั้นพูดว่าตั้งแต่ทำงานการเมืองมา ไม่เคยพบการเอาเปรียบมากเช่นนี้ คนที่ผิดหวังจากการเลือกตั้งอย่าเพิ่งหมดกำลังใจอย่าทิ้งพื้นที่ เชื่อว่าสถานการณ์ไม่นานเกินรอ

เชื่อมั่น 6 พรรคกุม 245 เสียง

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า นักรบของเราไม่ว่าอยู่ในสถานะใดถือว่าสำคัญ ต้องทำงานที่เราไม่ได้เข้าสภาฯเพราะกติกามีปัญหา เห็นความเหน็ดเหนื่อยความทุ่มเทของทุกคน ทุกที่ที่เราไปประชาชนฝากความหวังว่าอยากให้เราเข้าไปแก้ไขปัญหา ต้องเกาะติดพื้นที่ให้ความอบอุ่นและแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ต้องอยู่ใกล้ชิดพวกเขา เพราะประชาธิปไตยที่ดีที่สุดคือการที่ตัวแทนประชาชนและประชาชนเชื่อมต่อกันได้ตลอดเวลา ถ้าเราไม่สนใจประชาชนเรียกว่าประชาธิปตาย ไม่ใช่ประชาธิปไตย จากนี้เรามีโปรแกรมต้องพัฒนาศักยภาพทั้งสมาชิกและพรรค ที่ผ่านมาต้องขอบคุณกำลังใจจากทุกท่านที่ทำให้พรรคของเราเป็นพรรคที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 เรามีอีก 6 พรรคการเมืองที่รวมกันกับพวกเราทำให้ได้เสียงมากถึง 245 เสียง

มั่นใจรัฐบาลอายุสั้นรอล้างตา

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงผลการประชุม ส.ส.พรรคว่า ที่ประชุมมอบหมายให้ ส.ส.ไปพิจารณากันว่าใครจะเป็นผู้ประสานงานประจำจังหวัดหรือวิปประจำจังหวัด รวมถึงวิปประจำภาค แจ้งเป้าหมายของพรรคคือการต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะอำนาจ ส.ว.ต้องไม่มีสิทธิโหวตเลือกนายกฯ และแก้กฎหมายเลือกตั้งให้เป็นประชาธิปไตยที่สุด ทั้งยังกำชับ ส.ส.รวมถึงผู้สมัคร ส.ส.ให้ขยันลงพื้นที่ต่อเนื่องเพราะรัฐบาลน่าจะอยู่ได้ไม่นานจะเลือกตั้งใหม่ในไม่ช้า และพรรคให้ความสำคัญกับการลงสมัครเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ เริ่มที่นายก อบจ.เชียงใหม่พรรคมอบหมายให้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ดูแล

เล็งดัน “สมพงษ์” คุมเกมในสภาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ส.ส.บางส่วนของพรรคมองสถานการณ์การฟอร์มรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ถือว่ามีโอกาสน้อยมาก เพราะประเมินว่าสุดท้ายแล้วพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย คงเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องเตรียมความพร้อมคือการเสนอชื่อบุคคลเพื่อชิงตำแหน่งประธานสภาฯ รวมถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ที่ต้องเป็น ส.ส.และเป็นหัวหน้าพรรค บุคคลที่ถูกมองว่าเหมาะสมเป็นได้ทั้ง 2 ตำแหน่งคือ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ที่มีอาวุโสเป็นที่ยอมรับของคนในพรรค

