บี้อจ.อบรมบ่มนิสัยศิษย์ รุมจวกสูตรคิดปาร์ตี้ลิสต์ ขวางโอนแต้มให้พรรคจิ๋ว

“บิ๊กตู่” โอ๋ กกต.เตือนพวกล่าชื่อถอดถอนให้ฟังกันบ้าง ขั้นตอน พิจารณาเป็นเรื่องของศาล อย่าให้วุ่นวายมากกว่านี้ “บิ๊กป้อม” โดดป้องการันตีทำดีอยู่แล้ว “วิษณุ” แจงแทนวิธีใหม่หารหลายตลบกว่าจะได้จำนวน ส.ส. ขั้วประชาธิปไตยขย่มตัดคะแนนพรรคใหญ่เสก ส.ส.ให้พรรคเล็กเครือข่าย คสช.พท.ออกแถลงการณ์ซัดขัดรัฐธรรมนูญ จัดปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรคไม่มี ส.ส. พึงมี จี้เปิดคะแนนดิบทุกหน่วย อนค.ดักทางยึดกฎหมายเลือกตั้ง ม.128 (7) กับ (4) ต้องได้ ส.ส. 87 คน พรรคไม่ได้ ส.ส.1 ที่นั่งต้องตัดทิ้ง อย่ามีธงเปลี่ยนสูตร เพื่อชาติอัดตรรกะพิลึก ฐานคะแนนต่างกันลิบลับ “จ่านิว” ตั้งโต๊ะล่าชื่อนิสิตจุฬาฯ ปลุกพลังนักศึกษา-คนรุ่นใหม่ใช้สิทธิแสดงออกทางกฎหมาย คนไทยในนิวซีแลนด์วางหรีดประท้วงบัตรเสีย พปชร.ปรับระบบ รปภ.เข้ม ผวามวลชนบุกพรรค

หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเผชิญกับกระแสต่อต้านจากทั่วสารทิศโดยกดดันให้ลาออกแสดงความรับผิดชอบในการจัดการเลือกตั้งที่ผิดพลาดล้มเหลว รวมทั้งถูกเครือข่ายนักศึกษาและภาคประชาชนเข้าชื่อยื่นถอดถอน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาปรามว่าขั้นตอนการพิจารณาเป็นเรื่องของศาล อย่าพยายามปลุกระดมก่อความวุ่นวาย

“บิ๊กตู่” ขอฟัง กกต.บ้างอย่าให้วุ่นวาย

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 1 เม.ย. ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีข้อสงสัยในผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ขอให้ฟัง กกต.บ้างเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ส่วนการล่ารายชื่อถอดถอนนั้น กระบวนการอยู่ตรงไหน ทุกอย่างตนเคยบอกไว้แล้ว ประชาชนจะมีส่วนร่วมในการทำอะไรต้องเข้าใจระบบระเบียบข้าราชการ เข้าใจกระบวนการยุติธรรมมีหน้าที่อย่างไร มีขั้นตอนตรงไหน คุณจะเสนออะไรก็เสนอไป แต่ขั้นตอนการพิจารณาเป็นเรื่องของศาลไม่ใช่หรือ อย่าให้มันวุ่นวายมากกว่านี้เลย ความพยายามปลุกระดมให้ออกมาเคลื่อนไหวหลังจากการเลือกตั้งนั้นไม่ทราบ พอแล้วไม่เอา สื่อก็รู้อยู่แล้ว จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ก็ไม่ทราบเช่นกัน

...

ผูก ขรก.เป็นไม้ไผ่กำสกัดถูกทำลาย

ก่อนหน้านี้ ที่ห้องวายุภักษ์ 2-4 ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2561 จำนวน 619 คน พร้อมมอบตราสัญลักษณ์วันข้าราชการพลเรือนแก่เจ้าภาพจัดงานวันข้าราชการปีต่อไป นายกฯกล่าวให้โอวาทว่าข้าราชการในฐานะผู้กระทำกิจการและงานของพระราชา ถือเป็นคำศักดิ์สิทธิ์มีเกียรติ เป็นกำลังสำคัญร่วมมือกับประชาชนพัฒนาประเทศ ข้าราชการทุกคนต้องรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนด้วย ถ้าเราใช้แต่กฎหมาย ใช้แต่ระเบียบข้าราชการแผ่นดินอย่างเดียวพูดคุยทำความเข้าใจอาจยาก วันนี้ อาจมีคำพูดต่างๆให้ร้ายหรือไม่เข้าใจ น้อมรับไว้และหาวิธีแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง ให้ประชาชนเข้าใจมากยิ่งขึ้น ร่วมมือกัน การบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวคงอยู่กันไม่ได้ ในฐานะนายกฯพยายามเต็มที่ดูแลข้าราชการทุกคนให้มีความสุข เท่าเทียมและเป็นธรรม อย่าให้ใครมาทำลายความเข้มแข็งของพวกเรา รวมพลังเป็นไม้ไผ่เป็นกำ อย่าเป็นไม้ซีกเล็กๆจะถูกทำลายได้ง่าย วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในขั้นที่เราต้องช่วยกัน

“บิ๊กป้อม” อุ้ม กกต.ทำดีอยู่แล้ว

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีเสียงเรียกร้องจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้ พล.อ.ประวิตรช่วยพูดคุยกับพรรคการเมืองหรือไม่ว่า “ไม่มี” เมื่อถามถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์เสียงแตก จะเป็นฝ่ายค้านอิสระ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง” เมื่อถามถึงขณะนี้มีการชุมนุมขับไล่ กกต. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กกต.ทำดีอยู่แล้ว ฝากสื่อช่วยกันเตือน ส่วนที่กลุ่มนิสิตนักศึกษารวบรวมรายชื่อถอดถอน กกต.นั้นก็ทำตามกฎเกณฑ์ไป

