4 ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 4 ร้อง กกต.สอบทุจริตเลือกตั้ง หอบหลักฐานส่อโกง-เอื้อผู้สมัคร พปชร. เรียกร้องให้สั่งเลือกตั้งใหม่ ขู่ร้อง ป.ป.ช.หาก กกต.นิ่งเฉย
เมื่อวันที่ 1 เม.ย.62 ที่สำนักงาน กกต. ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 4 นำโดย นายพายุ เนื่องจำนงค์ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายสมชาย เนื่องจำนงค์ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง พรรคเพื่อไทย (พท.) และตัวแทนของ นายภิญโญ ตั๊นวิเศษ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เดินทางมายื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 4 เบอร์ 1 นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เนื่องจากมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกตั้งในเขต 4 จ.ชลบุรี ไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม
โดย นายพายุ กล่าวว่า ในวันเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งที่ 1 สถานีอนามัยมาบไผ่ ต.มาบไผ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี มีชายสวมเสื้อกล้ามสีขาวนั่งอยู่บริเวณหน่วยเลือกตั้ง พบว่านั่งจดหมายเลขบนกระดาษและส่งมอบให้กับผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ทีมงานของพรรคเพื่อไทยได้จับตัวชายคนดังกล่าวไปยัง สภ.บ้านบึง แต่หลังจากที่ได้ลงบันทึกประจำวัน ทางตำรวจก็ได้ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยไปโดยไม่ต้องประกันตัว และไม่เก็บหลักฐานไว้แต่อย่างใด ส่อให้เห็นถึงเจตนาที่น่าสงสัยว่าจะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการเลือกตั้ง จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น
...
นายพายุ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้พบว่าผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ผลิตป้ายเกินจำนวนที่ กกต.กำหนด ออกมากว่า 800 ป้าย ทั้งที่ในชลบุรีตามกำหนดจะติดได้ประมาณ 380 ป้าย อีกทั้งมีการนำภาพที่เคยทำกิจกรรมร่วมกับ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลำดับที่ 42 มาประกอบในแผ่นพับหาเสียง ซึ่งเข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 73 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และยังมีกรณีมีความไม่โปร่งใสในการนับคะแนน ว่า หน่วยเลือกตั้งใน อ.บ่อทอง และ อ.หนองใหญ่ ทำการจัดส่งหีบเลือกตั้งล่าช้า หลังจากได้มีการนับคะแนนเสร็จสิ้นแล้ว โดยใช้เวลาหลายชั่วโมงที่รถขนหีบบัตรหายไป กว่าจะมาถึง อ.บ้านบึง ในช่วงเที่ยงคืนและตีหนึ่งของวันที่ 25 มี.ค. ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ร้อง กกต.ชลบุรี ให้มีการนับคะแนนใหม่ในเขต 4 จ.ชลบุรีแล้ว แต่ยังนิ่งเฉย ในวันนี้จึงนำหลักฐานมายื่นที่ กกต.ให้พิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากหลักฐานทั้งหมดชี้ให้เห็นถึงพฤติการณ์ทุจริตเลือกตั้ง ควรจะมีการสั่งเลือกตั้งใหม่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต. อย่างไรก็ตามหาก กกต.เพิกเฉยไม่ดำเนินการ อาจจะยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้สมัคร พปชร.กับผู้ร้องมีนามสกุลเดียวกัน มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ได้มีการพูดคุยกันบ้างหรือไม่ นายพายุ กล่าวว่า เราเป็นญาติกัน แต่ไม่ใช่ทำผิดแล้วจะละเว้น และไม่มีการฮั้วกันอยู่แล้ว ยังไม่ได้มีการคุยกันเป็นการส่วนตัว ซึ่งเขาก็ปฏิเสธข้อกล่าวหา
เมื่อถามถึงเหตุที่ผู้สมัครทั้ง 4 คน รวมตัวกันมาร้องในวันนี้ นายพายุ กล่าวว่า มันมีผลกระทบต่อผู้สมัครทุกพรรค ทั้งที่เราเคารพกฎแต่มีผู้สมัครนอกกฎ แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรม แม้เรามีอุดมการณ์ต่างกัน 4 พรรค แต่เราต้องการความโปร่งใสเป็นธรรมเหมือนกัน ที่ผ่านมาการเลือกตั้งในพื้นที่คนมองว่าไม่ใสสะอาด ตนก็ไม่อยากให้มองเป็นอย่างนั้นต่อไป.