ตาม "สอย" ทีหลังใน 1 ปี 15 รมต.กับ 60 กว่า สนช. ดี๊ด๊าแปลงร่างเป็นส.ว.

15 รมต.เปลี่ยนเก้าอี้นั่ง ส.ว. “วิษณุ” เผยเหลือเกินกึ่งหนึ่ง 17 รมต.รวมนายกฯลุยงานต่อ ประสานเสียง “บิ๊กป้อม” บอกการเมืองมีทางออกไม่ติดเดดล็อก ถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 91 แค่เลื่อนรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายกฯจ่อถ่ายโอนงาน คสช.ซุกไว้ที่ กอ.รมน.ทิ้งเชื้อคงคำสั่ง คสช. 65 ฉบับ สนช. 1 ใน 3 แปลงร่าง ยึดสภาสูง เกือบ 70 คนทยอยลาออก เพื่อไทยจวกชงเองกินเอง สานต่อสืบทอดอำนาจ กกต.ปล่อยผีรับรอง 349 ส.ส.เขตเข้าสภาฯ พท.นำโด่ง 136 ที่นั่ง ทิ้งห่าง พปชร.ได้ 97 ที่นั่ง ภท. 39 ที่นั่งแซงหน้า ปชป.เหลือ 33 ที่นั่ง “แสวง” แจงตามสอยทีหลัง สั่งเลือกตั้งใหม่ใน 1 ปี รับกระทบคะแนน ส.ส.พึงมี สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา-สภาผู้แทนราษฎร นำข้อมูลสูตรคิดปาร์ตี้ลิสต์ส่งศาลรัฐธรรมนูญ

การประกาศรายชื่อบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีความชัดเจนเกือบเสร็จสิ้น ล่าสุดมีรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลาออกจากตำแหน่งเพื่อไปเป็น ส.ว. รวม 15 คน ขณะที่มีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีชื่อติดโผเป็น ส.ว.เป็นจำนวนมากเกือบ 70 คน

...

“บิ๊กตู่” ยิ้มขอให้สื่อรอฟัง รมต. นั่ง ส.ว.

วันที่ 7 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากมีการประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อสรุปการทำงานที่ผ่านมา ก่อนมีรัฐบาลใหม่ และเป็นการประชุม ครม. นัดสุดท้ายสำหรับรัฐมนตรีที่จะลาออกเพื่อไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยเมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ถึงกรณีข่าวมีรัฐมนตรีเตรียมยื่นใบลาออกเพื่อไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า “เดี๋ยวรอฟังก็แล้วกัน”

ถ่ายรูปที่ระลึก 15 รมต. ไขก๊อก

เมื่อเวลา 12.00 น. ช่วงเบรกพักประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์เชิญ 15 รัฐมนตรีที่ลาออกไปเป็น ส.ว. ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก ที่ห้องรับรองชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ประกอบด้วย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯและ รมว.ยุติธรรม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ นายอุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รมช.ต่างประเทศ นายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย และนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯและนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ร่วมถ่ายภาพด้วย

โอ่ที่ทำมาไม่มีอะไรเสียหาย

เมื่อเวลา 15.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวภายหลังประชุมร่วม ครม. และ คสช.ว่ามีการทบทวนกฎหมายต่างๆว่ากฎหมายใดจำเป็นที่จะยกเลิกคำสั่ง คสช.หรือมาตรา 44 มีหลายเรื่อง ส่วนที่ต้องคงไว้มีประมาณ 65 ฉบับ คณะทำงานกำลังทบทวนอยู่ สิ่งที่ทำมาไม่ได้มีอะไรเสียหายทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คสช.ได้ทำงานมา วันนี้ ได้สรุปการทำงาน จะมีการแถลงผลงาน รัฐบาลเตรียมแถลงผลงานในเว็บไซต์ให้รับทราบต่อไปในอนาคต เป็นผลงานปีที่ 5 และ คสช. 5 ปี สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพในการทำงานช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนถึงงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และยังคงต้องดูแลต่อไป

เล็งถ่ายโอนงาน คสช. ไปให้ กอ.รมน.

“วันหน้ามีแผนปรับโอนหน้าที่ของ คสช.ให้กับ กอ.รมน. มีการจัดโครงสร้างไว้รองรับแล้ว เพื่อเป็นหน่วยงานในการบูรณาการ ไม่ใช่เป็นหน่วยงานที่จะไปควบคุมสั่งการใครทั้งสิ้น ต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล รับคำสั่งนายกรัฐมนตรีทั้งหมด ในฐานะ ผอ.รมน.ไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

“วิษณุ” เผยเหลือคงคำสั่ง คสช.65 ฉบับ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แถลงว่า ที่ประชุมรายงานผลดำเนินการเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รวมถึงสรุปกฎหมายที่ คสช.และ ครม.ออกมาเกือบ 5 ปีมีทั้งสิ้น 456 ฉบับ เป็นประกาศ คสช.ที่ออกมาก่อนมีรัฐบาล 132 ฉบับ คำสั่ง คสช.166 ฉบับ และคำสั่งหัวหน้า คสช. ออกโดยใช้อำนาจมาตรา 44 รวม 158 ฉบับ ทั้งหมดนี้ยกเลิกไปแล้ว 74 ฉบับ สิ้นผลไปในตัวเองเมื่อเสร็จภารกิจ 133 ฉบับ และจะสิ้นผลไปโดยอัตโนมัติเมื่อ คสช.พ้นตำแหน่ง 39 ฉบับ ยังเหลือ 210 ฉบับ มีคณะกรรมการพิจารณาและจะใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ยกเลิก 68 ฉบับ ขณะนี้อยู่ระหว่างร่างคำสั่ง และจะมีบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไปอีกระยะหนึ่งก่อนสิ้นสภาพ นอกจากนี้ กระทรวงที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างทำกฎหมายใหม่เพื่อทดแทนและยกเลิกไปในตัว 77 ฉบับ เหลือ 65 ฉบับ ที่จะอยู่ต่อไปจนรัฐบาลหน้า จำเป็นต้องคงไว้ตามที่หน่วยงานขอ เช่น ไอยูยู การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว ICAO มีการแนะนำให้ถ่ายโอนไปเป็น พ.ร.บ.ปกติไว้ แต่หากรัฐบาลหน้าอยากจะยกเลิกหรือแก้ไขดำเนินการได้

