ยังขึงขัง ใจดีสู้เสือ “พ่อของฟ้า” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ทันทีที่เดินทางกลับจากยุโรป ให้สัมภาษณ์เตรียมตัวจะไปแก้ต่างข้อกล่าวหากรณีถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ภายใน 7 วัน ตามเงื่อนไขของ กกต.

เคลียร์ปมเงื่อนขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้ง ที่กำลังเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์

จะรอดหรือจะร่วง ออกเป็นใบส้ม หรือสาหัสถึงขั้นยุบพรรค

แว่วว่าอาจพ่วงข้อหาลงนามเอกสารรับรองผู้สมัคร ส.ส.ที่ขาดคุณสมบัติเข้าไปด้วย

สารพัดเรื่องถั่งโถมเข้าหาจนซวนเซ ออกอาการ

ถึงขั้นเอ่ยปากบอกกองเชียร์ อย่าให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของ “ธนาธร” แต่ให้เป็นเรื่องของความเป็นธรรม

หนึ่งในเครือข่ายที่อ้างตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตย “อนาคตใหม่” ต้องเปลี่ยนจากรุกมาเล่นเกมรับ ปัดป้องพัลวัน

ขณะที่แนวร่วมขาใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย ชั่วโมงนี้เงียบเหงา วังเวง เสียงไม่ดัง

เหมือนตอนเลือกตั้งจบใหม่ๆ ออกตัวเล่นเกมเร็วไม่นาน ประกาศลงสัตยาบันกันเอิกเกริก วูบเดียวก็หายไป

สุดท้ายเหมือนจุดไฟกลางสายฝน

แกนนำหายจ้อยไร้ร่องรอย ทั้ง “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ “บุรุษ ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เหลือเพียงบางคนที่ออกมาทิ้งหมัดเข้ามุมพอเป็นพิธี

เพราะรู้อยู่เต็มอกโอกาสจัดตั้งรัฐบาลริบหรี่

ผิดกับอีกฟากฝั่งที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังดูใจเย็น นั่งจิบกาแฟ กอดอกไขว่ห้างรอเวลาจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ เพียงแต่อาจต้องทำใจยอมรับสภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำลากถูกันไป

แว่วว่ามีแผนสองสำรอง แกนนำตัวเป้งจากค่ายสีน้ำเงิน รวมถึงพรรคใหญ่ ไล่จับงูกันไว้แล้ว

ส่วนประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย ที่ออกมาโชว์ของเป็นระยะ ก็แค่ลีลาต่อรองล่วงหน้า ปั่นราคาให้สูงเอาไว้ก่อน

...

ที่น่าสนใจคือพรรคพลังประชารัฐ หากแบ่งโควตาเก้าอี้ให้พรรคร่วม และพรรคเล็กอีกบางส่วนแล้ว จะเหลือที่นั่งรัฐมนตรีมาจัดสรรกันเองอีกสักเท่าไหร่

อย่างเก่งก็เหลือแค่ 10 กว่า ไม่ถึง 20 เก้าอี้ แต่คนจองเป็นกุรุส ต่างฝ่ายต่างเคลมผลงานเลือกตั้งที่ทำได้ตามเป้าเข้าวินกันหลายก๊วน ไม่ว่าจะเป็นแก๊ง 4 กุมาร กลุ่มสามมิตร กลุ่มชากังราว กลุ่มเพชรบูรณ์ ไหนจะ “อัศวเหม” ที่ปากน้ำ “คุณปลื้ม” ที่ชลบุรี “รัตนเศรษฐ” ที่โคราช

ไม่นับรวมโควตากลางสายตรงของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกลอตใหญ่

ภาพที่เห็นรางๆ ในเวลาถัดไป “ฤาษีตู่” ต้องเลี้ยงลิงจนปวดหัวเป็นไข้แน่

แต่ที่ยังเบาใจได้หน่อยคือ ไม่ว่ากลุ่มก๊วนไหน ช่วงเลือกตั้งก็ต้องพึ่งบริการหัวจ่ายปั๊ม 3 ทหาร ฉะนั้นโมเมนตัมน้ำหนักต่อรองยังคงอยู่ในมือนายกฯ

เหนืออื่นใดก่อนจะไปถึงขั้นตอนเลือกนายกฯ ตั้งรัฐบาล หรือวางตัว รมต. “ด่านแรก” ที่ต้องผ่านไปให้ได้คือการเปิดประชุมสภา ผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกตัวประธานสภาฯ

ก่อนหน้านี้มีการตกลงกันไว้หลวมๆว่าตำแหน่งนี้อาจเป็นของ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หากทุกอย่างลงล็อกเป็นไปตามแผน

แต่ถึงวันนี้เกมเปลี่ยน ประชาธิปัตย์ไม่มาตามนัด แพ้เลือกตั้งหมดรูป

แม้ช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการโยนหินปล่อยชื่อ “น้าหยัด” บัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ มานั่งเก้าอี้ประธานสภาฯ แต่ก็วูบดับไปในเวลาอันรวดเร็ว เพราะค่อนข้างห่างไกล เลื่อนลอย

ประชาธิปัตย์จะขอเน้นหนักเพียงงานในสภา ไม่สนใจตำแหน่งรัฐมนตรี อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ

ยิ่งชั่วโมงนี้สมการการเมืองเปลี่ยนไป รัฐบาลชุดใหม่มีแนวโน้มเสียงปริ่มน้ำ สภาฯคงเล่นเกม ตีรวนปั่นป่วนกันเป็นว่าเล่น หากประคองไม่ดีรัฐบาลมีสิทธิอายุสั้น “รัฐนาวาลุงตู่” อาจอับปางก่อนเวลาอันควร

ฉะนั้นพรรคพลังประชารัฐไม่มีทางปล่อยให้ตำแหน่งนี้หลุดมือไปอยู่กับพรรคอื่น หรือแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาล เพราะอาจเปิดเกมแทงหลังทิ่มกันเอง

แคนดิเดตที่จะชิงตำแหน่งนี้คือ “พ่อมดดำ” สุชาติ ตันเจริญ หัวหน้ากลุ่มบ้านริมน้ำ ว่าที่ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ดีกรีอดีตรองประธานสภาฯ 2 สมัย

ที่ออกตัวอาสาพร้อมทำหน้าที่นี้ ไม่ขอไปราวีแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีกับพวกเสือ สิงห์ กระทิง แรด

ดูชื่อชั้นประสบการณ์ถือว่าเหมาะ

ตำแหน่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดคำนวณเกลี่ยโควตา แต่อยู่ที่ฝีไม้ลายมือในการคุมเกมสภามากกว่า.

ทีมข่าวการเมือง

อ่านข่าวล่าสุด เจาะลึกข้อมูลเลือกตั้ง 2562
https://www.thairath.co.th/election