“วิษณุ” มั่นใจ ลต.ไม่เป็นโมฆะ

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงการล่ารายชื่อถอดถอน กกต.ว่าเท่าที่เห็นยังไม่นำไปสู่อะไร ใครจะล่ารายชื่อทำไป แต่กระบวนการถอดถอนยังมีอีกยาวต้องผ่านการสอบสวนและอื่นๆอีกมาก หากจะให้ กกต.หยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วใครจะประกาศผลการเลือกตั้ง หรือตั้งใจไม่อยากให้ประกาศผลการเลือกตั้ง เมื่อถามว่า หากประกาศผลการเลือกตั้งไม่ได้จะส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่ถือว่าเป็นโมฆะ การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะได้ต่อเมื่อมีกรณีเดียวคือจากคำสั่งศาล แต่วันนี้คดีการเลือกตั้งยังไม่ถึงชั้นศาลเลยแม้แต่เรื่องเดียว จึงยังไม่มีเรื่องที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งเป็นโมฆะ

แจงวิธีใหม่หารหลายรอบ

นายวิษณุกล่าวว่า อยากให้ช่วยดูจนสุดกระบวน การว่าที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร ฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อยดูแลอยู่ ภายใน 1-2 เดือน จะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จึงไม่ควรเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นนี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่จำเป็นต้องเลื่อนการเลือกตั้งจากวันที่ 24 ก.พ.มาเป็นวันที่ 24 มี.ค. คนไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าการเลือกบัตรใบเดียวเมื่อเลือกเสร็จแล้ว คะแนนต้องเอามาหารรอบ 1 รอบ 2 รอบ 3 ทำให้พรรคที่ได้คะแนนเพียง 30,000 คะแนนได้ ส.ส. มา 1 คน จากทีแรกตั้งหลักว่าต้องได้ถึง 60,000-70,000 คะแนนจึงจะได้ ส.ส.1 คน ถามว่าแค่ 30,000 คะแนนทำไมจึงได้ 1 คน เพราะมีวิธีคิดของเขา กกต.ต้องอธิบายทั้งหมดอย่างเป็นระบบ เป็นวิธีใหม่จริงๆ ทั้งวิธีการเลือกตั้งและการนับคะแนน รวมถึงเจ้าหน้าที่ เห็นใจที่ทำให้ทุกอย่างเกิดความวุ่นวายขึ้น

พปชร.ปรับระบบ รปภ.เข้ม

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ แกนนำพรรค อาทิ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค เข้าพรรคหารือสถานการณ์การเมืองและการขับเคลื่อนนโยบายของพรรค โดยพรรคมีมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นหลังกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเดินทางมายื่นหนังสือถึงผู้บริหารพรรค ให้คำนึงถึงกติกาสากลเปิดโอกาสให้พรรคได้ ส.ส.มากที่สุดจัดตั้งรัฐบาล และไม่ให้ซื้อตัว ส.ส.รวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ได้ติดตั้งเครื่องสแกนนิ้วมือที่ประตูเข้าออกด้านหลังพรรค ที่จอดรถผู้บริหารและแกนนำพรรค อนุญาตเฉพาะเจ้าหน้าที่ผ่านเข้าออกเท่านั้น ในอาคารประตูเชื่อมโถงชั้นล่างและส่วนของผู้บริหาร รวมทั้งบริเวณชั้น 1-7 ของผู้บริหารพรรค ติดเครื่องสแกนนิ้วมือคนเข้าออกเช่นกัน

3 เม.ย.หารือว่าที่ ส.ส.คุมทิศทาง

ต่อมาเวลา 14.30 น. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่าวันที่ 3 เม.ย.เวลา 13.30 น. พรรคเชิญว่าที่ ส.ส.เขต 97 คนและว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 19 คน ซักซ้อมความเข้าใจทิศทางและแนวทางการทำงานของพรรคระหว่าง กกต.ยังไม่ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เหตุผลที่คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ 19 คน เพราะคำนวณโดยยึดตามหลักกฎหมาย ทำให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อลดลงจาก 21 คน เหลือ 19 คน ตามกฎหมายจากมาตรา 91 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2560 ประกอบกับมาตรา 128 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2560 รวมทั้งการกำหนดแนวทางปฏิบัติของสมาชิกพรรคช่วงที่มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะขอความร่วมมือให้สมาชิกพรรคสวมเสื้อสีเหลือง แสดงออกถึงความจงรักภักดี

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐได้หารือกับพรรคขนาดเล็กจบแล้วหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลยังมีเวลาถึงวันที่ 9 พ.ค.ต้องรอคะแนนอย่างเป็นทางการก่อน ต้องผ่านพ้นช่วงพระราชพิธีสำคัญไปก่อนจึงจะหารือต่อไป ส่วนการล่ารายชื่อถอดถอน กกต.เป็นหน้าที่ กกต.ต้องชี้แจงข้อกังขากับสาธารณชน พรรคมีข้อเรียกร้องไปเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้ว และเราต้องฟังคำอธิบายที่ชัดเจนเสียก่อน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง พรรคอยากเห็นบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้ติดตาม กกต.ชี้แจงรายละเอียดก่อน ระหว่างนี้พรรคได้ร้องเรียนไปยัง กกต.หลายเขตเลือกตั้งที่มีปัญหา เบื้องต้นมีอย่างน้อย 10 เขตที่ผู้สมัครไปร้องเรียน กกต.ขอให้ตรวจสอบว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่