ครม.คลอด ก.ม.456 ฉบับใน 5 ปี

นายวิษณุกล่าวอีกว่า ในส่วน ครม.เสนอกฎหมายให้ สนช.พิจารณาแล้วเสร็จไปทั้งสิ้น 456 ฉบับ กฎหมายสำคัญ อาทิ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ กฎหมายจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กฎหมายจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม

“วิษณุ” ยันมีทางออกการเมือง

นายวิษณุให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งมาตรา 128 ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 91 วันที่ 8 พ.ค. จะมีผลต่อการประกาศรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่ ว่าขณะนี้ยังไม่มีผลอะไร กระบวนการต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างทำไป หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดต้องมาคิดกันใหม่ว่าต้องทำอย่างไร อย่าเพิ่งไปไกลถึงขั้นว่าการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ คิดว่าไม่ทำให้เกิดเดดล็อกทางการเมือง ทุกอย่างมีทางออกในตัวของมันเอง เรายังไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับและสั่งอย่างไร หากศาลวินิจฉัยว่าสูตรคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อขัดรัฐธรรมนูญ กกต.ต้องใช้สูตรใหม่

ถ้าขัด รธน.เลื่อนรับรองปาร์ตี้ลิสต์

“กกต.ยืนยันมาตลอดว่ามีสูตรเดียว ฉะนั้นวันนี้ กกต.จึงต้องประกาศ ส.ส.แบบเขตเลือกตั้งไว้ก่อน จะผิดหรือจะถูกอยู่ในอำนาจของ กกต. ส่วนจะสอยทีหลังอะไรก็ช่าง รายชื่อ ส.ส.ที่ประกาศวันที่ 7 พ.ค. จะหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น ถ้าผิดก็ผิดในส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องลองดูว่าจะแก้ไขอย่างไร เช่น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตอนเช้า กกต.ประกาศรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อตอนบ่าย แต่ถ้าศาลวินิจฉัยออกมาว่าขัดรัฐธรรมนูญก็เลื่อนประกาศรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อออกไปมันมีทางออกอยู่เสมอ” นายวิษณุกล่าว

รมต.แห่ย้ายวิกเหลือ 17 รมต.ลุยต่อ

นายวิษณุกล่าวต่อว่า กรณีรัฐมนตรี 15 คนขอลาออกเตรียมดำรงตำแหน่ง ส.ว. การประชุม ครม.ครั้งต่อไปยังทำได้ตามปกติ เหลือรัฐมนตรีทำหน้าที่อยู่ 17 คน จะยังมีการประชุมสัปดาห์หน้ายังมีเรื่องต้องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. และยังไม่รู้ว่าจะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้เมื่อใด เนื่องจากใบลาออกของรัฐมนตรีที่ยื่นมายังไม่มีผล ขณะที่บางคนยังไม่ยื่นใบลาออก บางคนที่จะลาออกยังไม่รู้เรื่อง เข้าใจว่าทุกอย่างจัดการเสร็จเรียบร้อยภายใน 1-2 วันนี้ จากนั้นจะมอบหมายงานชัดเจน ที่ประชุมพูดคุยกันในเชิงหลักการว่ากระทรวงใดที่จะมีแค่ รมช.ไม่มี รมว. ให้ รมช.ดูแลทั้งกระทรวงได้ แต่ถ้ากระทรวงใดไม่มี รมว.และ รมช.จากนี้จะมี 8 กระทรวงขอให้แต่งตั้งผู้รักษาการรัฐมนตรีต่อไป มอบหมายให้รองนายกฯหรือรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการ ต้องมีผู้รักษาการไม่ให้เกิดช่องว่าง สำหรับกรณี ครม.มีมติแล้ววันนี้ คือการแต่งตั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ใช้อำนาจของ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

“บิ๊กป้อม” ยึดที่มั่นเชื่อไม่มีเดดล็อก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีรัฐมนตรีหลายคนแห่ยื่นใบลาออกไปเป็น ส.ว.ว่า จะไปรู้ได้อย่างไร ไม่ใช่ผู้พิจารณาให้หัวหน้า คสช.เป็นผู้พิจารณา ทุกอย่างว่าไปตามกฎหมาย รายชื่อ ส.ว.ได้ครบนานแล้ว กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยข้อกฎหมายการตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ให้เขาทำไป ยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากรองนายกฯและ รมว.กลาโหมไปเป็น ส.ว.จะขอทำหน้าที่ต่อไป เมื่อถามถึงกรณี กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตในวันที่ 7 พ.ค. และจะประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อวันที่ 8 พ.ค. วันเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยสูตรคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กังวลจะทำให้เกิดเดดล็อกทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี เชื่อว่ายังไปได้

“บิ๊กป๊อก” ไม่ห่วงการเมืองเข้มข้น

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การเมืองจากนี้ไม่ถือว่าเข้าโหมดเข้มข้น ธรรมดาตอนนี้แจ่มชัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้แนวทางอย่างที่ทุกคนทราบในพระราชพิธีราชาภิเษกมีรับสั่งเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลรับมาเรียบร้อยแล้ว การเมืองว่ากันไป กกต.ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.ว่าไปตามนั้น หากมีการมาร้องก็สอบแล้วแจ้งผลออกมา ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นให้เป็นไปตามกลไก

