หลังจากที่ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ได้นำเสนอเรื่องราวของจอมพลในตำนานที่ถูกกล่าวขานว่า เป็นยุคที่เผด็จการเหี้ยมโหดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมี "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" เป็นนายกรัฐมนตรี ปี พ.ศ.2500 ถือเป็นการใช้อำนาจอย่างเด็ดขาด ในการออกมาตรา 17 ตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502  "ปืนปิดปาก ประหารชีวิต" ปราบคอมมิวนิสต์ยุค "สฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่สุดของเผด็จการ

แต่สำหรับผู้ต้องหาต้องโทษประหารชีวิต ที่ถูกจารึกไว้ ถือเป็นบุคคลที่มีบทบาทการเคลื่อนไหวโดดเด่นมากกว่าคนอื่นๆ ก็คือ "นายศุภชัย ศรีสติ" ผู้นำสภาคนงานแห่งประเทศไทย และ ครูครอง จันดาวงศ์ อดีตเสรีไทยสายอีสาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร พวกเขามีพฤติกรรมอย่างไร ถึงต้องถูกลงโทษด้วยการประหารชีวิต เราจะเล่าย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 60 กว่าปีก่อน 

ความตายเพื่อเกียรติยศแห่งชนชั้นกรรมาชีพ

เรื่องราวของ "ศุภชัย ศรีสติ" แกนนำฝ่ายต่อต้านทหารในยุค "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ได้ถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ คนในยุคสมัยนั้น เชิดชูให้เขาเป็น "สัจธรรม ที่คงทนต่อการพิสูจน์" เขาเป็นลูกชาวสวนแถวบางขุนนนท์ พ่อแม่มีฐานะพอสมควร เป็นคนเรียนหนังสือเก่งจนได้รับทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นด้านวิศวกร ขณะอายุเพียง 16 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 

...

วิศวกรหนุ่มกลับคืนสู่แผ่นดินบ้านเกิด หวังนำความรู้ที่ได้เล่าเรียนมาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ เขาได้เข้าทำงานครั้งแรกที่วิทยุการบิน แม้จะเป็นวิศวกร และเป็นนักเรียนนอก แต่ศุภชัยนึกเสมอว่า เขาคือกรรมกรคนหนึ่ง เป็นคนขายแรงงาน และเขาภาคภูมิใจในความเป็นกรรมกร 

"ศุภชัย" ตัดสินใจเข้าสู่ขบวนแถวของนักต่อสู้แห่งชนชั้นกรรมาชีพที่สมาคมกรรมกรไทย องค์กรระดับชาติของคนงาน ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การนำของ "ประกอบ โตลักษณ์ล้ำ" ความสามารถทางด้านภาษาของศุภชัย ทำให้เขาได้รับมอบหมายจากเพื่อนคนงานอื่นๆ ให้เข้ามาทำหน้าที่ในฐานะผู้เชื่อมขบวนการแรงงานไทยเข้ากับขบวนการแรงงานสากล

ฝักใฝ่โฉ่งฉ่าง สังคมนิยมจนออกหน้าออกตา

เขาจึงกลายเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและกรรมการของกลุ่มกรรมกร 16 หน่วย ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความแตกแยกไม่มีเอกภาพของขบวนการแรงงานไทยในขณะนั้น กลุ่มกรรมกร 16 หน่วยของเขามีบทบาทอย่างสำคัญยิ่งในสังคมไทยในช่วงท้ายของทศวรรษที่ 2490 ผลงานที่สำคัญประการหนึ่งของกลุ่มกรรมกร 16 หน่วยคือการต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้มีการตรากฎหมายคุ้มครองแรงงานจนประสบชัยชนะทำให้รัฐบาลต้องผ่านกฎหมายแรงงานฉบับแรกออกใช้บังคับในปี 2499

"ศุภชัย" เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งสมาคมผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือที่เราเรียกกันในวันนี้ว่า "แรงงานนอกระบบ" เพื่อเรียงร้อยเพื่อนพี่น้องผู้ใช้แรงงานเหล่านั้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการแรงงานไทย "ศุภชัย" ศรัทธาและเชื่อมั่นในอุดมการณ์สังคมนิยมอย่างแน่วแน่ เขามองว่าสังคมนิยมคือทางออกของการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำต่ำสูงที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยขณะนั้น และเห็นว่าแนวทางสังคมนิยมคือธงนำของกรรมาชีพทั่วโลก เขาศึกษาค้นคว้าเพื่อทำความเข้าใจกับแนวทางสังคมนิยมอย่างจริงจังและอย่างเปิดเผย โฉ่งฉ่างจนออกหน้าออกตา 