“สมศักดิ์” ชี้มีคนปั่นกระแสเกลียดชัง

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์โจมตีพรรคพลังประชารัฐ ในโลกออนไลน์ว่า มีคนบางกลุ่มพยายามปลุกกระแส ความขัดแย้งของคนในชาติ พยายามให้เกิดความเกลียดชังอีกฝ่ายและสร้างเงื่อนไขนำไปสู่ความขัดแย้งแบ่งแยกฝ่าย แต่เชื่อว่าไม่น่าจะสำเร็จ ประชาชนเห็นบทเรียนความวุ่นวายจากในอดีตมามากแล้ว ไม่เกินวันที่ 9 พ.ค.จะมีบทสรุปแน่นอน แม้กระแสโจมตีจะมาก แต่ไม่ทำให้พรรคหรือว่าที่ ส.ส.ของพรรคหวั่นไหว

พท.บี้ กกต.คำนวณ ส.ส.ตาม รธน.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าพรรคเรียกประชุมแกนนำและฝ่ายกฎหมาย เพื่อพิจารณาวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ว่าวิธีการหลักเกณฑ์คำนวณเป็นอย่างไร เท่าที่ดู ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ควรมีคะแนนประมาณ 7.1 หมื่น แต่ดูการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของ กกต.แล้วเหมือนไม่มีหลักเกณฑ์ ทำตาม อำเภอใจ ตัวเลขเปลี่ยนแปลงทุกวัน จะไม่ยอมให้การทำตามอำเภอใจของคนเพียงไม่กี่คน ส่วนกระแสข่าว กกต.เตรียมให้ใบเหลืองใบแดงจำนวนมาก ฝ่ายการเมืองเรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลดิบออกมา กกต.ยังไม่ดำเนินการแล้วจะมาให้ใบเหลืองใบแดงใครจะศรัทธา จะกลายเป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์ของบางฝ่าย หากทำเช่นนั้นจริงยิ่งจะไม่ได้รับการยอมรับ

อัดผิด ก.ม.ตัดแต้มไปให้พรรคเล็ก

นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือสังคมสงสัยในบัตรลงคะแนน จำนวนผลคะแนน บัตรเกิน บัตรเสีย บัตรงอก บัตรเขย่ง บัตรล่วงหน้า บัตรจากต่างประเทศที่ต้องมีผู้รับผิดชอบ และวิธีการคิดจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อค่อนข้างสับสน ตีความได้หลายนัย ทำให้ถูกสังคมตั้งคำถามอย่างหนัก โดยเฉพาะบัตรเขย่งที่ตัดคะแนนพรรคใหญ่ไปให้พรรคเล็ก ทั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่า 70,000 คะแนนจึงจะได้ ส.ส.1 คน น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เกิดเรื่องราวแบบนี้ในบ้านเมืองนี้ได้อย่างไร จะมีมาตรการใดเยียวยา จากนี้ผู้สมัคร ส.ส.หรือพรรคที่ได้รับความเสียหายอาจต้องรักษาสิทธิ กระบวนการค้นหาความจริงและเอาผู้กระทำผิดมาลงโทษจะมีมากขึ้นตามลำดับ ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและหวงแหนอำนาจอธิปไตยมีไม่น้อยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ และคนหนุ่มสาวที่มีพลัง

แถลงการณ์จี้เปิดคะแนนรายหน่วย

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายโภคิน พลกุล นายนพดล ปัทมะ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรค ร่วมอ่านแถลงการณ์พรรคระบุว่า 1.ขอเรียกร้องให้ กกต.เปิดเผยผลการนับคะแนนรายหน่วยเลือกตั้งทันที เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเลขที่ กกต.แถลงนั้นถูกต้องหรือไม่ 2.ที่ กกต.แถลงเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 33,775,230 คน หรือร้อยละ 65.96 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ 4 วันต่อมา กกต.กลับแถลงว่ามีผู้มาใช้สิทธิ 38,268,375 คน หรือร้อยละ 74.69 ทำไมแตกต่างเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 4,493,145 คน หรือร้อยละ 8.73 การเปิดเผยตัวเลขผู้มาใช้สิทธิกระทำได้ภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังปิดหีบไม่ควรปล่อยให้ผ่านไปถึง 4 วัน ประชาชนยังเคลือบแคลงและตั้งคำถามว่า กระบวนการจัดการและการนับคะแนนโปร่งใสหรือไม่ ถ้าไม่มีคำอธิบายที่รับฟังได้ ยากที่ประชาชนจะยอมรับว่าการเลือกตั้งเสรีและเป็นธรรม

ค้านจัดปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรคไร้ ส.ส.พึงมี

แถลงการณ์พรรคเพื่อไทยระบุอีกว่า 3.พรรคขอเรียกร้องให้ กกต.ชี้แจงข้อเท็จจริงถึงกระแสข่าวที่อาจมีการคำนวณคะแนนและจัดสรร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อให้แก่พรรคขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลถึงการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลว่าเป็นไปตามข่าวหรือไม่ เพราะการคำนวณมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนแน่นอน โดยรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (4) บัญญัติว่า ถ้าพรรคใดมีผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิก ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เท่ากับหรือสูงกว่าจำนวนสมาชิก ส.ส.ที่พรรคนั้นจะพึงมีได้ ไม่มีสิทธิได้รับการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แต่ต้องไม่มีผลให้พรรคดังกล่าวมี ส.ส.เกินจำนวนที่จะพึงมีได้เป็นสาระสำคัญที่ห้ามไม่ให้จัดสรรที่นั่งให้แก่พรรคที่ไม่มี ส.ส.ที่พึงมีตั้งแต่ต้นคือ พรรคที่ได้รับการจัดสรร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมนั้น จะต้องเป็นพรรคที่มี ส.ส.พึงมีอย่างน้อย 1 คนขึ้นไปเท่านั้น ดังนั้นพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้เปิดเผยแนวทางและวิธีการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อที่ถูกต้องให้แก่สาธารณชน ไม่ใช่ปล่อยให้คลุมเครือ และตีความบทบัญญัติแห่งกฎหมายเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองของตนเอง

“ป๋าเหนาะ” ไม่เคยพบ ลต.เลวร้ายสุด

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงพยาบาลสงฆ์ นาย เสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยพร้อมด้วยนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภริยา นายสรวงศ์ เทียนทอง บุตรชาย พร้อมครอบครัวและ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติและคนใกล้ชิด ร่วมกันทำบุญถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 85 ปี จากนั้นนายเสนาะให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า เป็นการเลือกตั้งในรอบ 43 ปีที่ไม่เคยเจอการเลือกตั้งที่เลวร้ายแบบนี้มาก่อน เมื่อผ่านไปแล้วขอให้ทุกฝ่ายยึดประเทศชาติเป็นที่ตั้ง และหันหน้าเข้าหากันทำความดีเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนเรื่องอื่นควรเลิกขัดแย้งกันได้แล้ว บ้านเมืองชอกช้ำมามาก หากปล่อยไว้ให้เป็นอย่างนี้ประชาชนจะอยู่อย่างไร เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยกันทั้งนั้นน่าจะคิดถึงตรงนี้ให้มากที่สุด

ให้ถอยคนละก้าวจับมือปรองดอง

นายเสนาะกล่าวว่า บ้านเมืองจะไปในทิศทางใดเป็นเรื่องสำคัญควรหันหน้าเข้าหากัน ควรจับมือกันปรองดองกัน ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลขอร้องให้ทุกฝ่ายหันเข้าหากันทำงานเพื่อประเทศชาติ วันนี้เดินมาในซอยแคบ หากไม่ยอมถอยกันคนละก้าวคงไปด้วยกันไม่ได้ หากถอยกันสักก้าวสองก้าวจะไปด้วยกันได้ แต่วันนี้ไม่ยอมถอยให้กันเลย หากสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ยังรวมหัวกันแล้วเลือกนายกฯให้เสียงข้างน้อยกว่าเกรงว่าในอนาคตจะวุ่นวาย จะมีการถอดถอนจนเกิดเหตุความวุ่นวาย เมื่อ ส.ส.เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล ส.ว.ควรเคารพเสียงประชาชน หากเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารไม่ได้ แต่หากคิดอยู่ในอำนาจ ทำให้ประเทศชาติเสียหายมาก รัฐบาลอย่าคิดแต่เรื่องส่วนตัว ส่วนการผลักดันคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นนายกฯ พรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดตนายกฯถึง 3 คน ต้องพูดคุยกันอีกครั้งเพื่อความเหมาะสม ตนในวัย 85 ปี ยังคงดำเนินการทางการเมืองในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ความพ่ายแพ้ที่ตระกูลเสนาะเทียนทองสอบตกไม่อยากจะพูดถึง หากพูดไปอาจกระทบหลายฝ่าย

พช.ฉะพิลึกฐานปาร์ตี้ลิสต์ต่างลิบ

น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีตรรกะพิลึกตั้งแต่จำนวนบัตรกับผู้มาใช้สิทธิแถลงกี่ครั้งตัวเลขไม่เคยลงตัว นับคะแนนช้ากว่าในอดีต การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อบางพรรคได้ 70,000 คะแนน บาง พรรคได้กว่า 30,000 คะแนนได้ ส.ส.1 คน ไม่มี มาตรฐาน การออกกฎหมายมาบังคับประชาชนแบบไม่ยุติธรรม ไม่มีมาตรฐานด้วยสามัญสำนึกทั่วไปทำได้หรือไม่ มาตรฐานทั่วไปที่เด็กประถมศึกษาทราบคือวิธีคำนวณผลคะแนนดิบแล้วนำมาตัดเกรดวัดผลว่าสอบได้หรือสอบตก คือสมมติตัดเกรดเอสำหรับผู้สอบได้ 70 ขึ้นไป คนได้ต่ำกว่า 50 คือสอบตกต้องซ่อม คนทั้งโลกเข้าใจ ไม่ใช่คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบกฎหมายเลือกตั้งของ กกต.พรรคส่วนใหญ่กว่า 70,000 คะแนน ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน แต่มีส่วนน้อยบางพรรค 30,000-60,000 กว่าคะแนนได้ ส.ส.1 คน สร้างความเหลื่อมล้ำก่อให้เกิดความขัดแย้งตามมา ควรถูกประณามกำจัดออกไป อย่าให้เข้าใจว่าการปฏิรูปประเทศ 5 ปีของ คสช.คือการพลิกกลับมาตรฐานกฎหมายเพื่อสืบทอดอำนาจของทหารสืบไป

พลังต้าน กกต.ลุกลามแรงเกินคาด

นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกระแสต่อต้าน กกต.ว่า กระแสต่อต้าน กกต.จะรุนแรงกว่าที่คิด จากแรกๆเป็นเพียงแค่ไฟลามหญ้า แต่ที่จริงแล้วอาจเป็นปรากฏการณ์ไฟลามป่าลุกลามรวดเร็ว ไม่มีทีท่าจะจบง่าย ประชาชนรอการเลือกตั้งครั้งนี้มานานกว่า 8 ปี เมื่อ 5 ปีที่แล้วการเลือกตั้งถูกขัดขวาง ทำให้เป็นโมฆะ เมื่อการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ถูกทำให้คิดได้ว่าเกิดทุจริตไม่โปร่งใส ไม่ชี้แจงให้สิ้นสงสัย ทำให้คิดได้ว่างุบงิบปรับเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นประโยชน์ต่อพวกพ้อง การออกเสียงเลือกตั้งถูกบิดเบือนเจตนารมณ์ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยเฉพาะวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อสร้างความสับสนให้สังคม ไม่ชัดเจน การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่เป็นทางการวันที่ 27 มี.ค.พรรคเล็กได้ 1 ที่นั่งได้แก่รักษ์ผืนป่า พลังปวงชนไทย แต่หลังแถลง 28 มี.ค.มีเพิ่มมาอีก 12 พรรค

อัดหักแต้ม อนค.หลายแสนอุ้มขั้ว พปชร.