หึ่งบิ๊กดีลแตะมือ ปชป.คุมเกมสภาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังประชุม ส.ส.และอดีต ส.ส.พรรคแต่ละภาคได้แยกจับกลุ่มวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง กลุ่ม ส.ส.อีสานบางส่วนวิเคราะห์ทิศทางการเมือง โดยเฉพาะเกมสภาฯที่ต้องมีประธานสภาฯเป็นผู้ควบคุมเกมในสภาฯ มี ส.ส.คนหนึ่งเล่าให้เพื่อน ส.ส.ฟังว่าที่ผ่านมาแกนนำพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ ได้หารือเป็นระยะๆต่างเห็นตรงกันว่าต้องมีบุคคลในฝ่ายประชาธิปไตยเป็นคนคุมเกมสภาฯ พรรคเพื่อไทยขณะนี้บุคคลที่เหมาะสมคือนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์มีหลายชื่อหนึ่งในนั้นคือนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ หากพรรคเพื่อไทยหวังจะได้แนวร่วมดันประธานสภาฯให้เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ต้องยอมถอยไม่เอาตำแหน่งประธานสภาฯ แต่ขอรองประธานสภาฯคนที่หนึ่งแทน ส่วนประธานสภาฯคนที่สองให้เป็นตัวแทนของพรรคใดพรรคหนึ่งในซีกฝ่ายประชาธิปไตย แกนนำระดับสูงของพรรคยังรอท่าทีพรรคประชาธิปัตย์ในการส่งชื่อประธานสภาฯมา หากเป็นนายบัญญัติหรือบุคคลอื่นที่อาวุโส แม่นข้อบังคับ กฎระเบียบการประชุมสภาฯ จะส่งสัญญาณให้สมาชิกรับทราบทันที พรรคเพื่อไทยจึงยังไม่เปิดชื่อบุคคลที่จะเสนอชิงประธานสภาฯในนามพรรค ยังมีเวลาพิจารณาได้ถึงวันที่ 24-25 พ.ค.

หวังคานอำนาจฝ่ายบริหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กลุ่ม ส.ส.ยังพูดคุยกันด้วยว่าตำแหน่งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ หากอยู่ในฝั่งประชาธิปไตยถือเป็นเรื่องสำคัญ ถือเป็นการคานกันระหว่างฝ่ายบริหารกับนิติบัญญัติ ตอนนี้เสียงในฝ่ายประชาธิปไตย 7 พรรครวมกันได้ 245 เสียง ขาดเพียง 6 เสียงจะครบ 251 เสียงจะกลายเป็นเสียงข้างมาก ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมด้วยเกินแน่นอน อีกทั้งขั้นตอนการโหวตเลือกประธานสภาฯลงคะแนนลับ ยิ่งน่าสนใจ นาทีนี้เป็นไปได้สูงประธานสภาฯจะได้เห็นความร่วมมือกันของทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์

“เสรีพิศุทธ์” จีบ ปชป.เอาแต้มไปเลย

ที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เดินทางไปช่วยนายพัณณาศีส น้อยนางจม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ พรรคเสรีรวมไทย หาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่จะมีขึ้นวันที่ 26 พ.ค. พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์กล่าวว่า มาขอคะแนนเลือกผู้สมัครเสรีรวมไทยให้ได้ 1 แสนคะแนนไปเลย เพื่อพรรคจะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น 2 ที่นั่ง ทั้งเขตและบัญชีรายชื่ออย่างละ 1 ที่นั่ง ขอให้เลือก พรรคฝั่งประชาธิปไตยตัดการสืบทอดอำนาจ ได้เชิญพรรคประชาธิปัตย์ให้มาอยู่ฝั่งประชาธิปไตยด้วยกัน เอาคะแนนตนไปเลย โดยไม่ขอตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะไม่ใช่นักการเมืองหวังผลประโยชน์

“ปู่ชัย” นั่งบัลลังก์ลงคะแนนลับ

นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาว่า ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ถึงกำหนดวันทำรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภานัดแรก หลักการที่เคยปฏิบัติมาหากมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาเมื่อใดวันรุ่งขึ้นจะเปิดประชุมสภาฯ เพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาฯ หากมีรัฐพิธีวันที่ 24 พ.ค.จริง วันที่ 25 พ.ค.จะเปิดประชุมสภาฯเพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาฯอีก 2 คน เรียน เชิญนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ผู้มีอาวุโสสูงสุดไว้แล้วให้ทำหน้าที่ประธานชั่วคราวเปิดประชุมช่วงบ่ายเลือกประธานสภาฯ ยึดข้อบังคับการประชุมสภาฯปี 2551 ถ้าเสนอชื่อมากกว่า 1 คน จะใช้วิธีลงคะแนนลับ ขานชื่อ ส.ส.ทีละคนให้มาเขียนชื่อบุคคลที่เป็นประธานสภาฯลงในซองลงคะแนนแล้วนับ แล้วเลือกรองประธานสภาคนที่ 1 และคนที่ 2 ตามลำดับไป นายชัยรับปากพร้อมทำหน้าที่ สุขภาพยังแข็งแรงดี ใช้หอประชุมทีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ ประชุมช่วงบ่าย ช่วงเช้าจะเปิดประชุมวุฒิสภาเพื่อเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาในวันเดียวกัน ก่อนเลือกประธานสภาฯ ส.ส.กล่าวปฏิญาณตน หากใครไม่มาถือว่ายังไม่ได้เป็น ส.ส.โดยสมบูรณ์

ปิดจ๊อบ ส.ส.รายงานตัว 497 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาแห่งใหม่ว่า หลังจากช่วงเช้านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำ ส.ส.ภูมิใจไทย 37 คน เดินทางมารายงานตัวการเป็น ส.ส. แล้ว เมื่อเวลา 13.00 น.สำนักงานเลขาธิการสภาฯได้ปิดการรับรายงานตัว ส.ส. โดยสรุปยอดมี ส.ส.มารายงานตัวทั้งหมด 497 คนจากที่ กกต.ประกาศรับรอง 498 คน ขาดเพียง 1 คน คือ น.ส.จุมพิตา จันทรขจร ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ ที่กำลังอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่สามารถมารายงานตัวช่วงนี้ได้ โดยสำนักงานเลขาธิการสภาฯ จะให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารไปให้ น.ส.จุมพิตาเซ็นรับรองที่โรงพยาบาล

กกต.ส่งศาล รธน.ฟัน “ธนาธร” พ้น ส.ส.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน กกต.นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.เป็นประธานการประชุม โดยมี กกต.เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง กระทั่งเวลา 15.20 น. สำนักงาน กกต.ออกเอกสารเผยแพร่ข่าวระบุว่า กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ กรณีความปรากฏหรือมีเหตุอันควรสงสัยต่อ กกต.ว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ซึ่งเป็นเหตุให้ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบรัฐธรรมนูญ 98 (3)

มติเอกฉันท์หลักฐานมัดถือหุ้นสื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กกต.มีมติเอกฉันท์เห็นว่าจากพยานหลักฐาน บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เป็นบริษัทที่ระบุวัตถุประสงค์ในการยื่นจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ว่า ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชน เมื่อพิจารณาจากงบการเงินของบริษัทพบว่ามีรายได้จากการขายนิตยสาร ให้บริการโฆษณาถือเป็นการประกอบธุรกิจสื่อสารมวลชนและยังคงประกอบกิจการอยู่ ไม่มีการจดทะเบียนยกเลิกบริษัทหรือเสร็จการชำระบัญชี ขณะที่สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้น หรือ บอจ. 5 ที่ กกต.ได้รับจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังปรากฏชื่อนายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นตั้งแต่ปี 2558 จนถึงวันที่ 21 มี.ค.62 เมื่อ กกต.ประกาศเปิดสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 4-8 ก.พ. จึงเท่ากับว่าขณะที่นายธนาธรยื่นใบสมัครลงรับเลือกตั้งยังถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่ จึงเข้าข่ายขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเป็นบุคคลที่ห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 42(3)

ส่งเรื่องด่วนถึงสำนักงานศาล รธน.

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสองยังกำหนดว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า ส.ส.ซึ่งถูกร้อง มีกรณีตามที่ถูกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้วให้ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งคำวินิจฉัยนั้นไปยังประธานสภาฯ ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.ผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ให้ถือว่าผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่กระทบต่อกิจการที่ผู้นั้นได้กระทำไปก่อนพ้นจากตำแหน่ง มีรายงานว่า กกต.ได้ยื่นคำร้องถึงสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแล้ว

