รื่นรมย์สุขสำราญกับเทศกาลสงกรานต์ หยุดยาว 5 วัน ขอให้ปลอดภัยกลับมาเริ่มทำงานกันใหม่ กกต. เจอทางตันยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความปาร์ตี้ลิสต์ ก่อนที่จะตกม้าตายด้วยแรงกดดัน
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้หยุดยาว 4 วัน แต่รัฐบาลแถมให้อีก 1 วัน จึงกลายเป็น 5 วัน เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ของไทย
ไหนๆหยุดกันแล้วก็เอาให้คุ้มกันไปเลย
เทศกาลสงกรานต์ปีนี้น่าจะทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายลงทั้งอากาศร้อน-อุณหภูมิการเมืองกำลังจะพุ่งไปสู่จุดเดือด
ก็หวังว่าหลังสงกรานต์กลับมาสู่ความจริงอะไรต่อมิอะไรน่าจะดีขึ้น
เพราะในความรู้สึกของคนไทยหลังจากเกิดปัญหาขัดแย้งมายาวนานจนกระทั่งมาสู่การเลือกตั้งที่ผ่านพ้นไปแล้ว
แม้จะยังจัดตั้งรัฐบาลเพื่อต้องรอให้ถึงวันที่ 9 พ.ค.62 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ กกต.จะต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
นั่นแหละคงได้เห็นหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่
อดทนรอด้วยความสงบเรียบร้อย จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด
กกต. ซึ่งกลายเป็นเป้าทางการเมืองเพื่อผลแพ้-ชนะของคู่แข่งทั้ง 2 ขั้วจึงต้องเผชิญศึกรอบด้าน จึงต้องหนักแน่นให้มากที่สุด
นัยทางการเมืองที่ปรากฏต้องมาจากข้อสมมติฐานว่า ทำไมเหตุจึงออกมาอย่างนี้ เพราะดูท่าว่าไม่ใช่เรื่องโดดๆ แต่ทำกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ขั้วที่ 1 ซึ่งประกาศตัวไปแล้วว่าพร้อมจะจัดตั้งรัฐบาล แม้เสียงจะยังไม่อาจยืนยันได้ว่าจะมีจำนวนเท่าใด
อีกขั้วหนึ่งยังสงวนเนื้อสงวนตัวไม่ออกมาเปิดเผยอะไรมากนัก นอกจากยืนยันว่าสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน
ว่ากันตรงๆขั้วเพื่อไทยนั้น คงมองเห็นแล้วว่าโอกาสมีน้อยกว่า
แรงกดดันจึงพุ่งไปที่ กกต.ด้วยการนำข้ออ่อนมาโจมตีเป็นชุดๆ จนแทบจะเรียกว่าสมันกำลังถูกไล่ล่า
...
ถามว่าแล้วจะได้อะไรขึ้นมา?
หากคิดว่าแพ้ยุทธวิธีก็ต้องแสดงให้เห็นว่า กกต.ไม่มีประสิทธิภาพ ผิดพลาด บกพร่อง และพยายามช่วยเหลือผู้มีอำนาจ
มาตรการสำคัญก็คือ การถอดถอน การทำให้การเลือกตั้งโมฆะเพื่อเลือกตั้งใหม่
แรงกดดันมากที่สุดก็คือ การคิดจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งมีอยู่ 2 แนวคิดที่จะมีผลต่อจำนวน ส.ส. 150 คน
มุมมองหนึ่งก็คือ การปัดส่วนให้พรรคเล็กได้ ส.ส.พรรคละ 1 คน แม้คะแนนที่ได้จะไม่ถึง 71,000 คน ซึ่งเป็นเรตมาตรฐาน
อ้างว่าทุกคะแนนเสียงนั้นมีค่าจึงต้องได้ ส.ส. 1 คน
มุมมองหนึ่งระบุว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะได้คะแนนไม่ถึงคะแนนมาตรฐาน
นักคณิตศาสตร์จึงออกมาเต็มเมืองทั้งจากพรรคการเมือง นักการเมือง นักวิชาการ นักกฎหมายหลากหลายประเภท
สุดท้าย กกต.จึงต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
เพราะไม่กล้าตัดสินใจเอง จึงต้องหาทางออก
ปัญหาที่ถูกมองกันมากก็คือ หากให้พรรคเล็กได้พรรคละ 1 ส.ส. แทนที่จะตัดทิ้งไปแล้วนำตัวเลขเหล่านี้ไปรวมกับพรรคการเมืองใหญ่ๆเฉลี่ยกันไป
ที่เกิดเรื่องเกิดราวก็คิดว่าเป็นการแหกกฎหมายเพื่อนำเสียงเหล่านี้ไปรวมกับอีกขั้วหนึ่ง เพื่อจะได้เสียงมากขึ้นจัดตั้งรัฐบาลได้
หรือหากไม่ได้อย่างที่ต้องการก็ต้องให้ กกต.พ้นจากตำแหน่ง
เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งมั่นใจว่าขั้ว “บิ๊กตู่” แพ้แน่!!!
“ลิขิต จงสกุล”
อ่านข่าวล่าสุด เจาะลึกข้อมูลเลือกตั้ง 2562
https://www.thairath.co.th/election