นายรยุศด์กล่าวอีกว่า ยกตัวอย่างพรรคประชาชนปฏิรูปมีคะแนน 45,512 คนได้ ส.ส. 1 คน หรือพรรคไทรักธรรม 33,748 คนได้ ส.ส. 1 คน แต่พรรคที่ได้ ส.ส.เขตมากเป็นลำดับต้นๆ มีคะแนนตกน้ำหลายแสนคะแนน พรรคอนาคตใหม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อลดไป 7 คน การคำนวณวิธีนี้ลักลั่นไม่เท่าเทียมกัน พิสูจน์ได้อย่างไรว่า กกต.ใช้วิธีนี้คำนวณมาตั้งแต่ต้น ไม่ได้เพิ่งมาคิดว่าจะลด ส.ส.พรรคอนาคตใหม่และเพิ่ม ส.ส.พรรคเล็กมาสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ขอให้ กกต.เปิดเผยตัวเลขคะแนนดิบแต่ละหน่วยสู่สาธารณชน ให้ทุกคนหาเครื่องคิดเลขมาช่วย กกต.คำนวณ หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว รวมทั้งเปิดเผยวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ชัดเจน

อนค.หารตาม ก.ม.ได้ ส.ส.87 ที่

เมื่อเวลา 15.20 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค แถลงว่า พรรคอนาคตใหม่คำนวณแล้วจะมี ส.ส. 87 ที่นั่งโดยคำนวณตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 เริ่มจาก (1) ส.ส.พึงมีคือนำคะแนนดิบรวมทั้งประเทศ 35,532,647 คะแนนหาร 500 ของจำนวน ส.ส.เท่ากับ 71,065.2940 เสียงถึงจะได้ ส.ส.1 คน จากนั้นนำมาคำนวณตาม (2) พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนดิบ 6,265,950 หาร 71,065 เท่ากับ ส.ส.พึงมีของพรรคคือ 88.170 คน เมื่อนำมาลบกับ ส.ส.เขตของอนาคตใหม่คือ 30 เขต จะมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 58 ที่นั่งแต่เมื่อเทียบสัดส่วนจากหักการโอเวอร์แฮงก์ของพรรคเพื่อไทยแล้ว ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคจะเหลือ 57.23 คน

ดักคอมีสูตรเดียวอย่ามาตั้งธง

นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า แม้จะซับซ้อน แต่ให้ดูที่มาตรา 128 (7) กับ (4) โดยต้องจับให้มั่น เพราะ (4) กำหนดให้ตัดพรรคที่ไม่ได้ถึง 1 ออกไปให้หมดจึงไปจบที่พรรคพลังชาติไทย แล้วนำมาคิดตาม (7) ส.ส.อนาคตใหม่จึงลดทอนตามลำดับลงไป นี่คือการคำนวณตามกฎหมาย หรือจำนวน ส.ส.พรรคที่พึงมีต่อ 1 คน ต้องได้ 7 หมื่นกว่าคะแนน แต่พรรคเล็กได้เพียง 3 หมื่นกลับได้ ส.ส. 1 คน ห่างกันถึง 4 หมื่น การคิดคะแนนแบบแบ่ง ส.ส.ให้พรรคเล็กอย่างละ 1 นั้นไม่เป็นธรรมอย่างมาก นี่ไม่ใช่ความเห็น แต่เป็นคณิตศาสตร์มีสูตรเดียวเท่านั้นตามมาตรา 128 ไม่ใช่คิดจากในหัวที่มีธงอยู่ว่าจะลด 255 เสียงอย่างไร แล้วจึงไปหาสูตรมาคิด

“ปิยบุตร” ย้ำคลิปตัดต่อล้มเจ้า

เมื่อถามถึงข่าวปลอมที่พูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในโลกโซเชียล นายปิยบุตรตอบว่า มีขบวนการพยายามเอาข้อความของตนมาตัดต่อ คัดบางช่วงบางตอนมา โดยไม่ระบุว่าความเห็นบางส่วนนั้นมาจากการอภิปรายในงานเสวนาวิชาการ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2556 ตอนนี้ปี 2562 แล้ว วันนั้นตนยังเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ อภิปรายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในการปรับตัวให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยตามหลักสากล แต่มีขบวนการนำภาพตนไปแปะคัดลอกข้อความมาบางคำ ไม่บอกว่าพูดเมื่อใด ปล่อยคลิปกันมาก่อนวันที่ 24 มี.ค. ถ้าไปดูเนื้อความในคลิปเต็มจะพบได้ว่าไม่ได้พูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย แต่พูดถึงหลักสากลของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการอยู่กับระบอบประชาธิปไตย ขอให้ฟังคลิปกันให้หมด ขอความเป็นธรรมตลอด 13 ปี มีการใส่ร้ายป้ายสีเรื่องนี้ตลอดเวลา นอกจากสร้างความเกลียดชังแตกแยกแล้ว ยิ่งไม่เป็นคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

“ธนาธร” ขอบคุณชาวจันทบุรี

ที่บริเวณตลาดทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่พร้อมทีมงานและ น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน ว่าที่ ส.ส.จันทบุรี เขต 3 นั่งรถติดเครื่องขยายเสียงแห่รอบตลาดกล่าวขอบคุณพี่น้องชาว จ.จันทบุรี โดยเฉพาะพี่น้องชาว อ.โป่งน้ำร้อน ที่ทุ่มเทคะแนนเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ทำให้ผลคะแนนออกมาอันดับหนึ่งจากทุกหน่วยเลือกตั้งของเขต 3 โดยมีพ่อค้าแม่ค้าตลอดจนชาวบ้านผู้ใช้แรงงานที่ออกมาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าจำนวนมากต่างออกมาต้อนรับให้กำลังใจ พร้อมทั้งขอให้พรรคอนาคตใหม่เร่งแก้ไขปัญหาโฉนดที่ดินและที่ทำกิน ราคาผลไม้ ภัยแล้ง พร้อมถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

เสียงเชียร์อยากให้เป็นรัฐบาล

ขณะเดียวกัน นายธนาธรได้สอบถามพี่น้องประชาชนว่าต้องการให้เป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ปรากฏว่าทุกคนอยากให้เป็นฝ่ายรัฐบาล โดยนายธนาธรประกาศว่าพร้อมที่จะเป็นฝ่ายรัฐบาลแต่หากเอา ส.ว.มาเลือกนายกฯพร้อมจะเป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ แต่ถ้าหากได้เป็นรัฐบาลจะไม่โกงกินเด็ดขาดและจะทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ตามนโยบายของพรรค ทำให้พี่น้องต่างพึงพอใจปรบมือส่งเสียงเชียร์ดังลั่น

“สุวัจน์” ห่วงเสถียรภาพ รบ.ปริ่มน้ำ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค นายดล เหตระกูล เลขาธิการพรรค นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรค นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรค และ ผอ.เลือกตั้งพรรค ร่วมหารือประเมินผลการเลือกตั้ง จากนั้นเวลา 12.00 น. นายสุวัจน์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข่าวที่ระบุว่าได้หารือร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ว่าเป็นเพียงการพบปะเหมือนนักการเมืองที่เจอกันและทักทายตามงานเลี้ยงหรืองานแต่งงาน ยังไม่ได้คุยว่าจะจับมือร่วมงานกับพรรคใด แม้ว่าจะพูดคุยกับนักการเมืองต่างพรรคอย่างไม่เป็นทางการ แต่ไม่ใช่ตกลงร่วมงานทางการเมืองหลังเลือกตั้ง การจับขั้วรัฐบาลของ 2 พรรคใหญ่ตัวเลขยังใกล้เคียงกัน 240 ที่นั่งกับ 250 ที่นั่ง เสียงไม่ชนะเด็ดขาดอาจกระทบเสถียรภาพการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการทำงานในสภาฯ กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน พรรคยังไม่ชัดเจนว่าจะเติมให้ข้างรัฐบาลเพื่อให้เป็นฝ่ายบริหารที่มีเสถียรภาพหรือไม่ เรามีจุดยืนไม่แบ่งฝ่าย คำนึงต่อการยอมรับของประชาชนเป็นหลัก

“มาร์ค” ระบุเอื้อพรรคเล็กขัด รธน.

ที่ จ.สุราษฎร์ธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวระหว่าง ลงพื้นที่พบชาวบ้านที่ภาคใต้เป็นครั้งแรกหลังลาออกจากหัวหน้าพรรคว่า รัฐธรรมนูญเขียนการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแตกต่างจากในอดีตที่มีบัตร 2 ใบ ตอนนี้มีปัญหาว่ามีพรรคที่ได้ ส.ส.เขตเกินกว่า ส.ส.พึงมีที่จะได้รับ จึงมีการคำนวณสูตรใหม่ที่ทำให้พรรคเล็กที่ได้คะแนนไม่ถึงจำนวน ส.ส.พึงมีจะได้ ส.ส.ไปด้วย ไม่คิดว่าจะถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ต้องจับตาดูว่า กกต.จะเอาสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างไร ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ขณะนี้ 2 ฝ่ายชิงกันอยู่ สมมติว่านับรวมประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย รวมถึงพรรคอื่นๆด้วยยังไม่แน่ว่าจะถึง 250 หรือไม่ กว่าจะถึงวันที่ 9 พ.ค. อาจนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ในบางเขต ใครที่ไปโม้ว่ารวบรวมเสียงได้ ไม่รู้ว่าโม้บนความมั่นใจอะไร ถ้าตั้งรัฐบาลแบบนี้ไม่ต้องเข้ากันห้องน้ำเลยเกินอยู่แค่ 1-2 เสียง คนไปนั่งเป็นประธานสภาฯลงคะแนนไม่ได้ ทุกอย่างต้องรอวันที่ 9 พ.ค.

“เพนกวิน” บุก ปชป.กระทุ้งจับมือ พท.

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะเลขาธิการสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) เข้ายื่นหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านเจ้าหน้าที่พรรค โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ 30 นายคอยดูแลความเรียบร้อย นายพริษฐ์กล่าวว่า มาเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ หากเป็นฝ่ายค้านอิสระตามที่กลุ่มนิวเดมของพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องจะเอื้อให้ พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจโดยปริยาย ขอให้ตัดสินใจโดยเร็วที่สุด แม้ว่าตนจะไม่ได้เป็น 1 ใน 3.9 ล้านเสียงที่เลือกประชาธิปัตย์ แต่ขอใช้สิทธิในฐานะประชาชนเพื่อเสนอความเห็นต่อพรรคการเมืองให้มีจุดยืนที่ชัดเจน ขอให้ทุกพรรคหยุดเรื่องอุดมการณ์ไว้ก่อนและจับมือกันร่วมหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.

ชมรมสื่อฯ ปชต.แจกใบแดง กกต.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงาน กกต.นายจุติพงษ์ พุ่มมูล เลขาธิการชมรมสื่อมวลชนเพื่อประชาธิปไตย และนายพงษ์พิศิษฐ์ คงเสนา รองประธานชมรมฯ เดินทางมายื่นหนังสือถึง กกต.เพื่อมอบใบแดงให้กับการทำงานของ กกต.และให้ กกต.พิจารณาตัวเอง เร่งรัดทำงานให้รวดเร็วมีประสิทธิภาพ เร่งรัดรับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการอย่างรวดเร็ว และขอให้ลาออกไปเพื่อไม่ให้บ้านเมืองเสียหายเกิดแตกแยกในอนาคต

จวกทำงานด้อยมาตรฐานทุกจุด

นายจุติพงษ์กล่าวว่า ชมรมฯได้ประเมินการจัดการเลือกตั้งของ กกต.ทั้งเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 17 มี.ค. และการเลือกตั้ง 24 มี.ค. พบว่าต่ำกว่ามาตรฐานและด้อยกว่าการทำงานของ กกต.ทุกชุดที่ผ่านมา โดยเฉพาะความโปร่งใส แก้ข้อสงสัยและข้อกังขาของประชาชน ไม่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สร้างความเคลือบแคลงสงสัยในกระบวนการจัดการเลือกตั้ง อาจไม่เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมโปร่งใส ใช้งบประมาณมหาศาลแต่กลับได้ผลตรงกันข้าม โดยเฉพาะมีภาคประชาชน กลุ่มนิสิตนักศึกษา ออกมาล่ารายชื่อถอดถอน กกต.ชุดนี้อย่างกว้างขวาง

กลุ่มหนุนโผล่ให้กำลังใจ

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่สำนักงาน กกต. กลุ่มประชาชนหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียง อ้างเป็นตัวแทนประชาชนจากกรุงเทพฯและ จ.ยโสธร นำโดยนายสมศักดิ์ ผลจันทร์ เดินทางมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ กกต.ทั่วประเทศ หลังถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กลุ่มต้องการให้กำลังใจ กกต.ไม่ใช่แค่ส่วนกลาง ที่ผ่านมาถูกกดดันทั้งจากประชาชนและฝ่ายการเมือง อยากขอให้ฝ่ายการเมืองและประชาชนให้เวลา กกต.ทำงาน ยอมรับว่ามีข้อบกพร่องเกิดขึ้นบ้าง การเลือกตั้งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องทำอย่างรอบคอบ จึงอยากให้ทุกคนเคารพกฎกติกาของบ้านเมือง หากนักการเมืองคนใดยอมรับกฎกติกาไม่ได้ก็ไม่ต้องให้ กกต.รับรอง

ชงยุบ อนค.เข้าข่ายล้มสถาบัน

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายสุรวัชร สังขฤกษ์ ประธานกลุ่มการเมืองภาคประชาชน ยื่นหนังสือขอให้ กกต.พิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากมีพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรค 1 และวรรค 2 เข้าข่ายล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยนายสุรวัชร กล่าวว่า มีหลักฐานเป็นภาพและคลิปการปราศรัยหาเสียงของพรรคอนาคตใหม่ เข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทย รวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีมายาวนาน เพราะมีการรวบรวมนักวิชาการที่มีแนวความคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ปราศรัยปลุกระดมให้เกลียดชังสถาบัน ใช้วาทกรรมว่าประชาธิปไตยต่อต้านรัฐธรรมนูญที่มาจาก คสช. และยังเรียกร้องให้ กกต.ชะลอการประกาศรับรอง 13 ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เคยร่วมลงชื่อสนับสนุนการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ควรรอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดก่อน

แจงข่าวปลอมชักใบแดง 117 เขต

ช่วงเย็น สำนักงาน กกต.ออกเอกสารชี้แจงกรณีที่ปรากฏข่าวทางสื่อหลายแขนงระบุว่า กกต.จะพิจารณาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคการเมืองต่างๆ (ใบส้ม ใบเหลือง ใบแดง) ใน 117 เขตเลือกตั้งว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันได้รับเรื่องคัดค้านการเลือกตั้งและกรณีปรากฏต่อ กกต.ว่ามีเหตุที่อาจเป็นการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.จำนวน 264 เรื่อง ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนไต่สวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ยังไม่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ กกต. อำนาจในการพิจารณาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นอำนาจของศาลฎีกาตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 138 (ใบแดง ใบดำ)

มศว ร่วมกดดัน 7 อรหันต์รับผิดชอบ

สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษาและบุคคลทั่วไปที่เดินหน้ารวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอน กกต.ยังคงขยายวงกว้างออกไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้สภานิสิตมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ออกแถลงการณ์เรื่องขอเรียกร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 31 มี.ค.ระบุตอนหนึ่งว่า ขอเรียกร้องให้ กกต.เปิดเผยผลคะแนนการเลือกตั้งของผู้สมัครทุกพรรคแต่ละเขตอย่างละเอียด รวมถึงชี้แจงข้อเท็จจริงถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นให้สาธารณชนทราบอย่างชัดเจน และแสดงความรับผิดชอบอื่นๆอันสมควรตามข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อคงไว้ซึ่งความสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม และสร้างความเชื่อมั่นต่อองค์กร ภายใต้เจตนารมณ์ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เพื่อเป็นการจรรโลงประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้มั่นคงถาวรสืบไป