กลับจากเป็นตัวแทนประชุมที่จีน ถูกตำรวจจับ 

ว่ากันว่า ในยุคนั้นนักสังคมนิยมร่วมสมัย พากันพรางกายอยู่ข้างหลัง แต่ศุภชัยกลับประกาศตัวอย่างเปิดเผย ในฐานะนักสังคมนิยมอิสระ เขาคิดว่ามนุษย์ควรมีสิทธิและเสรีภาพในอันที่จะเลือกยึดถืออุดมการณ์ทางเศรษฐกิจการเมืองใดๆ ก็ได้ตราบที่ไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น 

ด้วยความที่สนใจใคร่รู้ในลัทธิสังคมนิยม เขาจึงได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมกรไทย ที่เดินทางไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับกรรมกรจีน ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีนซึ่งปกครองภายใต้ระบอบความเชื่อของอุดมการณ์สังคมนิยมในปี 2500 ซึ่งเมื่อกลับสู่ประเทศไทยเขาจึงถูกจับกุม

แถลงการณ์ใบปลิววิพากษ์รัฐบาลเผด็จการรุนแรง 

ศุภชัยได้จัดตั้ง สภาคนงานแห่งประเทศไทยขึ้นในปี 2500 ทำการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อมวลชนคนงาน คัดค้านอำนาจเผด็จการและจักรวรรดินิยมอเมริกา ภายหลังการรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2501 ผู้นำกรรมกรหลายคนถูกจับกุมคุมขัง พร้อมกับนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยคนอื่นๆ "ศุภชัย" และสภาคนงานแห่งประเทศไทยของเขายังคงซุ่มทำงานตามอุดมการณ์ต่อไปอยู่นอกคุกอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจเผด็จการ

แถลงการณ์ใบปลิววิพากษ์รัฐบาลเผด็จการกับจักรวรรดินิยมอเมริกาอย่างรุนแรงที่เขาทำ ถูกแจกจ่ายสู่สาธารณชน ดูเหมือนว่าจะมีเขาและองค์กรของเขาเป็นองค์กรเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดทำงานตามอุดมการณ์อย่างต่อเนื่องท่ามกลางบรรยากาศเผด็จการและอำนาจล้นฟ้าของระบอบปฏิวัติของจอมเผด็จการสฤษดิ์

ถูกประหารชีวิตด้วยอำนาจตามมาตรา 17 

แต่แล้วในที่สุด วันที่ 30 มิถุนายน 2502 เขาได้ถูกจับกุม และถูกลงโทษประหารชีวิตด้วยอำนาจตามมาตรา 17 ก่อนตายเขาได้บันทึกข้อความสั้นๆ ไว้ว่า 

"อายุของข้าพเจ้าครบวันเกิดปีที่ 34 ในวันนี้ และอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ วาระสุดท้ายกำลังจะมาถึงแล้ว แต่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้ในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน"

"จะให้ซัดทอดอะไรอีกได้ ในเมื่อมันไม่มีตัวมีตนเลย ใส่ร้ายเพื่อนหรือผู้อื่นหรือ? นั่นมันอาชญากรรมอย่างชั่วช้าที่สุด และเราจะไม่มีวันทำอย่างเด็ดขาด ถ้าจะต้องตายแล้วจะขอตายด้วยเกียรติยศ จะไม่ขอมีชีวิตอยู่ด้วยการให้ร้ายผู้อื่นอย่างเด็ดขาด..."

**ไม่มีใครอยากให้ประเทศไทยเราเกิดเหตุการณ์แบบนี้วนมาซ้ำรอย ประวัติศาสตร์มีไว้ให้ศึกษาทำความเข้าใจ อันไหนดีนำมาปรับใช้ อันไหนไม่ดีอย่ารื้อมันกลับมาใช้ใหม่ และจงจำไว้เสมอว่า ถึงแม้จะประชาชนคนไทยจะเรียกตัวเองว่าฝั่งฝ่ายไหนก็ตามแต่ เราทุกคนล้วนแล้วยังยืนอยู่บนประเทศไทย มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นไทยมาแต่โบราณกาล ไม่ว่าจะยุคสมัยใด ความรักสามัคคีจึงสำคัญที่สุด ตอนต่อไปติดตามเรื่องราวของ "ครูครอง จันดาวงศ์" อดีตเสรีไทยสายอีสาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร นักโทษประหารชีวิต 

ข้อมูลบางส่วนจาก :: พิพิธภัณฑ์แรงงานไทยพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย, ประชาไท