“ธนาธร” เย้ย คสช.ดิ้นต้านเฮือกสุดท้าย

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แถลงกรณี กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยการถือครองหุ้นสื่อว่า ไม่มีอะไรสุ่มเสี่ยง กกต.ยังไม่กล้าตัดสินใจเลย เรามั่นใจในเอกสารหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าไม่มีผลอะไรต่อคุณสมบัติการสมัครเป็น ส.ส. เราไม่ได้คิดเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเลย มองว่านี่คือความพยายามเฮือกสุดท้ายของ คสช.ที่จะสกัดกั้นพรรคอนาคตใหม่คาดหวังว่าถ้าจัดการกับแกนนำพรรคได้แล้ว จะจัดการกับพรรคได้ แต่เรามั่นใจในพยานหลักฐานเอกสารของพวกเราว่าไม่มีอะไรมาเอาผิดได้ เชื่อมั่นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความเป็นธรรมและไม่รู้สึกกังวล เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ ยืนยันว่าไม่มีใครหาข้อโต้แย้งที่เป็นวิทยาศาสตร์หรือหาหลักฐานมาล้มล้างหลักฐานที่เรามีได้ เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์และจะเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ส่วน ส.ส.ของพรรคยังมีกำลังใจหลายคนพยายามผลักดันให้เราประกาศจุดยืนเช่นนี้มานานแล้ว

พร้อมนั่งนายกฯ เป็นแกนนำตั้ง รบ.

นายธนาธรกล่าวถึงจุดยืนทางการเมืองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งประชาชนทั่วประเทศสงสัยถึงความชัดเจน ความหวังลดน้อยถอยลง รู้สึกว่ามีเลือกตั้งหรือไม่มีก็เหมือนเดิม ประชาชนในประเทศ ไทยตอนนี้หมดหวังไปแล้ว ปักใจเชื่อแล้วว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นนายกฯ พรรคไม่สามารถปล่อยให้สังคมสิ้นหวังแบบนี้ต่อไปได้ พวกเราขอยืนยันเจตนารมณ์ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคภารกิจอันดับ 1 คือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.จะสู้ถึงที่สุด เพื่อจะหยุดยั้งความคลุมเครือ พรรคอนาคตใหม่ขอประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่ามีแต่พรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่จะดึงความสามัคคีร่วมกันได้ และดึงพรรคต่างๆที่มีความขัดแย้งมาทำงานร่วมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกันคือส่งทหารกลับกรมกอง แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย เพื่อขจัดความสิ้นหวังเราจะจัดตั้งรัฐบาลเอง ถ้าหากพรรคอนาคตใหม่รวบรวมเสียงจนจัดตั้งรัฐบาลได้ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกฯ เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.

เดินสายเจรจา ภท.-ปชป.-ชทพ.

เมื่อถามว่า มีการทาบทามพรรคการเมืองอื่นแล้วหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ตนไม่ปฏิเสธว่ามีการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นเป็นเรื่องปกติ หลังจากนี้จะเดินทางไปขอพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา และนายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อบอกทุกคนว่าถึงเวลาแล้วที่พรรคการเมืองจะมาทำงานร่วมกัน เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.การพูดคุยจะเริ่มต้นทันที มั่นใจว่าจะทันวันที่ 20 พ.ค. เป็นวันที่พรรคภูมิใจไทยจะประกาศท่าที อย่างช้าทุกอย่างต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 พ.ค. เมื่อถามว่า การประกาศเช่นนี้ได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทยมาก่อนหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ลองไปถามพรรคเพื่อไทยดูตอบแทนไม่ได้ แต่ในเมื่อภารกิจเลือกตั้งครั้งนี้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยน่าจะสนับสนุนพวกเรา มั่นใจมากต้องทำให้ได้ ไม่ใช่ทำเพื่ออนาคตใหม่ เพื่อเก้าอี้นายกฯ เพื่อเก้าอี้รัฐมนตรีใดๆ แต่เพื่อให้สังคมเดินหน้า เอาความหวังของประชาชนกลับมา และบอกประชาชนว่านี่ไม่ใช่เวลาสิ้นหวัง แต่เป็นเวลาที่ต้องตื่นตัวทางการเมือง เรียกร้องสิ่งที่ถูกต้องอย่างตรงไปตรงมา

“บิ๊กติ๊ก” โผล่รายงานตัวแล้ว

อีกเรื่อง เมื่อเวลา 08.30 น. ที่อาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น บรรยากาศการเปิดให้รายงานตัว ส.ว. ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เป็นวันที่ 3 มี ส.ว.ทยอยมารายงานตัวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันรวม 115 คน มี พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร มาเป็นคนแรก จากนั้น ส.ว.คนอื่นๆทยอยรายงานตัวตามลำดับ อาทิ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย อดีตรองหัวหน้า คสช.และอดีตรองนายกฯ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีตรองนายกฯ และอดีต รมว.ยุติธรรม พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร อดีตรองหัวหน้า คสช. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.การท่องเที่ยวฯ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตรองหัวหน้า คสช.และอดีต รมว.แรงงาน พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา (บิ๊กติ๊ก) น้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ อดีตรองนายกฯ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ นายสุธี มากบุญ อดีต รมช.มหาดไทย นายลักษณ์ วจนานวัช อดีต รมช.เกษตรฯ เป็นต้น รวมยอด 3 วัน มี ส.ว.มารายงานตัวแล้ว 228 คน

ไม่แจงบอกปกติไม่มีอะไรกดดัน

พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา สมาชิก ส.ว.ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารายงานตัวเป็น ส.ว.เพียงสั้นๆเรื่องมีความกดดันในการทำหน้าที่ ส.ว.กรณีถูกวิพากษ์–วิจารณ์หรือไม่ว่า “ปกติไม่มีอะไร” เมื่อถามว่ามีอะไรจะชี้แจงหรือไม่ พล.อ.ปรีชากล่าวเพียงสั้นๆว่า “ไม่มี วันนี้มาแสดงตน”

ยัน 250 ส.ว.มีเอกภาพโหวตตามหน้าที่

พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ส.ว.ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิจารณ์จากพรรคการเมืองว่า ส.ว.ที่มาจากคสช.แต่งตั้ง เหมือนสภาผลัดกันเกาหลังว่า บทบาทหน้าที่ ส.ว.บางส่วนทำหน้าที่ต่อเนื่องมาจาก สนช. ส่วนความเป็นเอกภาพ ส.ว.คงมีเหมือนตอนเป็น สนช. เพราะเรามาด้วยกัน คัดเลือกและอยู่ในกลุ่มคนในลักษณะที่เข้าใจกันและมีเป้าหมายเดียวกันในการทำงานในสภาฯเดียวกัน การทำงานของฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติควรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน การที่ พล.อ.ประยุทธ์เลือก ส.ว.มาและ ส.ว.มาเลือกคนที่จะเป็นนายกฯ ต่อ คงไม่ถือว่าเป็นการต่างตอบแทนผลประโยชน์ เพราะทำตามบทบาทหน้าที่ คสช.ต้องเลือก ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญ แล้ว ส.ว.มาทำหน้าที่ตามขั้นตอนบทบาทส่งผ่านกันมา การโหวตเลือกนายกฯเป็นบทบาทหนึ่งของ ส.ว.

พลิ้ว “บิ๊กตู่” แค่ตัวเลือกหนึ่งเท่านั้น

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะได้ดำรงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาว่า ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ไปตั้งตัวเองไม่ได้ ส่วนเสียงวิจารณ์ ส.ว.มีแต่หน้าเดิมๆ เรารับฟังทุกความเห็นที่สะท้อนมา คงใช้เวลาทำงานพิสูจน์ตัวเองกับข้อติติง อยากให้ ส.ว.พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นบทบาทในการโหวตนายกฯ จะให้ทำอย่างไรเป็นกติกาที่เขียนในรัฐธรรมนูญ กติกาตรงนี้เขียนอยู่ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติ ส.ส.มีส่วนสำคัญมากที่สุด เป็นผู้เสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกฯ ส.ว.ไม่มีสิทธิเรามีหน้าที่แค่พิจารณาร่วมเท่านั้น จุดเริ่มมาจาก ส.ส.จึงฝากกลับไปยัง ส.ส.ว่า ส.ส.คือด่านแรกที่จะพิจารณาเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกฯต่อที่ประชุมรัฐสภา และควรเป็นคนที่ ส.ส. เห็นชอบเป็นเสียงส่วนใหญ่ก่อน พล.อ.ประยุทธ์เป็นหนึ่งในรายชื่อที่จะรับไว้พิจารณา