ยัวะสื่อซักไซ้ รมช.มท.ไขก๊อก

เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย ยื่นใบลาออกเพื่อเป็น ส.ว. พล.อ.อนุพงษ์ ตอบว่าสื่อต้องไปถามจากนายสุธีเอาเอง ไม่น่ามาถามตน ไม่ทราบ แต่เป็นธรรมดาและเป็นสิทธิของนายสุธี ไม่เห็นจะแปลกอะไร ต้องมีการแจ้งจาก คสช.ซึ่งแจ้งไปแล้วจะลาออกหรือไม่อยู่ที่ตัวบุคคล โดยมารยาทคงตอบไม่ได้ เพราะไม่เห็นหนังสือและไม่ได้ถามนายสุธี เมื่อถามว่า นายสุธีได้เรียนให้ทราบหรือมาหารือด้วยหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า “ยังครับ ต้องลาออก 1-2 วันนี้ใช่หรือไม่ ต้องมาเรียนด้วยหรือ ไม่ทราบ ท่านสุธีอยู่ตรงนี้จริงๆเดี๋ยวจะเชิญมาให้ถาม คุณจะถามผมให้เกิดสวรรค์วิมานอะไรขึ้นมา ถามเรื่องอื่นดีกว่า”

“บิ๊กอู๋” ทิ้งท้ายแจกรางวัล-เลี้ยงอำลา

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงแรงงานว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน ยังคงมีกำหนดเข้าทำงานจนวันสุดท้ายในเวลา 10.00 น. วันที่ 8 พ.ค. เป็นประธานเปิดงานการส่งเสริมผู้ประกอบอาหารไทย “ครัวไทยสู่ครัวโลก ที่เวสต์เกตฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าเวสต์เกต จ.นนทบุรี มอบหนังสือรับรองผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ 1 รวม 140 คนและมอบเงินรางวัลและเกียรติบัตรแก่ผู้ชนะการประกวดแข่งขัน World.Best Food Dish by CNN แกงมัสมั่นไก่ จากนั้นเวลา 12.00 น. จะมีพิธีเลี้ยงอำลาตำแหน่งกับข้าราชการในสังกัดผ่านระบบ Video Conference ที่ห้องจอมพล ป.พิบูลสงคราม กระทรวงแรงงาน และกราบลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนออกจากกระทรวงเวลา 15.30 น.

“พีระศักดิ์” รับกว่า 60 สนช.ไขก๊อก

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมประชาธิปก สถาบันพระปกเกล้า อาคารรัฐประศาสนภักดี ถนนแจ้งวัฒนะ มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นัดพิเศษ มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาทบทวนกฎหมายที่ยังไม่แล้วเสร็จ อาทิ ทบทวนเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยแห่งชาติ ให้สอดคล้องกับการปรับคำของกระทรวงการอุดมศึกษา ก่อนการประชุมนายพรเพชรเป็นประธานในพิธีถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 และนำคณะสมาชิก สนช.กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์

จากนั้นนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 ให้สัมภาษณ์ว่า ทราบว่ามี สนช.ที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปดำรงตำแหน่ง ส.ว.กว่า 60 คน อาทิ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. นายสมชาย แสวงการ นายกล้านรงค์ จันทิก นายตวง อันทะไชย นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ โดย คสช.เตรียมนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯวันที่ 10 พ.ค. เบื้องต้นจะยื่นใบลาออกต่อเลขาธิการวุฒิสภาช่วงวันที่ 8-9 พ.ค.

มั่นใจ ส.ส.–ส.ว.ทำงานราบรื่น

นายพีระศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับการทำงานในรัฐสภาร่วมกับ ส.ส.ที่หลายฝ่ายกังวลอาจมีปัญหาเพราะเป็นคนละขั้วการเมืองกัน เชื่อว่า ส.ว.มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ ทุกฝ่ายต้องการให้การทำงานร่วมกันเดินหน้าไปได้ วาระแรกที่จะประชุมร่วมกัน คือการลงมติเลือกบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ต้องให้สิทธิ ส.ส.รวมเสียงข้างมากให้ได้ก่อน เชื่อว่าพรรคการเมืองคงเคารพกติกา

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องได้รับคัดเลือกให้เป็น ส.ว. ต้องรอการโปรดเกล้าฯอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้ มั่นใจว่าการทำงานระหว่าง ส.ว.ใหม่กับ ส.ส.จะราบรื่น ไม่น่ามีปัญหา

ด้าน พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา สมาชิก สนช.และอดีตปลัดกลาโหม ตอบคำถามกรณีเป็นหนึ่งใน สนช.ที่ได้รับคัดเลือกให้ไปเป็น ส.ว.หรือไม่ว่า ได้เป็น ส.ว.และได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง สนช.ไปแล้ว

สนช.ติดโผ ส.ว.อื้อแตะ 70 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า หลังจากที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลายคน ที่ได้รับการคัดเลือกจาก คสช.ให้ไปดำรงตำแหน่ง ส.ว.โดยจากการเช็กยอดล่าสุดในช่วงเย็นวันที่ 7 พ.ค. ปรากฏว่ามีรายชื่อ สนช.ที่ได้รับคัดเลือกให้ไปดำรง ตำแหน่ง ส.ว.แตะไปที่ 70 คนแล้วหรือถือเป็น 1 ใน 3 ของจำนวน สนช.ทั้งหมด ทั้งนี้ได้มีสมาชิก สนช.หลายคน เริ่มยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง สนช.และตำแหน่งกรรมาธิการชุดต่างๆ ของ สนช. ต่อนายนัฑ ผาสุก เลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรียบร้อยแล้ว อาทิ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา (บิ๊กติ๊ก) น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร พล.ร.อ.นพดล โชคระดา พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ นายตวง อันทะไชย นายกล้านรงค์ จันทิก นายกรรณภว์ ธนภรรคภวิน

ทยอยยื่นใบลาออกเพิ่ม 8–9 พ.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สําหรับ สนช.คนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ยื่นหนังสือลาออกในวันที่ 7 พ.ค. จะทยอยไปยื่นหนังสือลาออกเพิ่มเติมในวันที่ 8-9 พ.ค. ทั้งนี้สำนักเลขาธิการวุฒิสภาได้เตรียมอาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น ไว้เป็นสถานที่รายงานตัวของ ส.ว. ทันทีที่รายชื่อ ส.ว.ชุดใหม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ลงมา

“อิทธิพร” เร่งรับรองให้ทัน 9 พ.ค.

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่สำนักงาน กกต.นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.พร้อมด้วย กรรมการการเลือกตั้ง เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งเข้าร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคลและลงนามถวายพระพร ชัยมงคลในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ณ ห้องประชุม 201 ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จากนั้นนายอิทธิพร ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุม กกต. ช่วงเช้ามีการพิจารณาตรวจสอบความถูกต้องเพื่อเตรียมประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. แต่ไม่ยืนยันว่าจะตรวจสอบเสร็จสิ้น แต่ยืนยันว่า จะประกาศได้ไม่เกินวันที่ 9 พ.ค.แน่นอน ขึ้นอยู่กับ ความถูกต้อง

“เรืองไกร” ร้องระงับ 10 ว่าที่ ส.ส.

เมื่อเวลา 09.00 น. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้ กกต.ตรวจสอบผู้สมัคร ส.ส.ที่ขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นสื่อ อันเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) จำนวน 10 ราย เพื่อขอให้ระงับการประกาศผลการเลือกตั้งไว้ก่อนจนกว่าจะตรวจสอบผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตได้ครบร้อยละ 95 ว่าเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และขอให้รอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญก่อนพิจารณาว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งได้ต่อไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กกต.ยังมีเวลาพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้ถึงวันที่ 24 พ.ค.หรือ 60 วันหลังเลือกตั้ง ไม่ใช่วันที่ 9 พ.ค. กกต.จะปล่อยผ่านไปก่อนแล้วมาตามสอยทีหลังเพื่อให้ถูกใจใครไม่ได้

เปิดรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ถือหุ้นสื่อ

นายเรืองไกรกล่าวว่า สำหรับรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ที่ถูกยื่นคำร้องทั้ง 10 คน ถือหุ้นในบริษัทที่ระบุในวัตถุประสงค์การจดทะเบียนบริษัทไว้ในข้อ 19 ว่าประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ จำหน่าย และออกหนังสือพิมพ์ โดยทั้ง 10 คนประกอบด้วย 1.นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 กทม.พรรคพลังประชารัฐ 2.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 15 กทม.พรรคพลังประชารัฐ 3.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ 4.นายพิบูลย์ รัชกิจประสาร ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 สตูล พรรคภูมิใจไทย 5.นายสาธิต ปิตุเตชะ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ 6.นายเดชอิศม์ ขาวทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 7.นายสาคร เกี่ยวข้อง ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ 8.นายอัศวิน วิภูศิริ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ 9.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ 10.นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย รายชื่อผู้สมัครที่เสนอให้ กกต.ตรวจสอบจะแตกต่างจากผู้ร้องคนอื่น แต่เมื่อรวมกันแล้วจะเกิน 18 คน หรือร้อยละ 5 ที่ กกต.จะประกาศผลการเลือกตั้งแน่นอน

ลูกพรรคยื่นถอด “พิเชษฐ สถิรชวาล”

ต่อมา 10.00 น. ว่าที่ ร.อ.กงกฤช เชื้อศรีสกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 นนทบุรี พรรคประชาธรรมไทย ยื่นหนังสือถึง กกต.ขอให้เพิกถอนนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย และ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ขาดคุณสมบัติเป็นกรรมการบริหารพรรค หรือหัวหน้าพรรคการเมืองและมีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้สมัคร ส.ส. เนื่องจากนายพิเชษฐเคยถูกสั่งให้พ้นราชการ หน่วยงานของ รัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่และปรากฏหลักฐานว่านายพิเชษฐยังเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัท 7 แห่ง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบและเพิกถอนสิทธิสมัคร เนื่องจากนายพิเชษฐรู้ตัวอยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามแต่ยังสมัคร มีความผิดตามกฎหมายต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี นอกจากนี้ นายพิเชษฐยังหลอกผู้สมัครของพรรคให้นำเงินมาใช้จ่ายเลือกตั้งไปก่อน โดยจ่ายให้เพียงค่าสมัคร 10,000 บาท จนทำให้ผู้สมัครประมาณ 200 คน ได้รับความเสียหายเป็นวงเงิน 150 ล้านบาท

“คารม” หอบเอกสารโต้ “ศรีสุวรรณ”

เมื่อเวลา 10.20 น. นายคารม พลพรกลาง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ มายื่นหนังสือคัดค้านคำร้องนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ยื่นให้ตรวจสอบผู้สมัครและว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ถือหุ้นสื่อว่า นายศรีสุวรรณรู้ผลการเลือกตั้งและรู้ลำดับบัญชีรายชื่อที่พรรคอนาคตใหม่แล้วหลังการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.แต่เพิ่งมาร้องวันที่ 29 เม.ย. และการมายื่นคำร้องช่วงที่ กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในเวลากระชั้นชิด เพราะคะแนน ส.ส.เขตของพรรคต้องนำมาคำนวณ ส.ส.พึงมีได้ของพรรค จึงคิดว่าเป็นประเด็นทางการเมืองและเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ วันนี้จึงมาใช้สิทธิปกป้อง เพราะบริษัทที่นำมาอ้างได้ปิดลงแล้ว เหตุใดนายศรีสุวรรณจึงนำใบปะหน้ามายื่นร้องเพียงใบเดียว ทั้งที่ยังมีเอกสารจดทะเบียนปิดบริษัทและปิดงบดุลแล้ว นายศรีสุวรรณเป็นนักร้อง ประเด็นที่ไม่ควรร้องควรหยุด ส่วน กกต.จะรับรองหรือไม่เป็นสิทธิและอำนาจ กกต. และเห็นว่าประเด็นถือหุ้นสื่อไม่ควรหยิบยกขึ้นมาให้เป็นเรื่องร้องเรียนกัน แค่เพียงจดทะเบียนระบุวัตถุประสงค์ไม่สามารถใช้ครอบงำสื่อได้ ไม่ควรนำมาร้อง ทำให้เสียเวลา

กกต.ปล่อยผี 349 ส.ส.เข้าสภาฯ

ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่สำนักงาน กกต.นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.แถลงว่า กกต.ออกประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 349 คน โดยผู้ได้รับการเลือกตั้งเข้ารับหนังสือรับรอง (ส.ส.6/4) ที่สำนักงาน กกต.ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.เป็นต้นไปเวลา 08.30-16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ ส่วนคำร้องคัดค้านต่างๆยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ เบื้องต้นมี 2-3 เหตุ เช่น มีเหตุตามกฎหมายหรือไม่ กระบวนการพิจารณายากง่าย ข้อเท็จจริงฟังได้อย่างไร อาทิ ร้องให้ตรวจสอบคุณสมบัติยื่นเข้ามาเกือบ 50 เรื่อง จะตรวจสอบไปยัง 23 หน่วยงานหากเป็นเรื่องระเบียบการสืบสวนต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงและนำหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหา

รับสอยทีหลังกระทบ ส.ส.พึงมี

เมื่อถามว่า การรับรองนี้ไปสอยทีหลังเมื่อพบเหตุใช่หรือไม่ นายแสวงตอบว่า เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อประกาศรับรองไปแล้ว กกต.ยังมีอำนาจตามกฎหมาย ภายใน 1 ปีสามารถสั่งเลือกตั้งใหม่ หากเป็นเช่นนั้นจะมีผลเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.พึงมีได้ โดย กกต.จะพิจารณาให้เร็วที่สุด ขณะนี้มีเรื่องร้องคัดค้านหลายกรณี ทั้งประเด็นคุณสมบัติ เหตุร้องว่าการเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม รวมแล้วประมาณ 400 เรื่อง เมื่อถามย้ำว่า การประกาศรับรองไปก่อนอาจทำให้ประชาชนทั่วไปมองว่าการสอยอาจไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว นายแสวงตอบว่า หากวันนี้ตรวจสอบพบว่าผิด อีก 1 เดือนก็ยังผิดเพราะเป็นเรื่องหลักฐานที่ชัดเจน แต่เรื่องคุณสมบัติมีการร้องคัดค้านเข้ามาประมาณ 50 ราย หากจะกันเอาไว้บางส่วนจะเป็นปัญหาเพราะถูกร้องมาในเรื่องเดียวกัน

ยันมีช่องออกรับศาล รธน.ตีความ

เมื่อถามว่าการประกาศรับรอง ส.ส. เขต 349 คน จะมีผลให้การรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบทั้งหมดหรือไม่ นายแสวงตอบว่า ต้องดูการคำนวณขณะนี้มีพรรคการเมืองที่มีคะแนนบัญชีรายชื่อ 74 พรรค คะแนน ณ วันที่ 28 มี.ค.กับคะแนนก่อนวันคำนวณจะแตกต่างกัน เพราะมีการสั่งเลือกตั้งใหม่ และนับคะแนนใหม่บางหน่วย รวมทั้งสั่งไม่ให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งอีกหลายราย จะมีผลให้คะแนนถูกตัดออก ไม่ทราบว่าการประชุมในวันที่ 5-6 พ.ค. กกต.สั่งให้ผู้สมัครคนใดไม่เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเพิ่มอีกหรือไม่ ถ้ามีจะกระทบกับคะแนนและอัตราส่วนบ้าง ต้องคำนวณจากคะแนนใหม่ แต่รับรองว่า กกต.จะประกาศรับรองไม่เกินวันที่ 9 พ.ค.

เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อออกมาทางลบไม่เป็นไปตามที่ กกต.กำหนดจะเกิดอะไรขึ้น นายแสวงตอบว่า ในทางการบริหารสำนักงานฯ ได้เตรียมตั้งรับสถานการณ์ไว้แล้ว ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งออกมาลักษณะใดต้องมีวิธีการเสนอให้ กกต.

เพื่อไทยนำโด่งยึด ส.ส.136 ที่นั่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กกต.ได้เผยแพร่ข้อมูลจำนวน ส.ส.ที่ได้คะแนนสูงสุดอย่างเป็นทางการ รวม 349 เขต 77 จังหวัด ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 136 คน แบ่งเป็น กทม. 9 คน ภาคกลาง 15 คน ภาคอีสาน 84 คน ภาคเหนือ 28 คน พรรคพลังประชารัฐ 97 คน แบ่งเป็น กทม. 12 คน ภาคกลาง 36 คน ภาคอีสาน 11 คน ภาคเหนือ 25 คน ภาคใต้ 13 คน พรรคภูมิใจไทย 39 คน แบ่งเป็นภาคกลาง 13 คน ภาคอีสาน 16 คน ภาคเหนือ 2 คน ภาคใต้ 8 คน พรรคประชาธิปัตย์ 33 คน แบ่งเป็นภาคกลาง 8 คน ภาคอีสาน 2 คน ภาคเหนือ 1 คน ภาคใต้ 22 คน พรรคอนาคตใหม่ 30 คน แบ่งเป็น กทม. 9 คน ภาคกลาง 15 คน ภาคอีสาน 1 คน ภาคเหนือ 5 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 6 คน แบ่งเป็นภาคกลาง 5 คน ภาคอีสาน 1 คน พรรคประชาชาติ 6 คน เป็น ส.ส.จากภาคใต้ทั้งหมด พรรคชาติพัฒนา 1 คน เป็น ส.ส.ภาคอีสาน และพรรครวมพลังประชาชาติไทยได้ 1 คนจากภาคใต้

ผู้แทนฯ เนื้อเต้นรีบขอใบรับรอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.สำนักงาน กกต.จัดเจ้าหน้าที่ไว้รับเรื่องขอรับหนังสือรับรองให้ ส.ส.ใหม่ เพียงไม่ถึงชั่วโมงนายวันชัย วรรณสว่าง รับมอบอำนาจจากนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี เขต 3 พรรคเพื่อไทย ได้มาขอรับหนังสือรับรองการเป็น ส.ส.ของนายอุบลศักดิ์ ต่อมา น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 5 พรรคเพื่อไทย บุตรสาวนายนิสิต สินธุไพร อดีตแกนนำ นปช. นายนิยม เวชกามา ส.ส.เขต 2 สกลนคร และนายธนยศ ทิมสุวรรณ เขต 3 เลย พรรคภูมิใจไทย ขอรับหนังสือรับรอง ส.ส.ตามลำดับ น.ส.จิราพร เปิดเผยว่าลงสมัครครั้งแรกได้รับการเลือกตั้ง ในพื้นที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนคัดค้าน จึงมารับหนังสือรับรองทันที ขณะที่นายนิยม กล่าวว่า รอมา 5 ปี มั่นใจว่าจะได้ประกาศรับรอง เพราะไม่มีเรื่องร้องเรียนจึงมาทันที

สภาฯพร้อมรับรายงานตัว ส.ส.

นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร กล่าวว่าสำนักงาน เตรียมพร้อมสถานที่รับรายงานตัว ส.ส.แล้ว เตรียมพร้อมตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. เวลา 08.30 น. เมื่อ ส.ส.ได้รับใบรับรองความเป็น ส.ส.จาก กกต. มายื่นรายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย ชั้น 4 ฝั่งสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรได้ทันที ต้องเตรียมเอกสารประกอบการรายงานตัว อาทิ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาเอกสารของคู่สมรส และรูปถ่ายด้วย เมื่อมี ส.ส.มารายงานวันต่อวัน สำนักงาน จะแจ้งยอดไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ให้รับทราบ เมื่อมียอดรายงานตัว ส.ส.ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ กระบวนการต่อไปคือ สลค.จะนำความกราบทูลเพื่อออก พ.ร.ฎ.เปิดประชุมสภาผู้แทน ราษฎรนัดแรก และกำหนดวันเพื่อให้มีงานรัฐพิธีเปิดประชุม จากนั้นสำนักงาน จะแจ้งไปยังสมาชิกให้เตรียมพร้อมเข้าร่วมงานรัฐพิธี

เลือก ปธ.สภาฯ ที่ห้องประชุมทีโอที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานที่ประชุมสภาฯ และประชุมวุฒิสภาเพื่อเลือกประธาน 1 คน และรองประธาน 2 คนของแต่ละสภา จะใช้ห้องประชุมบริษัททีโอที อาจใช้ประชุมสภาฯ ไปจนถึงเดือน มิ.ย. ส่วนอาคาร รัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย คาดว่าตัวอาคารจะแล้วเสร็จเดือน มิ.ย. แต่ยังต้องติดตั้งระบบเครื่องเสียง สาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง ยังไม่มีกำหนดแน่นอนว่าจะเข้าใช้ได้เต็มรูปแบบเมื่อใด เพราะเป็นคนละสัญญากับงานก่อสร้างอาคาร

ส่งข้อมูลปาร์ตี้ลิสต์ให้ศาล รธน.

นายนัฑ ผาสุก เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่าสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาส่งรายการประชุม สนช. และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พิจารณารายละเอียดมาตรา 128 ว่าด้วยการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ค.เกี่ยวกับการพิจารณาเนื้อหากฎหมาย ไม่มีประเด็นอื่นเพิ่มเติมตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ ส่งรายละเอียดเพื่อไปประกอบพิจารณาคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ให้มีคำวินิจฉัยกรณีบทบัญญัติของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 91 หรือไม่ ขณะที่นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาฯ กล่าวว่าสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ส่งเอกสารการประชุมของอดีตคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยื่นรายละเอียดไปเมื่อวันที่ 3 พ.ค.เป็นเอกสารว่าด้วยรายงานการประชุม ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เรียกให้สำนักงานไปชี้แจงประเด็นใดเพิ่มเติมอีก

ผอ.กกต.นครปฐมร่อนใบลาออก

ค่ำวันเดียวกัน นายสามารถ นาคสกุล ผอ.กกต. จ.นครปฐม ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง คาดว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากปัญหาสุขภาพ และความเครียดจากการทำงาน เนื่องจากพื้นที่ จ.นครปฐม มีปัญหาการรวมคะแนนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ระหว่าง น.ส.สาวิกา ลิมปะสุวัณณะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ และ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ผู้สมัคร ส.ส.คู่แข่งจากพรรคประชาธิปัตย์ จากผลการนับคะแนนใหม่เมื่อวันที่ 28 เม.ย พ.ท.สินธพชนะ น.ส.สาวิกาไป เพียง 4 คะแนน ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยของคนในพรรคอนาคตใหม่ และประชาชนที่เดินทางมาให้กำลังใจ จนนำไปสู่การพยายามดำเนินการให้ กกต.จัดการเลือกตั้งในเขตดังกล่าวอีกครั้ง

