กกต.ให้กาบัตรใหม่ 21 เม.ย. ฟันเว็บแคมเปญถอดถอน เพื่อไทยบี้เขต 1-2-9 แต่งตัวเลข

“บิ๊กป้อม” ไม่ห่วงกองเชียร์แห่ให้กำลังใจ “ธนาธร” รับทราบข้อหาผิด ม.116 “ศรีวราห์” จัดตำรวจ 4 กองร้อย 620 นายรับมือ “ศรีสุวรรณ” ยื่นฟันนิติกรรมอำพรางโอนหุ้นวีลัค มีเดียให้แม่กับหลาน หน.อนค.ไม่หวั่นไหวขึ้นรถแห่ขอบคุณคนกรุง จัดงานระดมทุนคึกคัก ดักคอ กกต.อย่าอ้างสั่งเลือกตั้งใหม่บางหน่วยฟอกขาวตัวเอง พท.ทวงจัดคูหาใหม่ กทม.เขต 1-2-9 นับแต้มมั่วบัตรบินข้ามเขต “วรวัจน์” ปูดแต่งตัวเลขบัตรดี-เสีย-โหวตโนตรงเป๊ะ ยอดผู้มาใช้สิทธิ จ่อฟ้องศาลบีบ จนท.คายข้อมูล กกต.อ้อมแอ้มรับคำร้องแล้วกำลังไต่สวน ลงมติ 6 หน่วย 5 จังหวัดกาบัตรใหม่ 21 เม.ย. “ประวิตร” โดดป้อง “บิ๊กแดง” ยื่นถอดถอนไม่ได้ “วิษณุ” ยันล่าล้านชื่อแค่มีผลจิตวิทยา รัฐธรรมนูญปัจจุบันปิดช่อง จะสอย กกต.-ผบ.ทบ.ต้องร้อง ป.ป.ช. ก๊วน “ถาวร” อ้าซ่าซบรัฐบาลทหาร อ้างปกป้องประเทศสู้ระบอบทักษิณ

กรณีพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันออกหมายเรียกนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ไปรับทราบข้อกล่าวหามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 เมื่อวันที่ 6 เม.ย. โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ไม่เป็นห่วง เชื่อว่าไม่เกิด ความวุ่นวาย

“บิ๊กป้อม” ไม่ห่วงกองเชียร์ “ธนาธร”

เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 5 เม.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีมวลชนจะเดินทางไปให้กำลังใจนายธนาธร จึง– รุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน วันที่ 6 เม.ย. ว่าเชื่อว่าจะไม่เกิดความวุ่นวาย เรื่องนี้เป็นคดีเก่าอยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ยืนยันไม่ได้ล่าช้า แต่เปลี่ยนพนักงานสอบสวนถึง 2 ชุด ทำให้เพิ่งจะเรียกสอบนายธนาธร ถ้าไม่มีความผิดก็ไม่เป็นอะไร เมื่อถามว่าการนัดหมายผ่านโซเชียลฯ เพื่อไปให้กำลังใจนายธนาธรจำนวนมาก จะมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ดูแลอยู่แล้วเรื่องการรักษาความปลอดภัย คิดว่าไม่มีอะไร เป็นการเรียกมารายงานตัวเฉยๆ ตามหมายเรียก เมื่อถามว่า สถานการณ์หลังจากนี้จะเห็นภาพคนออกมารวมตัวกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตรรีบกล่าวว่า “ไม่ๆ อย่าไปคิดแบบนั้น เพราะอีกพวกหนึ่งไม่ได้ออกมาเล่นอะไร มีเพียงพวกเดียวที่ออกมาเล่น”

...

เบรกล่าชื่อถอดถอน ผบ.ทบ.ไม่ได้

พล.อ.ประวิตรกล่าวอีกว่า ส่วนการรวบรวมรายชื่อถอดถอน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ผ่านเว็บไซต์ Change.org ไม่เป็นห่วงอะไร แต่ถามว่ามีระเบียบหรือไม่ ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งหมด เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาและมีกฎระเบียบข้อบังคับอยู่ วางมาตรการไว้หมดแล้ว จึงไม่สามารถมาล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนได้ เมื่อถามว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับโปรดเกล้าฯ จึงไม่สามารถถอดถอนได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ใช่” เมื่อถามต่อว่าบทบาทของ พล.อ.อภิรัชต์ช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่ตอบ” เมื่อถามว่าในอดีตไม่เคยมีเหตุการณ์รวบรวมรายชื่อเพื่อถอดถอน ผบ.ทบ.จะสร้างบรรทัดฐานหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เคยมีและคนที่มีความคิดแบบนี้ เป็นเพียงคนพวกเดียวเท่านั้น ใครอยากแสดงความคิดเห็นก็แสดงไป คงไม่ต้องให้กำลังใจ พล.อ.อภิรัชต์เพราะไม่มีอะไร พล.อ.อภิรัชต์มีเจตนาดีอยากให้บ้านเมืองสงบ ไม่มีความขัดแย้ง ที่ พล.อ.อภิรัชต์ออกมาพูดนั้นถือเป็นเจตนาดี อยากให้คนที่คิดรุนแรงอย่าไปคิดแบบนั้น เมื่อถามว่าอยากฝากสิ่งใดต่อประชาชนและนักการเมืองเรื่องการวางตัวในช่วงนี้ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ตอนนี้ต้องสนใจเรื่องงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

อุ้ม กกต.สั่ง ลต.ใหม่ดูโปร่งใสขึ้น

พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณี กกต.มีมติให้จัดการเลือกตั้งใหม่และนับคะแนนใหม่บางหน่วยเลือกตั้งว่า ฝ่ายความมั่นคงคงไม่ต้องกำชับอะไร เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว รวมถึง กกต.ทำหน้าที่อยู่แล้ว เป็นเพียงเขตเล็กๆเท่านั้น เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวจะทำให้ภาพดูโปร่งใสขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ถือว่าดี กกต.ต้องพิจารณาดูว่าอะไรที่ทำให้ไม่โปร่งใส ต้องทำให้โปร่งใสก็หมดเรื่อง เมื่อถามถึงกรณีพรรคการเมืองเรียกร้องให้เลือกตั้งใหม่ทั้งเขต ไม่ใช่เพียงบางหน่วยเลือกตั้งนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ไปทำเองแล้วกัน

