ต้องทำให้กระจ่าง...
หมายถึงว่าปัญหาที่กำลังสุมใส่ กกต.ในขณะนี้ทำท่าว่าจะบานปลายออกไปได้ เพราะกลายเป็นเรื่องการเมืองผสมโรงกันหลายฝ่าย
ประเด็นหนึ่งที่ฮิตสุดก็คือ ข้อกล่าวหาว่า กกต.ไม่โปร่งใสในการคิดคำนวณตัวเลข ส.ส.บัญชีรายชื่อเพื่อช่วยพรรคการเมืองเล็กจนได้ ส.ส.กันไปพรรคละ 1 คน
พูดง่ายๆว่าไปเอาสูตรที่ไหนมาใช้อ้างว่าไม่มีในกฎหมาย
เป้าหมายคือช่วยเหลือฝ่ายอำนาจ เพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้น
ว่าไปแล้วเรื่องอื่นๆพอว่า เนื่องจากเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาได้ ซึ่ง กกต.ต้องยอมรับความจริง แต่ในข้อกฎหมายนั้นเป็นเรื่องที่จะต้องอธิบายความเพื่อให้เกิดความชัดเจน
การเชิญพรรคการเมืองหรือพวกที่ติดค้างคาใจมารับฟังคำชี้แจง และทำให้เกิดความเข้าใจในข้อกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
ตรงนั้นแหละ...ที่จะดับเหตุลงไปได้
เพราะในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น แม้แต่พรรคการเมือง นักการเมือง ส่วนใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจหรือไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้
หรือบรรดากลุ่มคน นิสิต นักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวบางส่วนอาจจะเข้าใจดี แต่โดยรวมแล้วไม่ได้ศึกษาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ฟังเขามาก็ว่าไปอย่างนั้น
จึงเป็นการฉวยโอกาสของพรรคการเมืองบางพรรคที่เอากระแสนี้ออกมาเคลื่อนไหวเร่งเร้าให้เกิดความรู้สึกว่า กกต.ถูก “ใบสั่ง” จากผู้มีอำนาจครอบงำอยู่
ก็ต้องดูว่า กกต.จะสามารถชี้แจงทำความเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน จะตกม้าตายเองหรือจบปัญหาด้วยเหตุด้วยผล
เป็นการสยบปัญหาที่สังคมจะต้องรับรู้และทำความเข้าใจเพื่อไม่ให้กลายเป็นเรื่องการเมือง เพื่อเอาชนะกันโดยอาศัยมวลชนมาเป็นเครื่องมือ
ยังมีอีกประเด็นที่กำลังตามมาคือการแจกใบเหลือง ใบส้มและใบแดง หากผู้สมัครถูกกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
“ใบเหลือง” นั้นถือว่าไม่หนักมากยังเปิดโอกาสให้แก้ตัวได้ หาก กกต.พบหลักฐานว่ากระทำความผิด แค่ไม่พบความเชื่อมโยงถึงตัวผู้สมัครคนใดชัดเจน
กกต. ก็จะมีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ในเขตนั้นๆ โดยผู้สมัครคนเดิมสามารถที่จะลงสมัครได้อีก เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจอีกครั้ง
“ใบส้ม” เป็นเรื่องใหม่จากกติกาใหม่อันหมายถึงการระงับเลือกตั้งชั่วคราว กำหนด 1 ปี หากพบหลักฐานการกระทำผิดเชื่อมโยงถึงผู้สมัครบางคน
หากผู้สมัครที่ไม่ได้คะแนนอันดับ 1 ก็ให้ระงับสิทธิผู้สมัครคนนั้น และจะไม่นำคะแนนมาคิดเป็นคะแนนที่ได้มาจากการเลือกตั้ง
แต่ผู้สมัครที่ได้คะแนนมาอันดับ 1 จะสั่งเลือกตั้งใหม่ ห้ามผู้สมัครที่ได้ใบส้มลงสมัครอีก รวมถึงคะแนนที่ได้มานั้นจะไม่มีผลจะถูกตัดทิ้งไป
“ใบแดง” เป็นผลต่อเนื่องมาจากใบเหลืองและใบส้ม โดย กกต. จะนำหลักฐานที่ได้มายื่นให้ศาลพิจารณาโทษ
หากศาลเห็นว่าผิดจริงก็จะถูกใบแดงและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
การเพิกถอนสิทธินานเท่าใดขึ้นอยู่กับฐานความผิดแต่ละฐาน ซึ่งไม่เท่ากัน หากโยงถึงพรรคสังกัดอาจจะถูกยุบพรรคด้วย
ประเด็นนี้จึงส่งผลต่อจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคด้วย โดยเฉพาะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่จะเกี่ยวข้องกับตัวเลขของทุกพรรคด้วย
หากไม่เคารพกฎกติกาไม่เคารพเสียงประชาชนแล้วจะไปต่อได้อย่างไร.
“สายล่อฟ้า”