"เสี่ยอ้วน" ปัดข่าว "หญิงหน่อย" ขอลดบทบาททิ้งห่าง "เพื่อไทย" ยันยังทำงานปกติ โต้เปลี่ยนตัวแม่ทัพกลางศึก บอกวันนี้ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องนายกฯ ขออย่าสร้างความขัดแย้งภายใน แจงคนที่ไม่เซ็นคำปฏิญาณ แค่ติดภารกิจ ยันไร้ความเห็นต่าง เตือนสื่อบางฉบับโปรดรักษาจรรยาบรรณ
เมื่อวันที่ 4 เม.ย.62 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค กล่าวถึงกระแสข่าว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีพรรค จะลดบทบาทและทิ้งห่างพรรคเพื่อไทยว่า เป็นข่าวที่เห็นบนหน้าหนังสือพิมพ์บางฉบับ เท่าที่ดูตอนนี้ยังไม่มีอะไร ยังเป็นปกติ เมื่อวาน คุณหญิงสุดารัตน์ ก็เข้าพรรคมาทำงานและนั่งพูดคุยกันในเรื่องราวต่างๆ และขณะนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ก็อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ที่ อ.เชียงดาวและ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ร่วมกับผู้แทนและสมาชิกพรรคในพื้นที่ภาคเหนือ เพราะเป็นห่วงวิกฤตการณ์ฝุ่นที่ จ.เชียงใหม่ ก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ส่วนกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวบุคคลที่จะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี จาก คุญหญิงสุดารัตน์ เป็น นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทยอีกคนนั้น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยมี 3 คน คือ คุณหญิงสุดารัตน์, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายชัยเกษม ทั้งหมดยังทำหน้าที่ตามที่พรรคมอบหมาย และวันนี้ยังไม่ใช่เวลาของการมาเลือกนายกรัฐมนตรี อีกทั้งวันนี้ผลคะแนนดิบเลือกตั้งก็ยังไม่เห็นว่าเป็นอย่างไร จึงคิดว่าไม่ควรมีการทำให้เกิดประเด็นใหม่ๆ เพื่อก่อให้เกิดความขัดแย้งภายใน
"ขณะนี้ประเด็นยังอยู่ที่ กกต.ทั้งข้อมูลดิบที่ยังไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจน และเรื่องของวิธีการคำนวณ ซึ่งจริงๆต้องควรมีวิธีการคำนวณที่ชัดเจนแล้ว และพรรคเพื่อไทยก็ได้แสดงความคิดเห็นไปแล้ว โดยอิงหลักการข้อกฎหมาย อิงรัฐธรรมนูญ 91(4) และอิงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128(5) ซึ่งเป็นวิธีการคำนวณ ซึ่งขณะนี้มีหลายส่วนออกมาคำนวณ แต่ กกต.เอง ในการเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ก็ควรชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า เมื่อมาเลือกตั้งจะมีขั้นตอนวิธีการต่างๆ อย่างไร ไม่ใช่ว่ายังไม่ทราบวิธีการ และไปถามผู้รู้ตรงนั้นตรงนี้ก็จะเป็นปัญหา" นายภูมิธรรม กล่าว
...
นายภูมิธรรม กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน ที่มีการสร้างประเด็นและวาทกรรมขึ้นมาว่า วันนี้เรากำลังก้าวสู่ช่วงเทศกาลและพระราชพิธีสำคัญของประเทศ ก็ควรต้องพูดจาหรือทำอะไรที่นำไปสู่ความสามัคคีปรองดอง ของคนในประเทศ และเข้าร่วมพระราชพิธีสำคัญที่จะเกิดขึ้นด้วยความจงรักภักดีของคนไทยทุกคน ก็อยากขอร้องผู้มีอำนาจอย่าสร้างวาทกรรม หรือพูดจาอะไรที่นำไปสู่การสร้างความแตกแยก เข้าใจผิด จนนำไปสู่ความรู้สึกที่ไม่สบายใจกัน และท่านเป็นผู้มีอำนาจ มีตำแหน่งหน้าที่ต้องทำ ก็ใช้ตำแหน่งหน้าที่ และวุฒิภาวะในการประคับประคองประเทศ เดินไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวว่าที่ ส.ส.บางส่วน ไม่ลงนามในสัตยาบันของพรรค นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้มีกระบวนการที่จะสร้างให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคการเมือง คิดว่าไม่เป็นประโยชน์ ไม่ควรทำ และสัตยาบันเป็นเรื่องที่ 7 พรรคการเมืองพูดคุยกัน ไม่ได้มีอะไรมาก หรือไปบังคับข่มขู่ใคร เป็นเพียงการยืนยันว่าจะรักษาระบอบประชาธิปไตยให้เดินไปข้างหน้า จะไม่ยินยอมคัดค้านการสืบทอดอำนาจในปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 7 พรรคการเมืองก็นำเรื่องนี้ไปหารือกันภายในพรรค ตนกลับมาก็มาแจ้งให้ที่ประชุมฟัง ซึ่งเมื่อคุยเสร็จเรียบร้อยก็ไปดำเนินภาระหน้าที่ต่อ จำนวนสภาผู้แทนราษฎรที่เข้ามาก็ลงชื่อทั้งหมด มีรายชื่อทุกท่าน ก็ยังมีบางส่วนที่วันนั้นมาและกลับไปก่อน เพราะคิดว่าไม่มีการประชุม เพราะงาน 7 พรรคการเมืองเราอยู่กันถึงบ่ายสอง ก็ยังไม่กลับมา ทำให้บางส่วนที่มีภารกิจ เมื่อเสร็จงานในช่วงเช้าก็กลับไป คิดว่าเดี๋ยวก็คงกลับมา ที่ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เป็นข่าวลือของหนังสือพิมพ์บางฉบับเท่านั้น และขออย่าสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนเลย
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้สื่อบางฉบับรักษาจรรยาบรรณ และรักษาความเป็นองค์กร หรือหน่วยงานที่ประชาชนให้การรับรอง ยอมรับ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ดำรงความยุติธรรมให้เกิดขึ้น ต้องทำหน้าที่รักษาจรรยาบรรณของตนเองอย่างเคร่งครัด ก็เป็นเรื่องที่ต้องขอร้องกัน เพราะไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะเสื่อมทรุดและเป็นปัญหา จึงขออย่าซ้ำเติมประเทศแบบนี้ เพราะไม่เป็นผลดี การจะพูดข่าวอะไรก็ควรเอารายบุคคลมาพูด และบอกคนมีความเห็นอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าบอกว่าพรรคนั้นมีแนวโน้มคนจะแตกแยกอย่างนั้นอย่างนี้ และมองว่าไม่ควรทำข่าวตามอำเภอใจของตน และควรให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย