มุ่งสู่เป้าหมาย...
คงเป็นเรื่องยากที่จะให้นักการเมืองคิดหรือคำนึงถึงด้วยความรับผิดชอบ อย่างเรื่องวาทกรรมทางการเมืองที่ชวนให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง
การแยกคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ดูเหมือนจะเป็นการปลุกเร้าเพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา
ที่สำคัญชวนให้เกิดความเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ทั้งๆที่ก็มาจากการเลือกตั้งในเวทีเดียวกันแท้ๆ กลับกลายเป็นเรื่อง “คนต่างดาว” มาจากคนละโลกเสียอย่างนั้น
ด้วยกระแสคนรุ่นใหม่ที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่ นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ ส.ส.เข้ามาเป็นอันดับ 3 เหนือกว่าพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ หรือมาแรงอย่างภูมิใจไทย
ถือว่าเป็นกระแสใหม่ที่น่าสนใจยิ่ง
ว่าไปแล้วหากไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ เพราะแต่ละขั้วมีตัวเลขที่ใกล้เคียงกันมาก และโอกาสที่จะได้เกินครึ่งหรือมากกว่า เพื่อให้ได้เสียงมากที่สุด ผลที่ออกมาจึงน่าจะออกมาเป็น 2 รูปแบบ
1.ตั้งรัฐบาลได้แต่ไม่มีเสถียรภาพ เพราะเสียงก้ำกึ่งกัน การบริหารประเทศก็จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ถึงขั้นพูดกันว่าเข้าห้องน้ำยังไม่ได้เพราะทุกเสียงมีคุณค่า
2.ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่
ประเด็นนี้ถ้าว่ากันสภาพความเป็นจริงทางการเมืองต้องยอมรับว่านักการเมืองนั้น เพิ่งเลือกตั้งยังไม่ทันไร ย่อมไม่มีใครต้องการเลือกตั้งกันใหม่ เพราะกว่าจะได้เป็น ส.ส.ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
“ยุบสภา” จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อการเมืองเดินต่อไปไม่ได้ รัฐบาลจึงต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อแก้ปัญหา
ด้านหนึ่งเพื่อผ่าทางตันและล้างไพ่กันใหม่ไปเสี่ยงเอาว่าจะกลับมาใหม่ได้หรือไม่ จะจับกับใครก็ว่ากันไป
อีกด้านหนึ่งเมื่อรัฐบาลมีเสถียรภาพได้รับความนิยมก็จะอาศัยสถานการณ์ที่ได้เปรียบด้วยการ “ยุบสภา” ด้วยมั่นใจว่าสามารถที่จะได้คะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้นไปอีก
เป็นการสืบทอดอำนาจด้วยวิถีการเลือกตั้ง
อย่างสถานการณ์ในขณะนี้อย่างพรรคอนาคตใหม่และสร้างวาทกรรมการเมืองด้วยการถล่ม คสช. พลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ
หนึ่งก็คือไม่ต้องการให้ได้เป็นรัฐบาล
หนึ่งทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งอาศัยเงื่อนไขวันนี้ถล่มให้แหลกลงไปด้วยการเรียกร้องให้คนรุ่นใหม่เป็นแนวร่วมสนับสนุน
จนเป็นเหตุที่จะต้อง “ยุบสภา” เพื่อเลือกตั้งกันใหม่แบบว่า “ยิ่งเร็วยิ่งดี” เพราะมั่นใจว่าการเลือกตั้งใหม่โอกาสที่จะชนะเลือกตั้งแบบขาดลอยมีความเป็นไปได้
นั่นเท่ากับเป็นการขึ้นบันไดไปสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศได้
เรื่องนี้ฝ่าย คสช. และพลังประชารัฐจึงต้องเดินหมากการเมืองในทางลึก เพราะทาบทามพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามาร่วมทำให้ได้เสียงข้างมากด้วยตัวเลขที่สูงสุด
ตลาดการเมือง ณ วันนี้เชื่อกันว่าหากมีความจำเป็นที่จะต้อง “ยุบสภา” จริงๆ พรรคอนาคตใหม่มีโอกาสที่จะเลือกตั้งอย่างง่ายดาย
ด้วยสถานการณ์เป็นใจ ด้วยกระแสเกื้อหนุน ด้วยการหาเสียงที่สามารถใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพ
บอกได้เลยว่า...เขามาแน่!!!
อย่างประชาธิปัตย์ที่จะต้องคิดให้มากหากคิดจะเป็นฝ่ายค้านอิสระ
ผิดครั้งแรกก็พอทนจะผิดซ้ำสองกันอีกหรือ?
“สายล่อฟ้า”