วันแห่งประวัติศาสตร์ อันเป็นมหามงคลของบ้านเมืองและพสกนิกรชาวไทย

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ 4 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 ตามโบราณราชประเพณี พระราชพิธีสรงมุรธาภิเษก ทรงรับน้ำอภิเษก ทรงรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสงราชศัตราวุธ เสด็จออกมหาสมาคมรับการถวาย พระพรชัยมงคล เฉลิมพระราชมณเฑียร เถลิงพระแท่นราชบรรจถรณ์

พระเกียรติยศกึกก้องเกริกไกรในทั่วหล้า เถลิงกษัตราธิราชโดยสมบูรณ์

ในบรรยากาศของบ้านเมือง ประชาชนคนไทยต่างปลาบปลื้มปีติในพระราชพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินไทย งดงาม ยิ่งใหญ่ อันจะหาบ้านอื่นเมืองใดเสมอเหมือน

ที่สำคัญเป็นพระราชพิธีที่แสดงถึงความรัก ความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ และพสกนิกร ที่สืบสานต่อเนื่องมาช้านาน

ไม่แปลกที่ทุกวินาทีในห้วงมหามงคล คือบรรยากาศแห่งความซาบซึ้งตรึงใจ

ส่วนเรื่องอื่นการณ์ใด ทุกฝ่ายในบ้านเมืองพร้อมใจกันยุติเป็นการชั่วคราว

รวมไปถึงเรื่องราวทางการเมือง กลุ่มฝ่ายต่างๆก็พร้อมใจกันยุติบทบาท ด้วยสำนึก เรื่องใดควร–ไม่ควร

บ้านเมืองเดินมาถึงจุดพักคอย

กระนั้นก็ดี หลายเรื่องที่อยู่ในช่วงของการชะลอไว้ ก็เป็นที่น่าสนใจว่าหลังจากผ่านพ้นงานมหามงคลของบ้านเมืองแล้ว จะเดินไปสู่ทิศทางใด จุดสำคัญคือช่วงของการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งที่ กกต.ระบุไว้แล้ว จะเริ่มประกาศการรับรอง

ผลการเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขต วันที่ 7 พ.ค. และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ วันที่ 8 พ.ค.

ทั้งหมดก็น่าจะเดินไปตามกระบวนการ ไล่ตั้งแต่เข้าสู่ขั้นตอนรัฐพิธีเปิด

ประชุมรัฐสภา การโหวตเลือกประธาน–รองประธานรัฐสภา และไฮไลต์คือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

อย่างที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ระบุ ภายในเดือน มิ.ย. จะมีรัฐบาลชุดใหม่ได้แน่นอน สร้างความมั่นใจ เส้นทางสายอำนาจไม่ขาดตอน

...

สำรวจเส้นทางแล้วก็ยัง “ไม่ตัน”

เพียงแต่ว่า อีกทางหนึ่งคนการเมืองอ่านทางจากจำนวนเสียงที่บวกลบคูณหาร คร่าวๆประเมินกันว่า สุดท้ายอย่างไรสองขั้วก็ยังขึงพืด เฉือนกันไม่ขาด อย่างดีสุดก็เสียงเกินครึ่ง 250 จาก 500 เสียงไปไม่มาก

ต้องออกแรงกันอีกเยอะถึงจะพ้นจากคำว่า รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

ถึงได้มีข่าวเล่าข่าวลือมาเป็นระลอกๆถึงรัฐบาลเฉพาะกิจ และกระแสข่าว “นายกฯคนนอก” มาแรง

แต่ก็ต้องรอดูทิศทางสัญญาณบ้านเมืองที่ยังไม่มีอะไรชัด

แต่ที่ชัดแน่นอนกับความคืบหน้าของการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.250 คน ที่นอกจาก ส.ว.โดยตำแหน่งจาก ผบ.เหล่าทัพ 6 ที่นั่งแล้ว ทั้งจากกระบวนการเลือกกันเองในกลุ่มสาขาอาชีพ 50 รายและรายชื่อจากที่คณะกรรมการสรรหาที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน อีก 194 ตำแหน่ง

บัญชีทั้งหมดส่งถึง คสช. พร้อมเคาะคัดเลือกกันแล้ว โดยตามรายชื่อที่เริ่มปลิวว่อน นอกจากบรรดา สนช.–สปท.–สปช. อดีตข้าราชการ หน้าเดิมชื่อคุ้น ส่วนสายท็อปบูต “บิ๊กตู่–บิ๊กป้อม” ยืนยัน มีไม่มาก

แต่ที่เซอร์ไพรส์กับรายชื่อบิ๊กเนม ทั้งพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ที่ล่าสุดลาออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้เหตุผล เพื่อไปดำรงตำแหน่ง ส.ว. และต้องจับตาจะขึ้นนั่งบัลลังก์อีกครั้งหรือไม่

ยังมีชื่อรัฐมนตรีปลิวว่อน ทั้ง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม

รวมทั้ง ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ก็มีข่าวแว่วๆอาจเปลี่ยนฟีล

ยกพล รมต.ลอตใหญ่ ไปปักหลักสภาสูง

สอดคล้องกับข่าวรัฐบาลชุดใหม่อาจจะยกเครื่องครั้งใหญ่ มีรัฐมนตรีหน้าใหม่ มือบริหารงานอาชีพ ผู้เชี่ยวชาญระดับเทคโนแครตมากมาย ในสูตรหัวขบวนยังเป็นคนเก่า

ผู้นำท็อปบูต เดินสู่เก้าอี้นายกฯหลังเลือกตั้งเต็มตัว.


ทีมข่าวการเมือง รายงาน