จากผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. 350 เขต ครบ 100% ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บรรจงเปิดโพยออกมา

พรรคพลังประชารัฐ ที่ชู “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. เป็นนายกฯอีกสมัย เพื่อสานงานต่อ

ได้คะแนนรวมทั้งประเทศ 8,433,137 คะแนน มีว่าที่ ส.ส.ระบบเขต 97 คน และว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 19 คน รวม 116 คน

ส่วน พรรคเพื่อไทย ที่ชู “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้คะแนนรวมทั้งประเทศ 7,920,630 คะแนน กวาดว่าที่ ส.ส.ระบบเขต 137 คน

เกินจำนวน ส.ส.ที่พรรคพึงมี คือ 111 ที่นั่ง ตามกลไกคำนวณในระบบจัดสรรปันส่วนผสมของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 จึงไม่ได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว ขนาด คุณหญิงสุดารัตน์ แคนดิเดตนายกฯ ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 2 ก็ยังไม่ได้เป็น ส.ส.

แม้ตัวเลขจำนวนว่าที่ ส.ส.แต่ละพรรค ที่ออกมาขณะนี้ยังไม่นิ่ง เพราะต้องรอลุ้นใบเหลือง ใบแดง ใบดำ จากกกต. อีกกระทอก หากพรรคใดโดนแจ็กพอต ก็จะทำให้ที่นั่ง ส.ส.พรรคนั้น หดหาย

ดังนั้น ถ้าอยากจะรู้จำนวน ส.ส.ที่ชัวร์จริงๆ ก็ต้องร้องเพลงรอ ไปลุ้นกันหลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง วางโปรแกรมจะมีการประกาศรับรองผล ส.ส. วันที่ 9 พ.ค.

ใครจะได้ผ่านด่านมะขามเตี้ยเข้าไปนั่งเป็น ส.ส.ชูคอในสภาฯ ต้องลุ้นกันอีกหลายตลบ???

แต่ที่แน่ๆ ตัวเลขว่าที่ ส.ส.ที่ออกมาล่าสุด ส่งผลต่อการจับขั้วเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เต็มเปา

เพราะที่ประกาศลงสัตยาบันไว้ 6 พรรค คือ พรรคเพื่อไทย, พรรคอนาคตใหม่, เสรีรวมไทย, ประชาชาติ, เพื่อชาติ และพลังปวงชนไทย บวกกับพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่โผล่ๆประกาศตัวเข้าร่วมทีหลังอีก 1 พรรค ในห้วงที่นับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการไปแค่ 93%

...

มีเสียงว่าที่ ส.ส.รวมกัน 255 ที่นั่ง เกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ทั้งสภาฯ 500 คน ถือเป็นเสียงข้างมาก

ชิงประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลล่วงหน้ากันแบบเอิกเกริก แม้ยังไม่มีการประกาศรับรองผล ส.ส.จาก กกต.

แต่เมื่อนับคะแนนครบ 100% ปรากฏว่าจำนวนว่าที่ ส.ส.หล่นตุ้บ เหลือแค่ 247 ที่นั่ง ยังตั้งขั้วเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ไม่เต็มปาก

ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ ที่มี อุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค บอกขอรอดูตัวเลข ส.ส.ชัดๆ หลัง 9 พ.ค.ก่อน ค่อยประกาศเปิดตัวพรรคพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาล

แต่ระหว่างรอดีเดย์ ก็ต่อสายใต้ดิน จับมือหลวมๆกับพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาธิปัตย์บางก๊ก และพรรคนาโนยิบย่อย แต่รวมกันก็ยังปริ่มๆ 240 กว่าเสียง

สถานการณ์อย่างนี้ ฟันธงได้ ทั้งเพื่อไทย–พลังประชารัฐ ต้องดูดดึงเสียง ส.ส.ชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกันฝุ่นตลบ ส่งผลให้ทุกเสียงจากทุกก๊ก มีค่า มีราคา ขึ้นมาทันตาเห็น

ล่าสุด แว่วว่าบางพรรคมีแค่เสียงเดียว โก่งค่าตัวสูง 50–100 ล้านบาท งานนี้บางคนอาจไม่เชื่อ หาว่าเว่อร์

แต่พิสูจน์ไม่ยาก ตอนโหวตเลือกประธานสภาฯ เลือกนายกฯ ถ้า “งูเห่า” เพ่นพ่าน นั่นแหละชัวร์ป้าด!!!

“พ่อลูกอิน”