"เจษฎ์" ไขข้องใจ ปม กกต.ตัดสินใจใช้สูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ของ กรธ.ผ่านฉลุยถึงฝั่งฝัน หรือลงเหวแบบ "นกกระจอกไม่ทันจะกินน้ำ" ลุ้นหนักศาล รธน.จ่อนัดวินิจฉัยพรุ่งนี้
หลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีสำคัญผ่านพ้นไปหมาดๆ วันนี้กลับเข้าสู่โหมดปกติ การเมืองก็จะกลับมาร้อนแรงปรอทแทบแตกอีกครั้ง โดยไฮไลต์ (7 พ.ค.) กกต.นัดประกาศผลรับรอง ส.ส.แบบแบ่งเขต 350 เขต ตั้งเป้าต้องรับรองให้ได้ 333 เขต ขณะที่วันพรุ่งนี้ 8 พ.ค. กกต.นัดรับรอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ(ปาร์ตี้ลิสต์) จำนวน 150 คน รวมเป็น 500 คน ขณะที่ศาล รธน.ก็นัดวินิจฉัยประเด็นสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ


...
ยังไม่นับรวมกรณี"พ่อของฟ้า" นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเจอพิษปมถือหุ้นสื่อ อาจขาดคุณสมบัติ ที่มีข่าวก่อนหน้าว่า กกต.จะรับรองผล ส.ส.นายธนาธรไปก่อน แล้วค่อยตามสอยทีหลัง
รศ.ดร.เจษฎ์ โทณวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า วันนี้ที่ กกต.จะประกาศรับรอง ส.ส.แบบแบ่งเขต 350 เขตนั้น ต้องเข้าใจก่อนว่า ที่มีการระบุว่าจะรับรองให้ได้อย่างน้อย 333 เขต ก็คือการรับรองให้ได้ 95% ของจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขต แต่อย่างไรก็ตาม กกต.ก็ต้องรับรอง ส.ส.ให้ได้ 95% ของทั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย คือ จำนวน 500 คน ตามที่กฎหมายกำหนดภายในวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งเป็นวันครบกำหนดต้องจัดการเลือกตั้งให้เสร็จภายใน 150 วัน ซึ่งก็เชื่อว่ากกต.เองก็มีการเตรียมรับผลคำวินิจฉัยเอาไว้อยู่แล้ว และเชื่อว่าก็จะไม่เกิดเดดล็อกทางการเมืองแน่ หากศาล รธน.มีคำสั่งอะไรออกมา ไม่ว่าจบลงที่วิธีคิดแบบไหน เชื่อว่า กกต.ก็สามารถเอาใส่เครื่องคอมพิวเตอร์คำนวณออกมาได้ในแทบจะทันที

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนกรณีสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่เป็นปัญหาที่ศาล รธน.จะมีคำวินิจฉัยในวันพรุ่งนี้นั้น ส่วนตัวในฐานะเป็น 1 ใน กรธ. ร่วมคิดและร่างสูตรคำนวณ ส.ส.นี้ ต้องบอกอย่างนี้นะครับ ว่าสูตรทุกสูตรที่ กรธ.คิดขึ้นมา มันคิดขึ้นมาก่อนจะมีเลือกตั้ง 24 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนั้นไม่มีใครรู้หรอกว่า ผลคะแนนเลือกตั้งจะออกมาเป็นเช่นไร ดังนั้นสูตรอื่นที่เกิดขึ้นจากพรรคการเมืองต่างๆ เกิดหลังมีการเลือกตั้งไปแล้วทั้งสิ้น

“สมมติว่าพรุ่งนี้หากศาล รธน. ท่านมีการวิจนิจฉัยพิจารณาให้ใช้สูตรคำนวณอื่นขึ้นมาจริง ปัญหาคือ 1. ท่านจะเอากฎหมายหรือสูตรไหนมาใช้คิดคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2. หากท่านคิดสูตรขึ้นมาเอง(สมมตินะครับ) มาตรฐานการคิดอยู่ที่ตรงไหน และ 3. แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นจริง แน่นอนจะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ของพรรคการเมืองต่างๆ ขึ้น แล้วจะทำอย่างไร ดังนั้นถ้าจะมีการโทษใครก็ไปโทษคนเขียนกฎหมาย คนคิดสูตรคำนวณไม่ดีกว่าหรือ” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการโจมตีเรื่องหลักการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ต้องใช้คะแนน 7.1 คะแนนได้ ส.ส. 1 แต่พรรคเล็กใช้คะแนน 3 หมื่นคะแนนได้ ส.ส.1 คน ต้องยืนยันว่า คะแนน 7.1 หมื่นคะแนน ที่ว่าเป็นค่าเฉลี่ย หากจะใช้สูตรนี้จริงจะต้องเป็นแบบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100% ถึงจะจัดสรรคะแนนลงตัวพอดี แต่ของเราใช้ 2 ระบบร่วมกันทั้งบัญชีรายชื่อและส.ส.แบ่งเขต อันนี้เป็นสูตรการคิด

“ถ้าวางระบบช่วยกันได้จริง ทำไม กรธ.ไม่วางระบบช่วยพรรคพลังประชารัฐไปเลย ตามที่มีผู้พยายามจะกล่าวหา เพราะอย่าลืมว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนนิยมรวมทั่วประเทศกว่า 8 ล้านเสียง มากกว่าเพื่อไทย ที่มีกว่า 7 ล้านเสียง อยู่ประมาณ 5 แสนเสียง แต่พรรคพลังประชารัฐได้จำนวน ส.ส.น้อยกว่าพรรคเพื่อไทย นั่นเป็นเพราะระบบกำหนดมา อย่าลืมว่ามันคิดขึ้นมาก่อนจะมีการเลือกตั้งและทราบผลคะแนน แล้วความจริงก่อนหน้านี้ก็มีคนเคยเตือนพรรคเพื่อไทยแล้ว ว่าการใช้ยุทธวิธีแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ย่อย ก็จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เกินจำนวน ส.ส.พึงมี ก็ทำให้ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นั่นก็เพราะระบบมันกำหนดมา” อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าว...