มองข้ามช็อตไปถึงขั้นการฟอร์มทีม วางตำแหน่งต่างๆกันแล้ว
ทุกอย่างใกล้ลงล็อกให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ได้ต่อตั๋วผู้นำ
ในภาวะที่ฝั่งพรรคเพื่อไทยดูเหมือนจะถอดใจ ก้มหน้ารับชะตากรรมตกที่นั่งฝ่ายค้านเต็มตัว
อย่างที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ทวิตเตอร์สรุปยอด ส.ส.ฝั่งที่อ้างตัวอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ลดลงมาเหลือ 245 ที่นั่ง
เสียงวูบหายไปอื้อ หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผล ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างเป็นทางการ โดยใช้สูตรแบ่งเก้าอี้ให้พรรคเล็กพรรคน้อยที่ได้คะแนนต่ำกว่า 7.1 หมื่นคะแนน ได้มีที่นั่ง ส.ส.ด้วย
สมการจัดตั้งรัฐบาลพลิกผัน กลายเป็นฝ่ายนายใหญ่ที่นั่งหดไปหลายเก้าอี้ จากที่เคยคุยไว้มี 255 ที่นั่ง เหลืออยู่แค่ 245 เสียง และยังไม่รู้ว่าจะเข้าเนื้ออีกหรือไม่
รวมเสียงแนวร่วมในสังกัดแล้วได้ไม่เกินครึ่ง ยังไงก็ไม่เพียงพอจัดตั้งรัฐบาล
แนวโน้มสูงเกิดการสวิงขั้วไปฝั่งพลังประชารัฐได้จัดตั้งรัฐบาลแทนโดยชอบธรรม
เส้นทางข้างหน้าค่ายพลังประชารัฐราบรื่น ตรงข้ามกับหนทางพรรคเพื่อไทยเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา
สถานการณ์ความได้เปรียบเทมาอยู่ฝ่าย “ลุงตู่” พรรคเล็กพรรคน้อยไม่มีเก็บอาการ
แข่งกันเปิดหน้าขอมาอยู่ข้างพรรคพลังประชารัฐ เกาะขบวนร่วมรัฐบาลไว้ก่อน
พากันสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่กล้ายื่นเงื่อนไขต่อรองมากมายเหมือนในอดีต
หลายอย่างคลิกลงตัว อาทิ ตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ล็อกไว้ให้ “พ่อมดดำ” สุชาติ ตันเจริญ ผู้แทนรุ่นเก๋าจากเมืองแปดริ้ว มากุมบังเหียนคอยคุมเกมในสภา
หรือตำแหน่ง ส.ว.ที่จะเป็นเครื่องมือพิเศษโหวตหนุน พล.อ.ประยุทธ์ได้เบิ้ลเก้าอี้ผู้นำ ส่วนใหญ่ก็มาจาก สนช. สปท. สปช. และ ครม.ตบเท้าเข้ามา กรองมาเฉพาะพวกพ้องน้องพี่ และคนคุ้นเคยรู้มือกันดี
...
แม่น้ำ 5 สายยังไม่หมดหน้าที่ แค่แปลงสภาพหัวโขนมาเป็น ส.ว. รอต่อวีซ่าให้ “ลุงตู่”
โอกาสเปิดโล่งให้ผู้นำคนเดิมกุมอำนาจต่อ ในรูปการณ์ที่รัฐบาลหลังเลือกตั้งยังเดินหน้าต่อได้ ไม่ต้องพึ่งบริการ “คนนอก” ใช้โมเดลรัฐบาลแห่งชาติมาผ่าทางตัน
เหลือแค่บริหารจัดการเกลี่ยโควตารัฐมนตรีให้ลงตัว เป็นที่พอใจของพรรคร่วมรัฐบาลที่ดูยังไม่เข้าที่เข้าทาง
ตามกระแสข่าวลูกเฮี้ยวล่าสุดของพรรคภูมิใจไทยที่แอบต่อสายชวนพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมแท็กทีมต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกันใหม่ เนื่องจากไม่พอใจการจัดสรรโควตาในช่วงที่ผ่านมา
ยื่นเงื่อนไขขอแบ่งกระทรวงเกรดเอ ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงด้านเศรษฐกิจมาอยู่ในความครอบครอง ไม่ให้กินรวบอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐฝ่ายเดียว
“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าทีมภูมิใจไทย ได้โอกาสโก่งราคา จ้องหยิบชิ้นปลามัน ในภาวะรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
โยงไปกับจังหวะผุดขั้วการเมืองที่ 3 “ภูมิใจไทย–ประชาธิปัตย์–ชาติไทยพัฒนา” เป็นแกนนำแข่งตั้งรัฐบาลสู้กับพรรคพลังประชารัฐ เดินสายกลาง ไม่ขัดแย้งกับใคร เป็นทางเลือกใหม่
แต่นั่นเป็นได้แค่สูตรทางทฤษฎีหวังสร้างราคาต่อรอง ต่างจากในทางปฏิบัติที่ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาผูกสัญญาใจ ล่มหัวจมท้ายกับพรรคพลังประชารัฐเป็นลำดับแรกๆ
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่ระหว่างเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ก็มีขั้วทีมงาน “ลุงกำนัน” ฝากเลี้ยงไว้ประชาธิปัตย์อยู่จำนวนมาก ยังไงก็ต้องมีบางส่วนตามไปร่วมลงเรือลำเดียวกับ “ลุงตู่” แน่
ตามเสียงของ 2 ค่ายที่ตกเป็นข่าว “ประชาธิปัตย์–ชาติไทยพัฒนา” รีบปฏิเสธปฏิบัติการดีลสร้างทางเลือกใหม่
สูตรทางเลือกที่ 3 ดูแล้วความเป็นไปได้ยังเลื่อนลอย เป็นได้แค่ลีลาปั่นราคาของพรรคตัวแปรบางพรรคที่เล่นตัว ต้องการต่อรองให้ตัวเองได้ผลประโยชน์มากที่สุด
เพราะนาทีนี้ “ลุงตู่” ไม่ปล่อยกระทรวงเกรดเอหลุดไปอยู่ในมือพรรคร่วมรัฐบาลแน่ๆ อย่างน้อย 4 กระทรวงหลัก มหาดไทย กลาโหม คลัง และคมนาคม ต้องอยู่ในคอนโทรลของพรรคพลังประชารัฐ
ปฏิบัติการเกลี่ยโผ ครม.ยังฝุ่นตลบ ยังต้องรอความชัดเจน
ไม่ใช่แค่เฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล แต่รวมถึงภายในพรรคพลังประชารัฐเองที่ยังวุ่นวาย แบ่งเค้กไม่ลงตัวทั้งกลุ่ม รมต. 4 กุมาร กลุ่มสามมิตร กลุ่ม ส.ส.กทม. และกลุ่มเพื่อนพ้องน้องพี่ของ “ลุงตู่”
รอจังหวะกระเพื่อม หากบริหารความพึงพอใจกันไม่ลงตัว!!!
ทีมข่าวการเมือง
อ่านข่าวล่าสุด เจาะลึกข้อมูลเลือกตั้ง 2562
https://www.thairath.co.th/election