การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กกต. ในการทำหน้าที่ จัดการเลือกตั้ง และเตรียมที่จะประกาศผลการเลือกตั้ง ภายในวันที่ 9 พ.ค.ที่จะถึงนี้ ด้วยเหตุผลข้อจำกัดของ รัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทำให้ลักษณะการทำงานของ กกต.ชุดปัจจุบัน ที่มี อิทธิพร บุญประคอง เป็นประธานดูแปลกตาไป
การทำหน้าที่ในการสื่อสารและชี้แจงข้อเท็จจริงตอบ ข้อสงสัยส่วนใหญ่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. หรือ รองเลขาธิการ กกต. ทั้ง 3 คน บอบช้ำเกินเยียวยา บางครั้งการ แถลงข่าวก็จะเป็นรูปแบบของกระดาษแผ่นเดียว ไม่คุ้นเคยในการทำหน้าที่สื่อข่าวของสำนักข่าวต่างๆและผลการแถลงชี้แจงออกมาก็ไม่ค่อยเป็นที่ประทับใจทำให้ยิ่งตกเป็นขี้ปากชาวบ้านหนักขึ้นด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะ สื่อออนไลน์ ที่สามารถจะชี้นำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและทำให้ภาพลักษณ์ของ กกต.เสียหายในลักษณะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่กำลังเป็นคู่แข่งขั้วการเมืองอยู่ในเวลานี้
จนกระทั่ง กกต.หลายท่าน หมดความอดทนออกมาปกป้องตัวเองจากการถูกโจมตี ไม่ว่าจะเป็นจาก ฝ่ายการเมือง หรือ นักเลงคีย์บอร์ด ทั้งหลาย กกต.บางท่านถึงกับออกปากว่า ถ้าเข้าข้างฝ่ายใดหรือรับคำสั่งจากบุคคลภายนอกจริง ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการคงไม่ออกมาลักษณะนี้ พรรคการเมืองบางพรรคไม่ได้นำเอาด้านที่เป็นประโยชน์กับตัวเองมาพูด เช่น จากที่เคยไม่มีแนวโน้มว่าจะได้ ส.ส.แบบเขตเลย หรือคาดว่าจะได้ ส.ส.ไม่กี่คน แต่เมื่อผลออกมา กลับได้ ส.ส.ทั้ง 2 ระบบมาเป็นจำนวนมาก เป็นต้น
การบิดเบือนข้อมูลของสื่อ ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดและทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้รับผลกระทบโดยตรง รวมทั้ง กกต.ด้วยที่ถูกคุกคาม ข่มขู่เสมือนเป็นคนที่กระทำความผิดอาญาบ้านเมือง
การแสดงความเห็นผ่านสื่อ ไม่ว่าจะเป็นการนับคะแนนเลือกตั้ง การประกาศผลเลือกตั้ง หรือการคิดคะแนน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มีอยู่ 2 ประเภท คือ คนที่อ่านกฎหมายเลือกตั้งเข้าใจ แต่ไม่เข้าใจเรื่องสูตรการคิดคำนวณ กับ คนที่เข้าใจสูตรคิดคำนวณ แต่ไม่เข้าใจกฎหมาย ผลออกมาไปคนละทางสองทางและมาลงที่ กกต.บิดเบือนการคิดสัดส่วน ส.ส.พึงมีและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทั้งๆที่ตามกฎหมายแล้ว การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อมีแค่สูตรเดียว ไม่มี 2-3 สูตรอย่างที่แสดงความเห็นกันแต่อย่างใด
...
สิ่งที่น่ากังวลก็คือ การสร้างความไม่น่าเชื่อถือและความเข้าใจที่ผิดๆ โดยเฉพาะคนที่มีชื่อเสียงทางสังคม หรือแม้แต่อดีต กกต. จนทำให้การทำหน้าที่ของ กกต.ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ท้ายที่สุด กกต.ต้องตัดสินใจออกมาตอบโต้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนโดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ถ้าการแสดงความเห็นจากฝ่ายใดไม่ตรงกับความจริงก็จะประทับตราไปที่ข้อมูลดังกล่าวว่าเป็นเพจปลอม หรือของปลอม นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทั้งข้อหาหมิ่นประมาทและผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เพื่อ กกต.
แต่เพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรมในกระบวนการประชาธิปไตยของประเทศ.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th