ตร.เรียก “ปิยบุตร” สอบเป็นพยาน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร.กล่าวถึงกรณีนายมหัศจักร โสดี ตัวแทนกลุ่มคนไทยหัวใจตรงกันที่รักและเคารพในสถาบันฯ ที่เดินทางมาร้องให้ตรวจสอบพฤติกรรมการพูด การแสดงออกหมิ่นเหม่ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ว่า เจ้าหน้าที่สอบปากคำเบื้องต้นไปแล้ว แต่ต้องเชิญนายปิยบุตรมาสอบถามว่าหนังสือเขียนจริงหรือไม่ ได้ใช้ถ้อยคำหมิ่นเหม่หรือไม่ จะทำอย่างรอบคอบรวดเร็วเป็นคดีที่สังคมกำลังสงสัย ตำรวจบังคับใช้กฎหมายไปตามอำนาจหน้าที่ ยังไม่ถึงขั้นตอนออกหมายเรียก ต้องออกหมายในฐานะพยานก่อนและยังไม่ถึงขั้นแจ้งข้อกล่าวหา

ใช้ 4 กองร้อยรับมือแฟนคลับอนาคตใหม่

มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนจัดกำลังเตรียมรับสถานการณ์ดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย กรณีการเข้าพบพนักงานสอบสวนของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหามาตรา 116 ที่ สน.ปทุมวัน วันที่ 6 เม.ย. เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดการณ์ว่าจะมีมวลชนตามไปให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นได้จัดเตรียมกำลังเอาไว้ 4 กองร้อย จำนวน 620 นาย เพื่อควบคุมสถานการณ์ดูแลพื้นที่โดยรอบ สน.ปทุมวัน

“วิษณุ” ชี้ รธน.ปิดช่องล่าชื่อถอดถอน

เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการล่ารายชื่อถอดถอน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ว่ารัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่มีเรื่องการเข้าชื่อถอดถอนบุคคล ไม่ว่าจะเป็น กกต. หรือตำแหน่งใดก็ตามไม่มีอีกแล้ว แต่มีวิธีเข้าชื่อเพียง 5-30 คน สามารถเข้าชื่อร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้พิจารณาได้ โดยจะดูว่ามีมูลความผิดหรือไม่ และจะดำเนินการต่อหรือไม่ ถ้าดำเนินการต่อ จะส่งไปอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไป ต้องทำอย่างนี้ ไม่ว่า จะเป็น ผบ.ทบ. กกต. หรือใครก็ตาม วิธีการนี้อยู่ใน รัฐธรรมนูญมาตรา 234 (2) ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 28 (2) และ ม.32 (1) บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนและ วินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐใดกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ประชาชนสามารถร้องเรียนเพื่อให้ ป.ป.ช.สอบสวนหรือไต่สวนได้

ตั้งโต๊ะล่าชื่อมีผลแค่จิตวิทยา

เมื่อถามว่า แล้วการล่าชื่อถอดถอน กกต. ผบ.ทบ.ในปัจจุบันนี้จะมีผลหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ผมขอใช้คำนี้อีกครั้งหนึ่ง ก็มีผลแค่เพียง จิตวิทยาเท่านั้น ไม่ทำให้เกิดเหตุอะไรโดยตรง ผมตอบเป็นหลักการ ไม่ได้ตอบถึงกรณีของใครโดยเฉพาะ ทั้งนี้การยื่น ป.ป.ช.มีข้อหาได้หลายข้อหา ไม่ใช่แค่กรณีทุจริตประพฤติมิชอบ ในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดว่าใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ กระบวนการของรัฐธรรมนูญใหม่ไม่เหมือนรัฐธรรมนูญเก่าที่เราอาจเคยชิน เขียนต่างกัน” นายวิษณุกล่าว

“ธนาธร” รายงานตัวเชื่อไม่วุ่นวาย

เมื่อเวลา 09.00 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นำผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคอนาคตใหม่ ขึ้นรถแห่ขอบคุณประชาชน โดยเริ่มจากถนนมิตรไมตรี มุ่งหน้าไปตามเส้นทางดินแดง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ราชวัต-รัชโยธิน-บางเขน-เกษตรนวมินทร์-แฮปปี้แลนด์-พัฒนาการ และสิ้นสุดที่เอกมัย จากนั้นนายธนาธรให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเข้าพบตำรวจที่ สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีปลุกปั่นประชาชนตามมาตรา 116 ในวันที่ 6 เม.ย. ตนไม่ทราบจะมีมวลชนไปจำนวนมากหรือไม่ เพราะไม่ได้มีเกณฑ์ไปอยู่แล้ว แต่หากมีคนไปให้กำลังใจต้องขอขอบคุณ และไม่คิดว่าจะมีความวุ่นวายใดๆ ส่วนที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. ระบุว่าการดำเนินคดีเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งนั้น เชื่อว่าสังคมมีวิจารณญาณและสามารถพิจารณาสิ่งที่ พ.อ.วินธัยพูดได้

ดักคอ กกต.อย่าฟอกขาวตัวเอง

นายธนาธรกล่าวอีกว่า ส่วนมติ กกต.ที่ให้มีการเลือกตั้งใหม่เฉพาะบางหน่วยเลือกตั้งว่า ไม่ส่งผลต่อคะแนนของผู้สมัคร เพราะการเลือกตั้งต่อหน่วยมีประชากรเฉลี่ย 500 คน ขณะที่ความห่างของผู้สมัครแต่ละพรรคเป็นหลักพันคะแนน และไม่อยากให้ กกต.ใช้กรณีนี้เพื่อฟอกขาวให้กับตัวเอง

จัดงาน “อนาคตใหม่ ไฟแรงเฟร่อ”

ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ มีการจัดกิจกรรม “อนาคตใหม่ ไฟแรงเฟร่อ” โดยมีกิจกรรมขอบคุณผู้สนับสนุนพรรค เขียนจดหมายให้กำลังใจกันและกัน การระดมทุนโดยการรับบริจาคเงิน และการระดมทุนโดยการขาย-ประมูลสินค้าของบรรดาแกนนำพรรค โดยมีประชาชนร่วมงานเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง รองโฆษกพรรค กล่าวเปิดงานแนะนำกิจกรรมภายในงานว่า วันนี้เราจัดกิจกรรมเพื่อขอบคุณผู้สนับสนุนพรรคในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และเพื่อพบปะพูดคุยถึงแนวทางในการทำงานของพรรคต่อจากนี้ ภายในงานมีกิจกรรมหลายอย่าง นอกจากการระดมทุนและขายสินค้าที่ระลึกต่างๆ เช่น เสื้อ พัด แก้วน้ำ สติกเกอร์ และกระเป๋าเพื่อเป็นทุนในการทำกิจกรรมของพรรคแล้ว เรายังเปิดรับสมัครสมาชิก และประกวดออกแบบสินค้าของพรรคด้วย

