กลับจากบิณฑบาต หลวงพ่อชาเดินนำหน้าพระลูกศิษย์ หยิบกิ่งไม้ข้างทาง ตั้งคำถาม “กิ่งไม้นี้หนักเท่าไหร่” ยังไม่ทันมีพระรูปไหนตอบ หลวงพ่อก็บอก “กิ่งไม้นี้ หนักตอนถืออยู่ในมือเท่านั้น”

แล้วท่านก็โยนกิ่งไม้ทิ้ง ย้ำว่า “มันก็ไม่หนักอีกต่อไป”

(ชวนม่วนชื่น 2 ธรรมะบันเทิงหลายเรื่องเล่า พระอาจารย์พรหม)

วิธีสอนธรรมะของหลวงปู่ชา พระอาจารย์พรหม เอาไปสอนในเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย คำสอนที่ฟังดูแยบคายแสนดีอย่างนี้ ไม่น่าเชื่อว่า ต่อมาท่านเจอข้อหาทำลายสภาพแวดล้อมของป่า

พระอาจารย์พรหมเล่าว่า ท่านต่อยอดคำสอนเรื่องกิ่งไม้ แนะนำให้บรรดาศิษย์ เขียนถึงปัญหาที่เกิดจากความทรงจำเลวร้ายให้มากที่สุด ลงบนแผ่นกระดาษ

จากนั้นก็ให้หากิ่งไม้ เอากระดาษแผ่นนั้นไปหุ้ม รัดด้วยหนังยางหรือเทปกาวให้แน่น แล้วให้เจ้าของถือเดินไปหาที่วิเวกในป่า

ถึงจุดหมาย ก็ให้พิจารณาน้ำหนักของความทรงจำเลวร้ายเหล่านั้น ทบทวนถี่ถ้วนแล้ว ก็ให้รวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มี ขว้างกิ่งไม้ออกไปให้ไกลที่สุด

“จำเป็นต้องมีการออกแรง” พระอาจารย์พรหมว่า “นี่เป็นพิธีกรรม หรือการกระทำทางกายภาพ เพื่อนำไปสู่ความคิด ช่วงแรกของการปลดปล่อย”

ทุกครั้งที่รำลึกและรับรู้ถึงน้ำหนักของกิ่งไม้ และเรื่องราวที่เขียนไว้ในแผ่นกระดาษ แล้วขว้างออกไปทิ้ง ตามขั้นตอนเหล่านี้ เป็นการเสริมความตั้งใจ ทำให้เกิดพลัง ซึ่งใช้ได้ผล

“โยมได้กดปุ่มทิ้งไปแล้ว”

คำสอนให้โยนทิ้งกิ่งไม้ มีศิษย์นำไปใช้มากมาย ไม่นาน มีคนมาร้องทุกข์ ให้ท่านรับผิดชอบ ความเป็นตัวการทำให้ป่า รกไปด้วยท่อนไม้และกระดาษสกปรก

เจอข้อหาฉกรรจ์ของมนุษยชาติ พระอาจารย์พรหม ที่แม้ยิ่งแน่ใจในกลวิธีปลดทุกข์ จำต้องปรับกลยุทธ์ใหม่

...

ท่านสอนให้เขียนความทรงจำเลวร้าย ไว้ในแผ่นกระดาษชนิดพิเศษ ที่เหมาะสมที่สุด

ซึ่งก็คือเขียนลงบนม้วนกระดาษชำระ

เขียนเสร็จ เอาไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งกระดาษที่มีเนื้อหาดั่งส่งกลิ่นเหม็นน่ารังเกียจลงไปในโถชักโครก ซึ่งเป็นที่ที่มันควรอยู่

แล้วก็ “กดชักโครก”

เป็นอันว่า หลวงพ่อยังใช้กลยุทธ์ปลดทุกข์ด้วยกิ่งไม้ตามคำสอนของหลวงปู่ชาเอาไว้ได้ต่อไป จากนั้นก็ไม่มีข้อครหา ทำลายสภาพแวดล้อมในป่าเข้ามาอีก

ผมมีความทรงจำที่เลวร้ายสะเทือนใจ จากการตรากตรำทำข่าว วันที่ 6 ตุลาคม 2519 ครับ ข่าวที่ผมเขียน ภาพที่ผมถ่าย ถูกบันทึกไว้ในหน้าหนังสือพิมพ์ผมพยายามโยนทิ้งความทรงจำ...นี้ แต่ก็ยังมีคนมาถามย้ำเตือนบ่อยครั้ง

แบบอย่างชมรมวิทยุเสรี ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐบาล โหมประโคมปลุกเร้าให้คนไทยฆ่ากันเอง กว่าสี่สิบปีมาแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดขึ้น ก็มีเค้าลางว่าจะเกิดขึ้นอีก

คำสอนหลักนักหนังสือพิมพ์รุ่นพี่ หน้าที่สื่อที่ฝังในจิตสำนึก อย่าจุดไฟ อย่าเป็นลิ่มตอกให้แผ่นดินแยก หลายสื่อที่อ้าขาผวาปีกเป็นมือไม้ให้รัฐบาลทหาร กำลังพยายามทำ

กลอนสองบาทสุดท้าย ของนภาลัย ฤกษ์ชนะ “เมื่อคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” ผมเชื่อว่าหลายคนคงยังจำได้ดี.

กิเลน ประลองเชิง