“วิษณุ” แนะ กกต.ถามกรอบประกาศผลเลือกตั้งให้ชัด ว่า กกต.ต้องประกาศผลเลือกตั้งภายใน 9 พ.ค. หรือเลื่อนเป็น 23 พ.ค. บอก รธน. ม.270 ที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน บอก ไม่ใช่ทางออกที่หมดจด

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวกรณี กกต.เตรียมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความวิธีการคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า ถ้าศาลไม่รับเรื่อง กกต.ต้องชี้แจงรายละเอียดเอง ถ้าชี้แจงแล้ว มีใครไม่เห็นด้วยก็ไปร้องต่อศาลได้ เรื่องนี้ต้องรอดูว่า ศาลจะว่าอย่างไรถ้ารับเรื่องเอาไว้ก็หมดเรื่อง เมื่อรับแล้วจะพิจารณาช้าหรือเร็วก็ต้องว่ากันไป ตนคิดว่า ศาลต้องเร่งทำให้เสร็จก่อน วันที่ 9 พ.ค.นี้ ตามที่ กกต.ระบุ ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน นับตั้งแต่วันที่กฎหมายเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ และเห็นว่า กกต.ควรถามเรื่องกรอบเวลาการรับรองผลเลือกตั้ง ไปในคราวเดียวกันด้วยว่า จะเป็น 150 วัน หลังกฎหมายเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ หรือภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า มีการเร่งให้ กกต.รีบพิจารณาการให้ใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน การให้ใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง เป็นเรื่อง ส.ส.เขต ไม่เกี่ยวกับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ กกต.สามารถทำควบคู่ไปได้เลย แต่ถ้าศาลมีคำวินิจฉัยแล้วยังมาติดเรื่องใบเหลือง ใบแดง อย่างนั้นถือเป็นความบกพร่องของ กกต.เอง

เมื่อถามว่าถ้า กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ไม่ทันในวันที่ 9 พ.ค.นี้ จะทำให้เกิดเดดล็อกขึ้นหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่ทราบ ผมไม่รู้ ไว้ถึงเวลาค่อยบอก ค่อยคิดกันต่อ”

เมื่อถามถึงกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป เสนอให้ใช้ช่องทางมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ ที่ให้ ส.ว.สามารถโหวตกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปได้ แก้ปัญหาการโหวตกฎหมายไม่ผ่านในสภาฯ นายวิษณุ ตอบว่า เรื่องดังกล่าวใช้ไม่ได้ทั้งหมด ช่องทางดังกล่าวสามารถแก้ได้บางส่วน แต่ไม่ได้ทั้งหมดจะใช้ได้กับกฎหมายบางฉบับเท่านั้น สมมติว่า กฎหมายทั้งหมดมี 100 ฉบับ ที่จะเสนอ ถ้ารัฐบาลบอกว่า 30 ฉบับ เป็นกฎหมายปฏิรูป 30 ฉบับนั้น ต้องประชุมร่วมรัฐสภา จะเหลืออีก 70 ฉบับ ถ้าบอก 70 ฉบับเป็นกฎหมายปฏิรูปก็เหลืออีก 30 ฉบับ รัฐบาลคงไม่กล้าบอกว่าทั้ง 100 ฉบับ เป็นกฎหมายปฏิรูปแล้วให้มีการประชุมร่วม

...

ดังนั้น มาตราดังกล่าวถือเป็นทางออกของปัญหาแต่ไม่ใช่ทั้งหมด และไม่มีมาตราใดที่จะเป็นทางออก เพราะบางเรื่องต้องเสนอเข้าสภาแต่ละสภาแยกกันพิจารณาไป กฎหมายใดที่รัฐบาลบอกไปยังสภาว่า เป็นกฎหมายปฏิรูป ต้องประชุมร่วมกันอยู่แล้ว แต่มีบางฉบับที่ไม่ใช่กฎหมายปฏิรูป เช่น พ.ร.บ.งบประมาณ เป็นต้น ดังนั้นไม่ใช่ว่า ต้องไปดึงส.ว.มาร่วม หรืออันธพาลเสียงมากลากไป เพราะรัฐธรรมนูญระบุว่า ถ้าเป็นกฎหมายปฏิรูปต้องประชุมร่วม แต่คงไปทำแบบนี้กับกฎหมายทุกฉบับไม่ได้ มาตราดังกล่าวไม่ใช่ทางออกที่หมดจด แต่การมีเสียงข้างมากนั่นแหละ ที่จะเป็นทางออกที่หมดจด