เพื่อไทยโวยนับมั่วขอล้างตา กทม.3 เขต

เมื่อเวลา 10.20 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ประธานคณะกรรมการตรวจสอบทุจริตการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย พร้อมนายสุรชาติ เทียนทอง และ น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวความผิดปกติการนับคะแนนเลือกตั้ง โดยนายสุรชาติ กล่าวว่าการนับคะแนนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.พบการนับคะแนนผิดปกติ บัตรเลือกตั้งล่วงหน้าเขต 2 และ 9 กทม. ไปปรากฏที่เขต 1 แล้วนับเป็นบัตรเสียจำนวนมาก เมื่อนายบดินทร์ วัชโรบล ผอ.ศูนย์การเลือกตั้งเขต 1 พรรคเพื่อไทยเข้าท้วงติง เจ้าหน้าที่ กกต.ประจำเขตระบุเขตเลือกตั้งที่ 1 เป็นเพียงปลายทาง ทำอะไรไม่ได้ต้องไปร้อง กกต.กลางและพร้อมเป็นพยานให้

ปูดแต่งตัวเลขเขต 1-2-9 ตรงกันเป๊ะ

“น่าสังเกตยอดบัตรดี บัตรเสียและบัตรไม่เลือกผู้ใดในเขต 1 2 และ 9 ตรงกับยอดผู้มาใช้สิทธิทั้งที่เขต 1 น่าจะมีบัตรเกิน เขต 2 และ 9 น่าจะมีบัตรขาดมีการตกแต่งตัวเลขทำให้ตรงกันหรือไม่ ขอให้ กกต.ชี้แจง และต้องชี้แจงว่าบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าเขต 2 และ 9 ปรากฏที่เขต 1 จำนวนเท่าไหร่ เขต 1 มีบัตรเลือกเกินมาเท่าไหร่ มีการทำบัตรเลือกตั้งเสริมมาเพิ่มเติมหรือไม่ การนับบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าผิดเขตแล้วขานเป็นบัตรเสียเป็นการละเมิดสิทธิประชาชน ผลเลือกตั้งที่ออกมาแบบนี้ไม่สามารถยอมรับได้ หาก กกต.ไม่ชี้แจงให้กระจ่างได้ ขอให้จัดการเลือกตั้งใหม่ในเขต 1 2 และ 9 ไม่สามารถเลือกตั้งเป็นบางหน่วยได้ เพราะไม่รู้ว่าบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าอยู่ที่หน่วยใดบ้าง” นายวรวัจน์กล่าว

จ่อฟ้องเจ้าหน้าที่บี้เปิดเผยข้อมูล

ขณะที่นายวรวัจน์ กล่าวว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นเราจะนำเรื่องไปฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบต่อเจ้าหน้าที่ กกต.ประจำเขตเลือกตั้งสัปดาห์หน้า ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เพื่อให้เอาข้อมูลออกมาเปิดเผย เนื่องจาก กกต.ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ นอกจากนี้ คะแนนเลือกตั้งล่วงหน้ายังผูกพันคะแนนทั้งประเทศ ถ้าใครพบเห็นกรณีเช่นนี้ขอให้รีบออกมาเปิดเผย ถ้ามีกรณีเช่นนี้เป็นจำนวนมากแล้ว กกต.ชี้แจงไม่ได้ กกต.ต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ระหว่างการแถลงข่าวนายสุรชาติได้นำรูปภาพการนับคะแนนผิดเขต และตัวเลขผู้มาใช้สิทธิที่ตรงกับจำนวนบัตรเลือกตั้งอย่างผิดปกติมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย

“วิทยา” ร้องสอบว่าที่ ส.ส.พปชร.

เมื่อเวลา 10.00 น. สำนักงาน กกต.นายวิทยา แก้วภราดัย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องคัดค้านนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับเลือกตั้งมีคะแนนเสียงอันดับ 1 เนื่องจากเผยแพร่เอกสารแนะนำตัวด้วยข้อความอันเท็จ ระบุว่าเป็นด็อกเตอร์และเป็นเลขานุการอดีตผู้ว่าฯ กทม. นายพิจิตต รัตตกุล ซึ่งไม่เป็นความจริงหาเสียงโดยไม่สุจริต ข้อเท็จจริงประจักษ์ชัด ไม่ยุ่งยากที่ กกต.จะวินิจฉัย แล้วแต่ กกต.จะพิจารณาว่าจะให้ใบส้ม ใบเหลืองได้หรือไม่

กลุ่มสยามมานุสติร้องสอบ “ธนาธร”

ต่อมาเวลา 10.15 น. กลุ่มสยามมานุสติ นำโดยนายภูภัฑธ แสงสุบิน ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.ขอให้ตรวจสอบการกระทำของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อาจเข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยนายภูภัฑธกล่าวว่า นายธนาธรได้ประกาศนโยบายขณะพบปะประชาชนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เมื่อเดือน ก.พ. ระบุว่า “ด้วยหวังปฏิวัติ 2475” จะสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงจะสานต่อภารกิจของคณะราษฎร 2475 ให้สำเร็จ พร้อมกันนี้ได้นำสำเนารายงานข่าว และแผ่นบันทึกภาพ มายื่นเป็นหลักฐานต่อ กกต. ยืนยันมายื่นในฐานะต้องการใช้สิทธิของประชาชนชาวไทยพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

“ศรีสุวรรณ” ยื่นเพิ่มคดีหุ้นวี ลัค มีเดีย

จากนั้นเวลา 13.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อ กกต.ให้ไต่สวน สอบสวนและวินิจฉัย เพื่อส่งให้ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีคุณสมบัติอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่พบข้อพิรุธว่าการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย อาจเป็นการอำพรางนิติกรรม พร้อมเข้าให้ถ้อยคำ กรณียื่นร้องนายธนาธรแถลงข่าวโอนทรัพย์สินไปให้ trust หรือกองทุนเป็นผู้ดูแล อ้างว่าไม่เคยมีนักการเมืองคนใดทำมาก่อน ทั้งที่ความเป็นจริงมีนักการเมืองมากกว่า 20 คน การแถลงข่าวของนายธนาธรสร้างภาพหลอกลวง จงใจบิดเบือนข้อมูล เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับพรรคอนาคตใหม่

แฉพิรุธโอนหุ้นอำพรางแม่–หลาน

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตกรณีนายธนาธรอ้างทำหนังสือตราสารโอนหุ้นให้กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ (มารดา) ลงวันที่ 8 ม.ค. นางสมพรได้ชำระเงินค่าหุ้นให้แก่นายธนาธรด้วยเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ฉบับลงวันที่ 8 ม.ค.เป็นเงิน 6,750,000 บาท แต่ยังไม่อาจเชื่อได้ว่าจะเป็นข้อเท็จจริง ยังมีข้อพิรุธมากมายที่ต้องนำข้อมูลเพิ่มเติมให้ กกต.ไต่สวน สอบสวนและแสวงหา ข้อเท็จจริง โดยเฉพาะประเด็นที่นายธนาธรอ้างว่านางสมพรได้โอนหุ้นต่อไปให้หลาน 2 คนตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.62 แล้ว แต่เหตุใดหลานทั้ง 2 คนจึงโอนหุ้นกลับมาให้กับนางสมพรอีกในวันที่ 21 มี.ค.62 จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่านิติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และมีการชำระเงินกันจริงหรือไม่หรือเป็นเพียงการสร้างตัวละคร ให้เป็นข้อมูลหรือพยานหลักฐานขึ้นมาใหม่ เพื่ออำพรางนิติกรรมของตนเอง หาก กกต.ตรวจสอบพบว่าการกระทำของนายธนาธรเข้าข่ายขาดคุณสมบัตินายธนาธรจะไม่สามารถเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 1 ของพรรคอนาคตใหม่ได้

ก๊วนการเมืองภาค ปชช.ยื่นยุบ พท.

ขณะที่เวลา 10.30 น. นายสุรวัชร สังขฤกษ์ ในฐานะกลุ่มการเมืองภาคประชาชน เข้ายื่นหนังสือถึงประธาน กกต.เพื่อขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย มีพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เนื่องจากพรรคปล่อยให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเข้ามาครอบงำ สั่งการพรรคเพื่อไทย โดยเห็นได้จากการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่นายทักษิณได้กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะแพ้ไม่ได้จึงจำเป็นต้องยื่นให้ กกต.ตรวจสอบ ขอให้เร่งดำเนินการ ยุบพรรคก่อนจะมีการประกาศรับรอง ส.ส.

คณะราษฎรฯจี้ตั้ง กก.เฟ้น ส.ว.ใหม่

ต่อมาเวลา 13.20 น. กลุ่มคณะราษฎรไทยแห่งชาติ นำโดยนายพลภาขุน เศรษฐญาบดี ผู้ประสานงานคณะราษฎรไทยแห่งชาติ มายื่นหนังสือต่อ กกต.เรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.กรณีแต่งตั้งกรรมการสรรหา ส.ว.ขัดรัฐธรรมนูญ และขอเสนอตัวทำโครงการ Hyper Smart Vote ให้ กกต. โดยนายพลภาขุนกล่าวว่า ส.ว.เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย รัฐธรรมนูญกำหนดให้แต่งตั้งจากผู้มีความเป็นกลางทางการเมือง แต่กรรมการสรรหา ส.ว.ล้วนเป็นพรรคพวก คสช.ทั้งสิ้น จึงขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ใหม่ที่เป็นกลาง หากไม่เปลี่ยนแปลงและไม่รับพิจารณาตามคำร้องเรียน ขอใช้สิทธิแห่งพลเมืองโลก นำร้องเรียนระดับนานาชาติทั้งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้แทนสหภาพยุโรป รวมไปถึงศาลโลก เพื่อให้ช่วยคุ้มครองสิทธิโดยชอบตามระบอบประชาธิปไตยของปวงชนชาวไทยต่อไป

“ปกรณ์” ชี้บางอย่าง ก.ม.ไม่ให้อำนาจ

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงาน กกต.นายปกรณ์ มหรรณพ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กกต.ร่วมพูดคุยกับสื่อ โดยนายปกรณ์กล่าวว่า อยากให้สื่อแยกการทำงานระหว่างสำนักงานกับคณะกรรมการ กกต.เพราะกฎหมายใหม่ กกต.มีหน้าที่กำหนดนโยบายบทบาท สำนักงาน กกต.เป็นผู้ปฏิบัติภารกิจสำคัญของ กกต.คือทำให้การเลือกตั้งสุจริต เที่ยงธรรม ยังมีหลายเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ กฎหมายไม่ให้อำนาจ เช่น การประกาศผลการเลือกตั้งในเขตที่ไม่มีการร้องเรียนหรือตรวจสอบแล้ว พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 127 ไม่ให้อำนาจ กกต.ทำเช่นนั้น ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนเกือบ 300 เรื่อง จำนวนนี้มีผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดใน 66 เขตถูกร้องเรียนด้วย ต้องตรวจสอบทั้งหมด รวมทั้งกรณี กกต.สั่งให้นับคะแนนใหม่ในจังหวัดขอนแก่น 2 หน่วยเลือกตั้งและสั่งเลือกตั้งใหม่ใน 6 หน่วยเลือกตั้งใน 5 จังหวัด ทั้งหมดจะมีผลต่อการประกาศผลรวมถึงคะแนนที่จะนำมาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

คุยเคาะปาร์ตี้ลิสต์ 10 นาทีจบ

นายปกรณ์กล่าวว่า ส่วนการคิดคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อไม่มีสูตร 1 2 3 มีวิธีเดียวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ประกอบ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 129 ส่วนที่เชิญ กรธ.มาให้ความเห็นเพื่อให้รอบคอบ แนวทาง กรธ.สอดคล้องต้องกัน สำนักงาน กกต.ได้ขอหลักฐานจาก กรธ.และสำนักงาน กกต.ได้คำนวณรองรับทุกกรณีที่อาจเกิดขึ้นได้ ที่ยังไม่ประกาศว่าคำนวณได้เท่าไหร่นั้น คะแนนทั่วประเทศที่จะนำมาใช้คำนวณจะยังเปลี่ยนแปลงจากการสั่งนับคะแนนใหม่ เลือกตั้งใหม่ โดยเฉพาะเรื่องร้องเรียนผู้ได้รับคะแนนสูงสุด 66 เขต ถ้าสอบสวนแล้วเป็นจริงจะมีผลต่อการให้ใบส้ม (ระงับสิทธิสมัครชั่วคราว 1 ปี) คะแนนที่จะมาคำนวณจะต่างไปทันที ถ้าประเด็นเหล่านี้ยุติลงเมื่อไหร่ เราประกาศผล ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ภายใน 10 นาที

ยันสั่งคำนวณทุกรูปแบบรองรับ

เมื่อถามว่า ปัญหาสูตรต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดกันไปถึงตรงนั้น เรามีวิธีคิดและให้สำนักงานไปดำเนินการ ข้อถกเถียงทางกฎหมายขณะนี้อย่าตีความตามเป็นคำๆ แต่ให้ตีความเป็นบรรทัด ยืนยันเราไม่กังวลเรื่องวิธีคิด แต่ที่ไม่สามารถตอบได้เพราะขณะนี้วงเล็บหนึ่ง วงเล็บสองเรื่องคะแนนรวมยังไม่เป็นที่ยุติเลย ถ้าถึงเวลาจะตอบได้ทันที สำนักงานทำไว้ทุกรูปแบบเผื่อไว้แล้ว อยากให้สบายใจทั้งหมดกำลังเร่งทำและพิสูจน์ว่าการเลือกตั้งสุจริตและเป็นธรรม ท่านใดเห็นว่าไม่สุจริตไม่เป็นธรรมให้ร้องเรียนมาเลย เราไม่ได้ลอยตัวทำงานตลอด เมื่อมาเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว พร้อมถูกวิพากษ์วิจารณ์ การเรียกร้องให้ลาออก การยื่นถอดถอนเป็นสิทธิเรารับฟัง แต่หน้าที่เราต้องทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม ทำให้สำเร็จ เมื่อถึงวันนั้นเราจึงค่อยมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เคยมีคนพูดว่าตรงนี้ (สื่อ) มันน่ากลัวมาก แต่เมื่อมาพบกับพวกเราแล้วไม่น่า กลัวเลย เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจะรีบทำงานให้เสร็จ ก่อนวันที่ 9 พ.ค.ต้องประกาศรับรอง ส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 หรือ 333 เขต อีก 17 เขตถ้าไม่เสร็จจะทำต่อไป

มติ กกต.เลือกตั้งใหม่ 21 เม.ย.

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เปิดเผยว่าที่ประชุม กกต.มีมติกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ของ 6 หน่วย 5 จังหวัด เป็นวันที่ 21 เม.ย. สำหรับ 6 หน่วยเลือกตั้งดังกล่าวคือ 1.จ.ลำปาง เขตเลือกตั้งที่ 4 2 หน่วย ได้แก่หน่วยเลือกตั้งที่ 6 หมู่ที่ 5 ต.ปางหลวง อ.เกาะคา และหน่วยเลือกตั้งที่ 3 หมู่ที่ 2 ต.ศาลา อ.เกาะคา 2. จ.ยโสธร เขตเลือกตั้งที่ 2 หน่วยเลือกตั้งที่ 6 หมู่ที่ 6 ต.หัวเมือง อ.มหาชนะชัย 3. จ.เพชรบูรณ์ เขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 12 หมู่ที่ 12 ต.เข็กน้อย ต.เขาค้อ 4. จ.พิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 2 หน่วยเลือกตั้งที่ 6 หมู่ที่ 6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม และ 5. กรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 13 หน่วยเลือกตั้งที่ 32 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.

ราชกิจจาฯเผยแพร่ประกาศ กกต.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศ กกต.เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการนับคะแนนใหม่ในการเลือกตั้ง ส.ส. ก่อนประกาศผลการเลือกตั้งและหลักเกณฑ์การดำเนินการที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง กรณี กกต.สั่งให้ออกเสียงลงคะแนนใหม่หรือเลือกตั้งใหม่ สาระสำคัญคือให้ ผอ.การเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง กกต.ประจำเขตเลือกตั้ง คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชุดเดิม เว้นแต่กรณีที่ กกต.เห็นสมควรเปลี่ยนแปลงเพื่อความเป็นกลางทางการเมือง นอกจากนั้นให้งดเว้นการจัดเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต และเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร รวมทั้งให้งดเว้นการแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปยังเจ้าบ้าน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งได้ทราบ และให้มีระยะเวลาการขอเพิ่มชื่อหรือถอนชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง 5 วัน ส่วนหลักเกณฑ์และวิธีการนับคะแนนใหม่ เมื่อนับคะแนนเสร็จให้จัดทำรายงานผลการนับคะแนน บันทึกข้อมูลจำนวนบัตรเลือกตั้งที่นับใหม่ การทักท้วงการนับคะแนนใหม่ ให้ปฏิบัติตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

รับคำร้อง พท.แล้วกำลังไต่สวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ปฏิบัติการด้านการข่าวสำนักงาน กกต.ชี้แจงกรณีพรรคเพื่อไทยแถลงข่าวเรื่องการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งของเขตเลือกตั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร มีความผิดปกติ มีการนำบัตรเลือกตั้งของเขตเลือกตั้งอื่นมานับ ณ เขตเลือกตั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร และพรรคเพื่อไทยเห็นว่ามีผลทำให้การนับคะแนนของเขตเลือกตั้งดังกล่าวและเขตเลือกตั้งอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม สำนักงาน กกต.ได้รับเรื่องร้องคัดค้านของพรรคเพื่อไทยไว้เพื่อดำเนินการตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวนและวินิจฉัยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนไต่สวน จะเร่งรัดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ขณะเดียวกัน สำนักงาน กกต.ได้ชี้แจงการนำเสนอทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า กกต.ฟ้องหมิ่นประมาทสื่อมวลชนและทำตัวเป็นมาเฟีย เป็นการใช้สิทธิทางกฎหมาย เมื่อเห็นว่าข้อความที่โพสต์เป็นความเท็จ ทำให้ กกต.เสียหาย สาธารณชนเข้าใจผิดถูกดูหมิ่นเกลียดชัง สำนักงาน กกต.ได้รับความเสียหาย กกต.มิได้เจาะจงจะดำเนินคดีกับผู้หนึ่งผู้ใด

แบะท่าจัดปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรคเล็ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ปฏิบัติการด้านการข่าวสำนักงาน กกต. ได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีมีข้อสงสัยการคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ผลจากการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อโดยใช้ข้อมูลจากการประกาศผลการนับคะแนนของทุกเขตเลือกตั้งมาคำนวณจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเบื้องต้น มีพรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรรจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่า 25 พรรคการเมือง สำนักงาน กกต.ชี้แจงว่าเป็นเพียงการคำนวณโดยใช้ผลคะแนนรายเขตเลือกตั้ง ที่สำนักงาน กกต.ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. หลังจากนี้หากผลจากการที่ กกต.ได้สั่งให้มีการนับคะแนนใหม่ หรือสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่เสร็จสิ้นแล้ว ผลคะแนนรวมของพรรคการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปจะต้องนำคะแนนที่ได้รับมาใหม่มาคำนวณด้วยวิธีการเดิมอีกครั้งหนึ่ง โดยการคำนวณจะเสร็จสมบูรณ์ครั้งแรกต่อเมื่อ กกต.ได้ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 95

“ปริญญา” ชำแหละสูตรปาร์ตี้ลิสต์

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีการจัดเสวนาหัวข้อ “อนาคตการเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง” โดยนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต กล่าวถึงการคำนวณสูตร ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ขั้นที่ 1 การหาค่าเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คน คือ 71,057 คน และเอาจำนวน ส.ส.มาหาร ขั้นที่ 2 เอาค่าเฉลี่ยมาหารคะแนนแต่ละพรรคจะได้ยอด ส.ส.พึงมี ขั้นที่ 3 เอาแบ่งเขตมาหักออกยอดที่ได้คือ ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค เมื่อถึงขั้นนี้มีการแยกเป็น 2 ทางคือ ส.ส.บัญชีรายชื่อขั้นต้นรวมคือ 175 ซึ่งเกิน 150 ดังนั้นมี 2 วิธีคือ 1.ย่อให้เหลือ 150 แล้วค่อยแจกให้จำนวนเต็มก่อน ผลลัพธ์คือจำนวนเต็มจะมีประมาณ 128-129 เหลือเศษ 21-22 ที่นั่ง จะเกิดการแจกเศษเรียงลำดับตามเศษใหญ่ รวมถึงพรรคที่ได้คะแนนน้อยกว่า 71,057 จะได้ ส.ส.ที่เหลือด้วย

ตีความก่อปัญหาเอื้อขั้วหนุน “บิ๊กตู่”

นายปริญญากล่าวต่อว่า อีกวิธีคือจัดตาม จำนวนเต็มที่มีกว่า 170 คน โดยพรรคที่ได้คะแนนเกิน 71,057 จัดตามจำนวนเต็ม 152 ก็มีประเด็นที่ไปเอาเศษ 71,057 จากที่ต่างๆ การตีความจากกรธ.เหมือนว่าจะพอไปได้ แต่ไม่เห็นด้วยเพราะตีความที่มีปัญหา ในแง่รัฐธรรมนูญการออกแบบระบบการเลือกตั้งทุกๆ 71,057 คะแนนของทุกพรรคหารด้วย 500 จะได้ ส.ส. 1 คน ออกมาแล้วคือ 152 คน ก็ต้องทำตาม (7) ของมาตรา 128 จาก 152 ต้องย่อตามอัตราส่วนให้เหลือ 150 คนจะจบ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าพอตีความได้ 2 ทาง ผลลัพธ์คือหากตีความในแบบที่ตนเห็นว่าถูกต้องแต่ในข้างของพรรคที่ลงสัตยาบันไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯจะมี 253 คน พรรคพลังประชารัฐจะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่พอใช้สูตรของ กรธ.ตัวเลขพรรคที่ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์จะเหลือ 246 เสียง ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายจะตั้งรัฐบาลได้ทันที

ฟันธงแจกพรรคเล็กขัด รธน.

เมื่อตีความได้ 2 ทาง การจะเอา ส.ส. 1 คน ยังได้ไม่ครบ กลับเอาไปแจกพรรคที่ได้คะแนนไม่ถึงค่าเฉลี่ยขึ้นมาถือว่าขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ อย่าลืมว่า (5) ของมาตรา 128 เขียนไว้ว่าจะจัดให้จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเกินกว่าจำนวน ส.ส.พึงมีไม่ได้ ปรากฏว่าพรรคท้ายๆได้ 0.4 คนแล้วจะถือว่าได้ ส.ส. 1 คนได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างเดียวคือจัดให้จำนวนเต็มแล้วไม่ถึง 150 ถึงจะเอาเศษแบ่งให้จากมากไปหาน้อยตามลำดับ แต่พอจัดครบเกิน 150 คนแล้วก็ไม่มีประเด็นที่ต้องไปเอาคนที่ต่ำกว่า 71,057 มา การที่ กรธ.ตีความแบบนี้เป็นเรื่องของ กรธ. แต่คนตีความ คือ กกต.จะตีความอย่างไร ท่ามกลางกระแสที่คนเริ่มคลางแคลงใจ การเขียนกฎหมายให้ตีความ 2 ทางคือสิ่งที่อันตรายที่สุด เรื่องสูตรควรชัดเจนก่อนหน้านี้นานแล้ว ถ้าต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความก็เป็นหน้าที่ กกต. ควรใช้กระบวนการทางศาลอย่าลงมาบนท้องถนน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ มีเสียงข้างมากอย่าไปขวาง แล้วเราจะได้เห็นการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่มี ม.44

การเมืองอายุสั้น-อยู่ไม่ได้ก็ยุบ

นายสุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เมื่อกติกาทำให้การเลือกตั้งมีปัญหาต้องให้ศาลตีความแล้วทุกฝ่ายต้องยอมรับ อดีตหลังเลือกตั้ง 2-3 วันก็ทราบผลใบแดง ใบเหลือง แต่ปัจจุบันกลายเป็นไม่มีคำตอบชัดเจน ไม่ต้องพูดถึงการจัดตั้งรัฐบาล ส.ส.ตัวเลขยังไม่นิ่ง โอกาสจะเปิดสภายังมองไม่เห็น สร้างปัญหาใหม่ที่ไม่เคยเจอ ถ้าปัญหาอยู่ที่การออกแบบกติกาต้องเริ่มคิดถึงการสร้างกติกาที่ดีและเป็นธรรมมากขึ้น เดิมสถาปนิกที่ออกแบบกติกานี้ตอนร่างไม่ได้คิดว่าจะเป็นแบบนี้ แค่ต้องการให้เพื่อไทยและคู่แข่งไม่มี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ สังคมอยากได้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องมีคนรับผิดชอบ มองได้ว่าเป็นการเมืองอายุสั้น

นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ยังเชื่อว่าหลัง 9 พ.ค. การเมืองยังมีทางออก ไม่ว่าใครจะเป็นนายกฯด้วยสูตรใด คณิตศาสตร์ใดต้องเคารพ ปล่อยให้กลไกรัฐบาลบริหารให้ได้ อย่าเรียกร้องระบบอื่นเข้ามา ต้องหยุดตัวเร่งเร้าปฏิกิริยา ไม่ต้องมีคนออกมาเชียร์ข้างถนน อยู่ไม่ได้ก็ยุบ

“สนธิรัตน์” เบิร์ธเดย์ ภท.-ปชป.ปัดจีบ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า วันที่ 6 เม.ย. ตนและนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรคจะไปร่วมแสดงความยินดีเนื่องในวันคล้ายวันเกิดพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย เมื่อถามว่าจะถือ โอกาสเทียบเชิญทั้ง 2 พรรคมาร่วมรัฐบาลอย่างไม่เป็นทางการเลยหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เพียงไปแสดงความยินดีเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้ง อย่าคิดไปไกล พรรคอื่นเกิดก็จะไป เพราะอยู่ในวงการเดียวกัน ทุกอย่างต้องรอหลังวันที่ 9 พ.ค. กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เมื่อถามถึงกรณีนายถาวร เสนเนียม ว่าที่ ส.ส.สงขลา พรรค ประชาธิปัตย์ ระบุพร้อมร่วมงานพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ตอบว่า ยังไม่ได้คุยกัน พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่พร้อมคุยรอวันที่ 9 พ.ค. ทั้งนี้ พรรคได้เพิ่มคณะทำงานการสื่อสาร นายพุทธิพงษ์ เป็นหัวหน้าคณะ และตั้งเพิ่ม 2 รองโฆษกพรรค คือนายไกรเสริม โตทับเที่ยง และ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.