“จ่านิว” นำทีมล่าชื่อนิสิตจุฬาฯ

เมื่อเวลา 08.00 น.ที่ใต้ถุนอาคารเกษมอุทยานิน คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “กลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรม” นำโดยนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ อดีตประธานสภานิสิตจุฬาฯร่วมกับกลุ่มนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯตั้งโต๊ะแจกแบบฟอร์มเข้าชื่อถอดถอนคณะกรรมการ กกต.ตามมาตรา 234 (1) ของรัฐธรรมนูญ 2560 มีนิสิตจุฬาฯ ตลอดจนประชาชนทั่วไปให้ความสนใจทยอยถ่ายสำเนาบัตรประชาชนร่วมกรอกเอกสารถอดถอน กกต.อย่างต่อเนื่อง

ขอร้องเสื้อแดงอย่าโหนกระแส

นายธนวัฒน์กล่าวว่า เหตุกลุ่มคนเสื้อแดงกระทบกระทั่งกับตำรวจที่สี่แยกราชประสงค์ขณะรณรงค์เข้าชื่อถอดถอน กกต.ยืนยันว่าไม่ได้เป็นกิจกรรมของแนวร่วมประชาชนเพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรม แต่เป็นกลุ่มที่แยกไปทำเฉพาะ โดยนำแบบฟอร์มของเราไปดัดแปลง รู้สึกเป็นห่วงแนวทางการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ เพราะมีคนพยายามสร้างเงื่อนไขให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดผลกระทบกับการประกาศผลการเลือกตั้งอยู่แล้ว อยากขอร้องกลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มนี้หลีกเลี่ยงทำให้เกิดเงื่อนไข อยากให้การขับเคลื่อนทำโดยพลังบริสุทธิ์ของนักศึกษา อะไรที่ทำแล้วจะส่งผลกระทบถึงนักศึกษาขอร้องอย่าทำเลย

โชว์พลังนักศึกษาฮือใช้สิทธิ ก.ม.

นายธนวัฒน์กล่าวด้วยว่า วันที่ 1 เม.ย.เราอยากให้เป็นวันที่ถูกบันทึกไว้ว่า มีนักศึกษาออกมารวมตัวกันมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2535 แต่ในแบบที่ไม่ใช่การชุมนุม เป็นการรวมตัวใช้ช่องทางกฎหมายเรียกร้องสิทธิเข้าถอดถอน กกต.พร้อมกัน 12 มหาวิทยาลัยในวันเดียวนับเป็นภาพที่ทรงพลัง และจากที่สังเกตในการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อที่ผ่านๆมากระแสตื่นตัวจากคนรุ่นใหม่นักเรียนนิสิตนักศึกษามีมากที่สุดเท่าที่เคยพบมา บางคนที่ไม่เคยสนใจการเมืองมาก่อนเข้ามาร่วมเป็นที่น่ายินดีอย่างมาก หลังจากนี้จะลงพื้นที่ตั้งโต๊ะให้เข้าชื่อถอดถอน กกต.ทุกวัน จนในวันที่ 5 เม.ย.จะใช้พื้นที่ที่หอศิลปและวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ เขตปทุมวัน เป็นจุดประกาศการปิดแคมเปญเข้าชื่อถอดถอน กกต.ก่อนรวบรวมรายชื่อทั้งหมด ทั้งที่ผ่าน Change.org ในแคมเปญ “ร่วมกันลงชื่อถอดถอน กกต.” และที่ส่งเอกสารมาร่วม เพื่อจัดทำหนังสือแนบท้ายแล้วยื่นต่อ ปปช.ให้ทันในวันที่ 9 เม.ย.

ยอดสอย กกต.พุ่ง 8.3 แสน

เมื่อเวลา 19.40 น. เว็บไซต์ change.org ของเครือข่ายกลุ่มคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม ที่เปิดแคมเปญให้ประชาชนร่วมลงชื่อถอดถอน กกต.จากการทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ภายใต้หัวข้อ “ขออำนาจพลังประชาชนร่วมกันลงชื่อสนับสนุนแคมเปญล่ารายชื่อถอดถอนกรรมการการเลือกตั้งที่ดูมีมลทินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย” โดยตั้งเป้าให้ได้รายชื่อ 1,000,000 ชื่อ ปรากฏว่า มีผู้ร่วมลงชื่อแล้ว 833,638 คน และยังมีผู้คลิกเข้ามาร่วมลงชื่ออย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

ตร.สั่งปรับม็อบไม่ขอใช้ไมค์

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มต่างๆในขณะนี้ว่า เหตุการณ์ที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งรวมตัวลงชื่อถอดถอน กกต.บริเวณแยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ผู้ชุมนุมไม่ได้ขออนุญาตใช้ไมโครโฟน จึงควบคุมตัวไปเสียค่าปรับเป็นเรื่องปกติ การชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญแต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนกระแสข่าวความพยายามยุยงนักศึกษาให้ออกมาชุมนุมเป็นเรื่องความมั่นคง เท่าที่ได้รับรายงานมีการขออนุญาตชุมนุมอยู่เรื่อยๆ และอนุมัติให้ทุกราย ตำรวจมีหน้าที่เฝ้าระวังไม่ให้มือที่ 3 เข้ามาแทรกซ้อน และกลุ่มผู้ชุมนุมต้องอยู่ในกรอบ

คนไทยแดนกีวีวางหรีดประท้วง

เฟซบุ๊กกลุ่มคนไทยในนิวซีแลนด์ เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ 1 เม.ย.ระบุกลุ่มคนไทยในนิวซี แลนด์จำนวนหนึ่ง ไปร่วมวางพวงหรีดไว้อาลัย กกต.หน้าสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวลลิงตัน และยื่นหนังสือประท้วงกรณี กกต.มีมติว่าบัตรเลือกตั้ง 1,542 ใบของคนไทยในนิวซีแลนด์ ไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง ทั้งนี้ เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจของคนไทยในนิวซีแลนด์ พร้อมเรียกร้องให้ กกต.ออกมารับผิดชอบ