พท.จวกเลือก ส.ว.ชงเองกินเอง

เมื่อเวลา 14.10 น.ที่พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคร่วมแถลงข่าวถึงสถานการณ์การเมือง โดยนายชูศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือไปถึงศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยความชอบด้วยกระบวนการสรรหา ส.ว.เรื่องนี้พรรคเคยทำหนังสือถึงประธาน กกต. ขอให้ยกเลิกการสรรหา ส.ว.ที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าได้หยิบยกมาพิจารณามากน้อยเพียงใด พรรคเห็นว่าการสรรหาลักษณะนี้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขอให้ กกต.หยิบยกประเด็นขึ้นมาพิจารณาและยกเลิกการสรรหาที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ คนร่างรัฐธรรมนูญต้องการให้กรรมการสรรหาเป็นกลางเพื่อจะได้มาซึ่ง ส.ว.มีความเป็นกลาง แต่กระบวนการที่เห็นคือเป็นกระบวนการสืบทอดอำนาจให้ได้คนมาจำนวนหนึ่ง แล้วให้ไปเลือกนายกฯในอีกไม่กี่วัน ส.ว.250 คนจะมาร่วมเลือกนายกฯกับ ส.ส.อีก 500 คน เห็นกันอยู่เหมือนกับการชงเองกินเองหรือไม่

ย้ำปาร์ตี้ลิสต์ต้องได้คะแนนพึงมี

นายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ลงนามในหนังสือถึง กกต.เป็นรายบุคคล อ้างถึงหนังสือที่พรรคเคยทำไปถึงประธาน กกต.เมื่อ 10 เม.ย.ที่ให้คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 พร้อมแนบท้ายความคิดเห็นของพรรคว่าพรรคใดบ้างควรได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยืนยันว่าถ้าพรรคใดไม่มีจำนวนคะแนนที่ได้รับถึงคะแนนพึงมีพรรคนั้นจะไม่ได้รับจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่อยากให้ กกต. ดำเนินการเกินเลยไม่เป็นไปตามบทบัญญัติ อาจต้องรับผิดชอบทางกฎหมายไม่ว่ารายบุคคลหรือองค์คณะ

สับแจกเก้าอี้ดนตรีเครือข่ายญาติ

นางลดาวัลลิ์กล่าวถึงกรณี ครม.ลาออกไปเป็น ส.ว.ว่า เหมือนแจกเก้าอี้ ส.ว.ให้กับญาติพี่น้อง ทั้ง สปท.-สนช.หรือบุคคลที่เคยร่วมรัฐประหาร เป็นการเล่นเก้าอี้ดนตรี ทั้งที่ ส.ว.มีอำนาจคล้ายกับ ส.ส.แต่กลับไม่ได้มาจากประชาชน ไม่ยึดโยงกับประชาชน ไม่สามารถตอบสนองสร้างความสุขให้กับประชาชนได้ เป็นการสืบทอดอำนาจอย่างชัดเจน จะส่งผลให้ความเชื่อมั่น และการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไม่เกิดขึ้น

จี้ กกต.รายตัวใช้สูตรยึด รธน.

จากนั้นเวลา 15.30 น.นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะทำงาน เดินทางไปที่สำนักงาน กกต.เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.ทั้ง 7 คน พร้อมพกใบเหลืองจดรายชื่อ กกต.เพื่อขอให้พิจารณาการประกาศผลการรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อในวันที่ 8 พ.ค.ต้องยึดตามกฎหมาย นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า ตนและทีมงานยื่นเรื่องหลายครั้งเเต่ กกต.ไม่มีความชัดเจน เลยตัดสินใจเข้ายื่นหนังสือถึง กกต.เป็นรายบุคคล ขอให้แต่ละคนทบทวนว่าการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญจะมีเพียง 16 พรรคเท่านั้นที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถ้ายึดนอกเหนือกฎหมายจะมี 27 พรรคจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

“ปิยบุตร” ยัน 7 พรรคเหนียวแน่น

ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่า ยืนยันว่าสัตยาบันที่ร่วมลงกับ 7 พรรคการเมืองยังจับมือกันเหนียวแน่น หาก กกต.ใช้สูตรคำนวณยึดหลักรัฐธรรมนูญมาตรา 91 จะทำให้พรรคที่ร่วมลงสัตยาบันมีเสียงเกินครึ่งของสภาฯแน่นนอน ส่วนการประกาศรับรอง ส.ส.แล้วตรวจสอบภายหลังนั้น เมื่อมีกติกาการให้ใบเหลือง ใบส้ม ทำให้ ส.ส.ที่เข้าสภาฯ ใน 1 ปี ต้องลุ้นว่าจะถูกสอยได้ทุกเมื่อ ขาดความเป็นอิสระหรือไม่ จะกล้าปฏิบัติหน้าที่เผชิญหน้ากับ กกต.หรือไม่ จะกล้าแก้กฎหมายเกี่ยวกับ กกต. หรือไม่ ต้องระมัดระวังว่าอาจจะโดยสอยได้ จึงเป็นการกระทบกับการทำหน้าที่ของ ส.ส.ด้วย

เหน็บมหัศจรรย์กลุ่มผูกขาด ส.ว.