จัดทีม พปชร.ตอบโต้การเมือง

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า บรรยากาศทางการเมืองหลังเลือกตั้งเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มีโจมตีใส่ร้ายป้ายสีกันทางโซเชียลมีเดีย พรรคพลังประชารัฐถูกกลุ่มการเมืองต่างๆโจมตีดิสเครดิตทั้งบนดินและใต้ดิน สร้างความเสื่อมเสีย พรรคจึงสั่งการให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคเก็บรวบรวมข้อมูลให้ฝ่ายกฎหมาย ดำเนินคดีทันที และช่วยดูแลเรื่องร้องเรียนต่างๆให้กับผู้สมัครในเขตที่มีปัญหาด้วย ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค สั่งแกนนำพรรค อาทิ นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาค กลาง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์กทม. นายอิทธิพล คุณปลื้ม รองหัวหน้าพรรค ช่วย ชี้แจงประเด็นทางการเมือง

ให้ฝ่าย ก.ม.จัดการหาเป็นเผด็จการ

ด้านนายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ต้องดูให้ชัดเจนตอนนี้โจรในโซเชียลเยอะจนวุ่นวายมาก กล่าวหากันง่าย บางคนทำด้วยจิตวิญญาณ บางคนเป็นโจรที่ชอบสร้าง สถานการณ์ โดยเฉพาะคนที่มีชื่อเสียงและต้นทุนทางสังคมทำมานานแล้ว ต้องใช้กฎหมายจัดการคนเหล่านี้ ให้ทีมกฎหมายติดตามเป็นพิเศษกรณีใช้ถ้อยคำแบ่งแยกระหว่างเผด็จการและประชาธิปไตย อยู่ดีๆมากล่าวหาว่าเราเป็นเผด็จการ เพื่อสร้างภาพให้ ตัวเองดูดี หากปล่อยให้ทำไปเรื่อยๆเป็นสิ่งที่น่ากลัวจะไหลไปสู่สงครามแบ่งแยกเป็นฝ่าย ส่วนที่ กกต.ให้เลือกตั้งใหม่ 2 หน่วยเลือกตั้งไม่น่ามีผลอะไร

“ถาวร”ดันสุดตัวต้องจูบปาก พปชร.

เมื่อเวลา 09.00น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส.ทั้งที่สอบได้และสอบตกเดินทางมาที่ร้านกาแฟบริเวณหน้าลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม ตามที่นายถาวร เสนเนียม ว่าที่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์นัดหมายมาหารือถึงทิศทางทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ นายถาวรกล่าวว่า ว่าที่ ส.ส.เขตของพรรคส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ต้องการให้ผลักดันนโยบายของพรรคนำไปสู่การปฏิบัติ หากเป็นฝ่ายค้านจะไม่สามารถดูแลหรือช่วยเหลือประชาชนได้เต็มที่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองมีการเลือกตั้งใหม่ จะไม่มีจุดขายไปหาเสียงกับประชาชน จากนั้นกลุ่มนายถาวรได้เดินไปพูดคุยกับ น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ห้องทำงาน ชั้น 1 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ขณะที่มีอดีต ส.ส.และว่าที่ ส.ส.ของพรรคทยอยมาร่วมการหารือทิศทางทางการเมืองของพรรคในเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 3

ไร้เงาคนข้างกายสาย “มาร์ค”

อย่างไรก็ตาม ยังมีแกนนำพรรคบางส่วนมาร่วมด้วยเช่นกัน อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รักษาการรองหัวหน้าพรรค น่าสังเกตว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ รักษาการเลขาธิการพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ไม่ได้เดินทางมา ส่วนนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รักษาการรองหัวหน้าพรรค เข้าพรรค แต่ไม่ได้ร่วมหารือ

นั่งล้อมวงถกเครียดนอกรอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการหารือจะเริ่มขึ้นได้มีการพูดคุยนอกรอบระหว่างนายชวนกับนายถาวร นานประมาณ 15 นาที มีสมาชิกพรรคบางส่วน นั่งฟังอยู่ด้วย อาทิ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นายชุมพล จุลใส นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร นายมนตรี ปาน้อยนนท์ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ บรรยากาศค่อนข้างเคร่งเครียด จากนั้น เวลา 10.10 น. จึงเข้าสู่การหารือนั่งล้อมวงสนทนา มีผู้เข้าร่วมราว 30 คน นายถาวรกล่าวก่อนหารือว่าการหารือวันนี้ไม่มีใครเป็นประธาน แต่มีผู้หลัก ผู้ใหญ่ของพรรคมาร่วมหารือด้วย เราได้ขอใช้สถานที่ อย่างถูกต้อง ตนขอเป็นผู้ดำเนินการหารือครั้งนี้ สาเหตุที่มีสมาชิกมากันน้อย เพราะบางคนติดภารกิจตอบรับคำเชิญร่วมงานในพื้นที่ไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว บางคนไปไหว้บรรพบุรุษหรือวันเช็งเม้ง ยังจะมีการพูดคุยกันอีกหลายรอบ

อ้างข้างมากอยากร่วม รบ.ทหาร

ด้านนายถาวร เสนเนียม ว่าที่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังระดมความคิดเห็นกว่า 4 ชั่วโมงว่า ประเด็นสำคัญที่หารือคือจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ มีเข้าหารือกันกว่า 30 คน เกือบ ร้อยเปอร์เซ็นต์อยากร่วมรัฐบาล อาจเกือบครึ่งต้องการให้ประกาศท่าทีในนามพรรคประชาธิปัตย์ก่อนวันที่ 9 พ.ค. เพราะเห็นว่าขณะนี้ใกล้งานพระราชพิธีสำคัญ อันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควรดำเนินกิจกรรมทางการเมือง การร่วมรัฐบาลเป็นความอยู่รอดของชาติบ้านเมือง ไม่คำนึงถึงการต่อรองตำแหน่ง การตัดสินใจนำเสนอของทุกท่านที่ต้องการให้ร่วมรัฐบาล ต้องการให้ชาติอยู่รอด ต้องการให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย เดินหน้าได้ ความสงบเกิดขึ้นจัดตั้งรัฐบาลได้