“วีระศักดิ์” ไม่กังวลเปลี่ยนบทบาท

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิก ส.ว.อดีต รมว. การท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า การทำหน้าที่ ส.ว.ต่างจากการเป็นรัฐมนตรีมาก ต้องใช้องค์ความรู้กว้างมากเป็นพิเศษ ไม่ขัดข้องงานนิติบัญญัติ แม้ไม่เคยเป็น ส.ว. มาก่อน ไม่มีอะไรต้องกังวล จะมองเป็นการสืบทอดอำนาจหรือไม่นั้น เปลี่ยนผ่านตำแหน่งต่างๆในบ้านเมืองมาพอสมควร การทำหน้าที่ต้องปฏิบัติตามภารกิจของรัฐธรรมนูญไม่อยู่ภายใต้อาณัติ บุคคลที่ดำรงตำแหน่ง สาธารณะ ต้องทำใจยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ไม่มีปัญหาอะไร อยู่ที่การกระทำแต่ละคนมากกว่า ส่วนจะเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะตัดสินใจอะไรทั้งนั้น

“คารม” ฉะ “วันชัย-เสรี” อย่าวางก้าม

นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า รายชื่อ ส.ว.ทั้งหมดล้วนแต่เป็นคนใกล้ชิดกับ คสช.พรรคพวกกันตอบแทนกันเหมือนที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.ยอมรับว่าการตอบแทนเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ส่วนกรณีที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ระบุไม่อยากให้ ส.ส.ก้าวก่ายวิจารณ์ ส.ว. ยืนยันว่า ส.ส.อยู่ในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทยเหมือน ส.ว. แตกต่างกันที่ ส.ส.ประชาชนเลือกมา ไม่ใช่กลุ่มบุคคลเลือกมา ส.ส.ย่อมวิพากษ์ วิจารณ์ได้แน่นอน ไม่มีอะไรจะมาห้ามหรือมาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ วางก้าม โดยเฉพาะในประเด็นที่สังคมกำลังจับตาบทบาทของ 250 ส.ว. จะโหวตเลือกนายกฯ ยิ่งเป็นเรื่องที่ใครสามารถแสดงความเห็นต่อ ส.ว.ได้ นักการเมืองที่มาจากประชาชนเห็นหัวประชาชน เคารพประชาชน พวกมาช่องทางพิเศษควรเคารพประชาชน และเคารพความเห็นต่างในการ วิพากษ์-วิจารณ์บ้าง เงินเดือนก็มาจากภาษีประชาชน

“วิษณุ” ชี้ถ้า “ชยุต” มีปัญหาเลื่อนแทน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชยุต สืบตระกูล ส.ว.เคยถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดคดี ทุจริตจัดซื้อที่ดินตาบอดจอดรถขยะ กทม.เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯ กทม.คดีอยู่ระหว่างฎีกาจะขาดคุณสมบัติ ส.ว.หรือไม่ว่า ทราบเรื่องแล้ว

แต่ยังไม่สามารถตอบได้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ หากพบว่าขัดก็พ้นไปเลื่อนลำดับสำรองขึ้นมา เราให้เจ้าตัวเซ็นรับรองคุณสมบัติทั้งหมดเอง ไม่สามารถไปตรวจสอบได้ ขณะนี้ต้องบอกว่าแค่ลาออกแล้วเลื่อนคนใหม่ขึ้นมา และอาจมีคนอื่นๆที่มีลักษณะทำนองนี้อีก จะปรากฏในช่วงเวลาแบบนี้ เมื่อประกาศรายชื่อไปแล้วใครร้องขึ้นมาเป็นเรื่องการพ้นไปหรือลาออกแล้วเลื่อนคนมาแทน จะทำเมื่อไหร่ก็ได้

โบ้ย กกต.ใช้ 1.3 พันล้านเฟ้นว่าที่ ส.ว.