นายปิยบุตรกล่าวถึงกรณีที่ ครม.ลาออกเพื่อไปเป็น ส.ว.ว่า ไม่เห็นด้วยกับ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดย คสช. ส.ว.ชุดนี้ขาดความชอบธรรมตามระบบประชาธิปไตย ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและยังมีอำนาจเลือกนายกฯที่กำลังดำเนินการอุกอาจถึงขั้นเอาคนที่อยู่ในรัฐบาล คสช. ลาออกมาสดๆเพื่อเป็น ส.ว. จะทำอะไรควรจะเกรงใจกันบ้างจะเอาทุกอย่าง สื่อต้องช่วยจับตาว่า 250 ส.ว. มีกี่คนที่เคยทำงานในระบอบ คสช. และกี่คนเคยทำงานตั้งแต่ปี 49 ยังจะได้เป็น ส.ว. อยู่ กลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์ว่า มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งเป็น ส.ว. ใช้อำนาจนิติบัญญัติโดยนั่งกระดิกเท้าเฉยๆไม่เคยลงเลือกตั้ง ไม่เคยมีการตรวจสอบ ผิดกับมาตรฐานของนักการเมืองที่ลงเลือกตั้งถูกตรวจสอบห้ามเป็นติดต่อกัน

“พุทธิพงษ์” โวแนวร่วมแน่นปึ้ก

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐและประธานยุทธศาสตร์ กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลว่า คงต้องรอให้ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการวันที่ 8 หรือ 9 พ.ค. ก่อน จึงจะทราบว่าแต่ละพรรคได้ ส.ส.เท่าใด มีผลและมีความสำคัญอย่างมากต่อการจัดตั้งรัฐบาล จึงไม่สามารถกะเกณฑ์ได้ว่าจะประกาศจัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อใด ส่วนการทาบทามพรรคอื่นๆมาร่วมกันตั้งรัฐบาลยังไม่คืบหน้าไปกว่าที่เป็นข่าวไปแล้ว แต่มั่นใจจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะพรรคพันธมิตรที่มีแนวทางทางการเมืองแบบเดียวกัน ต่างยืนยันจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐเพื่อตั้งรัฐบาล นำพาประเทศไปสู่ความสงบ

ไม่หวั่นถูกคุ้ยโต้ไม่มีถือหุ้นผิด ก.ม.

นายพุทธิพงษ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีการยื่นเรื่องร้องเรียนและขุดคุ้ยว่าที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐว่าถือครองหุ้นสื่อมวลชน ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร ส.ส. ไม่ว่าจะเป็นนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ว่าที่ ส.ส.กทม. รวมถึง น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ภรรยาของเจ้าของสื่อ ทั้ง 3 คน ต่างยืนยันว่าชี้แจง กกต.ได้ทุกกรณี จะไม่เป็นปัญหากระทบต่อพรรค เพราะยืนยันตรงกันว่าไม่ได้ถือครองหุ้นสื่อมวลชน สุดแล้วแต่ กกต.จะพิจารณา

มั่นใจ “บิ๊กตู่” นั่งนายกฯอีกสมัย

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการแล้ว มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. จะได้รับการสนับสนุนเป็นนายกฯอีกสมัย อยากขอให้ทุกพรรคทำกิจกรรมการเมืองอย่างสร้างสรรค์บ้านเมืองจะได้สงบ ขอให้บางพรรคยอมรับกติกาบ้านเมือง มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของศาล ทุกอย่างเท่าเทียมกันอยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกัน อย่าเอาประชาชนมาเป็นตัวประกัน อย่าทำให้ประเทศวุ่นวาย ขอให้นำปัญหาต่างๆเข้าสู่กระบวนการทางรัฐสภา อย่านำมวลชนมาเคลื่อนไหวบนท้องถนนอีก บ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว

พปชร.รอ ปชป.เปิดตัวร่วม รบ.

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐว่า ความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐจะชัดเจนหลังวันที่ 15 พ.ค. เป็นวันที่พรรคประชาธิปัตย์ ประชุมเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ และจะมีมติกำหนดทิศทางว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพลังประชารัฐหรือไม่ โดยขณะนี้แกนนำพลังประชารัฐได้พูดคุยกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์บางคนถือว่ามีแนวโน้มความเป็นไปสูงที่จะมาร่วมรัฐบาล เพราะเข้าใจสถานการณ์ เพื่อไม่ให้การเมืองติดล็อก และทุกพรรครอการตัดสินใจสุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์ หากมีมติว่าจะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมอื่นๆจะเปิดตัวเข้าร่วมคราวเดียวไปพร้อมกัน

“พีระพันธุ์”ไม่กังวลให้ดูเจตนา

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีถูกร้องตรวจสอบกรณีถือหุ้นบริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด ที่ระบุในวัตถุประสงค์การจดทะเบียนประกอบกิจการสื่อ อาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ผู้ร้องไปร้อง ต้องรอให้ กกต.แจ้งมา ไม่กังวลอะไร ยืนยันว่าไม่มีกิจการสื่อใดๆ แต่เป็นเพียงการจดทะเบียนบริษัทที่ดำเนินการโดยทนายความ จดแจ้งให้ครอบคลุมกิจการหลายอย่าง แต่ทางปฏิบัติไม่ได้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อ การตีความเรื่องนี้ควรต้องดูที่เจตนา การทำกิจการหมายถึงบริษัทต้องทำกิจการนั้นจริง บริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อการนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าประกอบกิจการด้านนี้ ฉะนั้นทางปฏิบัติของกระทรวงพาณิชย์กับทนายที่จดทะเบียน เขาจะจดทะเบียนวัตถุประสงค์แบบครอบจักรวาลไว้ก่อน แต่เวลาจะทำกิจการอันไหน จะระบุไว้ในเอกสารอีกส่วนหนึ่ง และไปดูภาษีมูลค่าเพิ่มว่าจะจ่ายเกี่ยวกับกิจการอะไร

ลงชิง หน.ปชป.เคาะสัปดาห์นี้

เมื่อถามว่ากรณีถูกร้องเรื่องถือหุ้นสื่อ จะกระทบกับการจะเสนอตัวเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะยังไม่ได้ตัดสินใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะลงสมัครหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างตัดสินใจ มีบุคคลที่จะเป็นเลขาธิการพรรคในใจแล้ว ทั้งหมดจะตัดสินใจและชัดเจนในสัปดาห์นี้