ปัดลืมอุดมการณ์หนุนสืบอำนาจ

เมื่อถามว่าใครจะเป็นผู้ประกาศท่าทีดังกล่าวก่อนวันที่ 9 พ.ค. นายถาวรกล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการเชิญอดีต ส.ส.ปี 54 และ ว่าที่ ส.ส.ปี 62 รวมทั้งองค์ประชุมที่ข้อบังคับพรรค เขียนเอาไว้มาประชุมท่าทีกันได้ เพราะวันนี้ผู้เข้าหารือได้ให้ความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน ถึงความต้องการของประชาชน กรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการคงใช้ดุลพินิจแบบมีวุฒิภาวะ อย่าตกใจอย่าคาดการณ์ ประชาธิปัตย์คำนึงถึงความอยู่รอดของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การเข้าร่วมรัฐบาลไม่ใช่ผิดอุดมการณ์ ไม่ใช่สนับสนุนผู้สืบทอดอำนาจ ไม่ได้สนับสนุนเผด็จการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เข้ามาตามเส้นทางรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติมาแล้ว 16 ล้านเสียง ท่าทีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เคยประกาศก่อนหน้าได้ลาออกแล้วการพูดของท่านไม่ได้เอามติของที่ประชุมพรรคไปพูด เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เป็นมติพรรคจะไม่ผูกพันพรรค

เชียร์ซบ พปชร.อ้างป้อง ปท. สู้ทักษิณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในที่ประชุมจากเดิมนายถาวรจะเป็นผู้ดำเนินการเอง แต่เกรงว่าผู้มาร่วมหารือเป็นพวกเดียวกัน จึงขอให้นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค เป็นประธาน แต่นายเทอดพงษ์ปฏิเสธ จึงไปขอให้นายพีระพันธุ์ทำหน้าที่แทนเห็นว่าเป็นอดีตผู้พิพากษาจะมีความเป็นกลาง โดยเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นกันเต็มที่ ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคเพียงแค่นั่งฟัง ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ขณะที่สมาชิกพูดถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชนะหรือแพ้ในแต่ละเขตเลือกตั้ง กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประกาศจุดยืนไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ที่ประชุมไม่อยากให้โทษว่าใคร ผิดหรือถูก แต่มองไปข้างหน้าควรบริหารจัดการวิกฤติ ที่กระชั้นชิดอย่างไร และต้องทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรค (นิว เดม) ยังทำงานกับพรรคต่อไป ไม่ ถอดใจลาออก ส่วนแนวโน้มการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ผู้ที่ลุกขึ้นแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่เห็นว่าควรไปร่วมรัฐบาลเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ ของประเทศ แต่ต้องพูดให้ชัดเจนว่าพรรคต้องการปกป้องประเทศ มุ่งต่อสู้กับระบอบทักษิณต่อไป จึงจะไม่เป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพียงแต่ตอนนี้ กกต.ยังไม่ประกาศรับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการ ส่วนหัวหน้าพรรคคนใหม่ควรต้องทำงานเป็นทีมและต้องปรึกษาผู้ใหญ่ในพรรคด้วย

สธ.เกาะติดคนเครียดการเมือง

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลรายงานสถิติการให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตทางโทรศัพท์สายด่วน 1323 ในรอบเดือน ก.พ.-มี.ค. พบว่ามีการให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต 13,229 ครั้ง มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ปัญหาทางจิตเวช ความเครียด/วิตกกังวล และปัญหาความรัก ทั้งนี้ข้อมูลรายเดือนจะพบว่าโทร.ปรึกษาเฉพาะเรื่อง ความเครียดและวิตกกังวลจากการเมืองเดือน ก.พ.มี 22 ราย และ มี.ค.มี 37 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 68 เนื่องจากเป็นช่วงเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เครียดจากการมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันทางการเมืองระหว่างคนใกล้ชิด คนในครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน จึง โทร.เพื่อระบาย โดยกรมสุขภาพจิตกำลังติดตามเรื่องความเครียดจากการเมืองอย่างใกล้ชิด

จับคนแชร์ข้อความหมิ่น กกต.

ที่ สน.ทุ่งสองห้อง พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 ในฐานะเลขานุการ ศปอส.ตร.พร้อม ตร.สน.ทุ่งสองห้อง แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาที่แชร์ส่งต่อแคมเปญรณรงค์รวบรวมรายชื่อเพื่อถอดถอน กกต.บนเว็บไซต์ Change.org/EC ที่มีผู้ร่วมลงชื่อกว่า 8 แสนราย เผยแพร่กันมากบนเฟซบุ๊ก พล.ต.ต.อาชยนกล่าวว่า คืนวันที่ 3 เม.ย. กกต.ให้ผู้รับมอบอำนาจแจ้งความเอาผิดผู้ที่แชร์แคมเปญดังกล่าวถูกตั้งโดยบัญชีชื่อ WELOVE THAI LAND มีเนื้อหาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงองค์กร มีผู้กระทำผิดที่นำไปแชร์ต่อบนเฟซบุ๊ก 7 ราย ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามกฎหมายอาญามาตรา 326 ประกอบ 328 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท มีผู้กระทำผิดเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว 3 ราย ได้แก่นายสัญญา เรืองสุข นายสมใจ พันธุ์ยัง และนักศึกษาหญิง 1 ราย ส่วน น.ส.ณัฏฐา หรือโบว์ มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการชื่อดัง และที่เหลืออีก 2 ราย ได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา โดย น.ส.ณัฏฐาและนายศิโรตม์ แจ้งว่าจะมาพบวันที่ 11 เม.ย.

คนลงชื่อถอดถอนพิจารณาอีกที

เมื่อถามว่าการที่องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กินเงินภาษีประชาชนฟ้องหมิ่นประมาทกับประชาชนที่ออกมาเรียกร้องขอความโปร่งใส เป็นการสกัดกั้นไม่ให้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองหรือไม่ พล.ต.ต.อาชยนตอบว่า เราต้องยึดตามหลักกฎหมาย กรณีนี้สร้างความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงขององค์กร สามารถเอาผิดเรื่องหมิ่นประมาทตามที่แจ้งความได้ เมื่อถามว่า คนที่ร่วมลงชื่อผิดหรือไม่ พล.ต.ต.อาชยน ตอบว่า ขณะนี้มุ่งไปที่ผู้แชร์เป็นหลัก หน่วยงานที่รับผิดชอบจะพิจารณาความเห็นร่วมกันต่อไป เราดำเนินการไม่เลือกข้างไม่มีการกลั่นแกล้งและโปร่งใส ขอทุกฝ่ายตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์หรือโพสต์ เพื่อจะได้ไม่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์