นายวิษณุกล่าวอีกว่า กระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่พูดกันว่ามีการใช้งบประมาณคัดเลือก ส.ว.ถึง 1,300 ล้านบาท เป็นการใช้ในส่วนของ กกต.ที่ต้อง หาคนเป็นพันเป็นหมื่นตั้งแต่ระดับตำบล อำเภอ จังหวัด ทั้งต้องเช่าสถานที่ แต่ ส.ว. 194 คน ในส่วนของ คสช.คัดสรร เข้าใจว่าใช้งบฯเพียงไม่กี่พันบาทเท่านั้น เพราะ คสช.ที่เป็นกรรมการสรรหาไม่ได้มีเบี้ยประชุม และถ้าจะมีค่าใช้จ่ายเป็นแค่เรื่องเอกสาร

ยัน ก.สรรหาไม่ได้เลือกตัวเอง

เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้เปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการสรรหา ส.ว. นายวิษณุ ตอบว่า เปิดเผยได้ คสช.คงจะเปิดเผยในไม่ช้านี้ ตั้งใจแต่แรกว่าเมื่อประกาศรายชื่อ ส.ว.แล้วต้องเปิดเผย มีการร้องเรื่องนี้ไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดินถามมา คสช.เคยส่งคำสั่งสำเนาแต่งตั้งไปให้ ส่วนข้อวิจารณ์ว่ากรรมการสรรหาตัวเองเป็น ส.ว.เสียเอง ระหว่างพิจารณาจะไม่มีการพิจารณาตัวเอง ถ้าไม่เดินออกจากที่ประชุมก็ไม่ออกความเห็น ไม่คิดว่า เป็นปัญหาอะไร ยืนยันได้เพราะอยู่ในที่ประชุม ส่วนในชั้น คสช.ตนอาจอยู่ไม่ครบ แต่ได้ทราบว่าเจ้าตัวไม่มีส่วนออกความเห็นในชื่อตัวเอง มีการจดรายงานการประชุมไว้ แต่จะเผยแพร่ได้หรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะรายงานการประชุมของ คสช.เผยแพร่ไม่ได้ หากมีคดีความสามารถส่งรายงานนี้ไปให้ดูได้

2 อดีต สนช.แจงทรัพย์สินหลังพ้นเก้าอี้

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 2 ราย ได้แก่ นายดิสทัต โหตระกิตย์ กรณี พ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2562 และนายอนุมัติ อาหมัด กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2562 โดยนายดิสทัต แจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่ามีทรัพย์สิน 205,664,904 บาท ไม่มีหนี้สิน ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงเครื่องประดับ อาทิ ชุดเครื่องลายครามต่างๆ เครื่องเบญจรงค์ลายมังกรลายสุโขทัย งาช้างคู่ เครื่องประดับหลายชิ้นไม่ได้แจ้งราคา ระบุเพียงว่าไม่ทราบมูลค่า ได้รับเป็นมรดก ขณะที่นายอนุมัติ อาหมัด อดีต สนช. แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 345,409,270 บาท ไม่มีหนี้สิน ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตลอดจนทรัพย์สินอื่นๆ อาทิ แหวนเพชร แหวนพลอย เข็มกลัดเพชร เข็มกลัดมุก กำไลทองคำ กำไลเพชร กำไรพลอย จี้ทับทิม จี้เพชร จี้ไข่มุก สร้อยคอชุด ทองคำแท่ง นาฬิกาหรู ปืนออโตเมติก .45

“วิรัช” ระทึกใกล้ลงมติคดีฟุตซอล

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีความไม่โปร่งใสการก่อสร้างสนามฟุตซอลทั่วประเทศที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐกับพวกถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนฯเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างนำเข้าวาระที่ประชุม ป.ป.ช. กรรมการ ป.ป.ช.หลายรายเดินทางบ่อย ต้องรอให้เข้าประชุมครบก่อน หากมีการชี้มูลความผิดถือเป็นแค่ขั้นตอนแรกเท่านั้น ยังเหลือกระบวนการชั้นอัยการและศาลต้องพิจารณากันต่อไป คดีการเมืองอื่นๆอยู่ระหว่างพิจารณาได้สั่งการเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบไปตรวจสอบคดีทั้งหมด ก่อนนำเข้าที่ประชุม ป.ป.ช. ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองและข้อกฎหมาย ไม่ได้เร่งรัดคดี