"มงคลกิตติ์" เร่ง "สมคิด" ในฐานะรักษาการ รมว.อุดมศึกษาฯ มอบอำนาจ เลขาฯสกอ. ขับเคลื่อนงานประจำ งานพัฒนาการศึกษาของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศโดยด่วน หลัง 3 รมต.ศธ. ชิงลาออก ทำให้งานหยุดชะงัก

เมื่อวันที่ 14 พ.ค.62 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลในการแยกมหาวิทยาลัยออกมาจากกระทรวงศึกษาธิการมาสังกัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ว่า ถือเป็นนโยบายที่ดีมากของรัฐบาล เพราะจะทำให้ประเทศไทยมีงานวิจัยเชิงพาณิชย์และงานวิจัยเพื่อชุมชนและสังคมร่วมกับภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทยได้พัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า แต่วันนี้ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ทั้งรัฐ-เอกชน ว่าตั้งแต่แยก สกอ.มาสังกัดกระทรวงอุดมศึกษาฯ เมื่อวันที่ 2 พ.ค. และต่อมาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. รัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการทั้งหมด 3 ราย ลาออกจากตำแหน่งทั้งหมด จึงทำให้เกิดสุญญากาศในการบริหารการศึกษา ดังนั้นตนมีความเห็นว่าเมื่อรัฐบาลมีกฎหมายให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ย้ายไปอยู่กระทรวงอุดมศึกษาฯ แต่ยังไม่มีการออกคำสั่งมอบอำนาจแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่รับผิดชอบงานสำคัญของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จึงทำให้ขณะนี้งานด้านการบริหารการศึกษา และงานด้านการบริหารบุคคลต่างๆ ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาหยุดชะงัก และงานของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ส่งเรื่องมาขออนุมัติที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาเป็นจำนวนมากมีการหยุดชะงักและล่าช้าอย่างมาก เพราะ ศ.สัมพันธ์ ฤทธิเดช ซึ่งเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ยังไม่กล้าลงนามในคำสั่งต่างๆ ทุกเรื่อง บางเรื่องก็ล่าช้ามาเป็นเดือนแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการศึกษาด้านอุดมศึกษาของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการเสนออนุมัติหลักสูตรการเรียนการสอน การเสนอรายชื่อผู้บริหารมหาวิทยาลัยไปโปรดเกล้าฯ งานประกันคุณภาพการศึกษา งานสอบสวนด้านกฎหมาย เป็นต้น หยุดชะงักหมด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการจัดการศึกษาด้านอุดมศึกษาของประเทศ

...

ดังนั้น ตนขอเรียกร้องให้ขณะนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ และรักษาการ รมว.กระทรวงอุดมศึกษาฯ จึงจำเป็นต้องเร่งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบงานของกระทรวงอุดมศึกษาฯ โดยเฉพาะผู้รับผิดชอบงานในส่วนของมหาวิทยาลัยต่างๆ ในช่วงนี้ไปพลางก่อนโดยเร็ว ก่อนจะมี  รมว.อุดมศึกษาฯ จากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน ก็จะทำให้งานของอุดมศึกษาสามารถขับเคลื่อนไปได้ เพื่อประโยชน์ด้านการศึกษาและการวิจัยของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล.