วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. คุณมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. คงได้เห็น “ผลกรรม” ที่เกิดขึ้นกับ “ประเทศไทย” อันเป็นที่รักของเราทุกคนแล้ว จากการใช้ รัฐธรรมนูญฉบับ คสช. บังคับให้ประเทศไทยมี “พรรคการเมืองขนาดเล็ก” และ “รัฐบาลผสม” ที่อ่อนแอ

ผลการเลือกตั้ง มีพรรคเล็กมากมาย การเมืองแบ่งเป็น 2 ขั้ว แย่งกันจัดตั้งรัฐบาล

โดยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พรรคเพื่อไทย ที่รวม 7 พรรค แม้จะมีเสียงมากกว่า แต่ผมเชื่อว่าคงไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ เสนอชื่อนายกฯเมื่อไหร่ ส.ว.แต่งตั้ง 250 คน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เลือกมากับมือ คงไม่ยกมือสนับสนุนนายกฯจากพรรคเพื่อไทยแน่นอน เว้นแต่ว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถหาเสียง ส.ส.ในสภาได้ถึง 376 เสียง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย

พรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้แม้จะรวมเสียง ส.ส.ได้น้อยกว่า แต่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลมากกว่า เพราะได้ ส.ว.แต่งตั้ง 250 เสียง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้ง ยกมือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ ถ้า พรรคพลังประชารัฐ เป็น รัฐบาลผสมเสียงข้างน้อย โอกาสที่จะอยู่รอดไปจนครบเทอม 4 ปีก็เป็นไปได้ยาก พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกฝ่ายค้านปิ้งย่างในสภาจนทนไม่ได้ในที่สุด ถ้าไม่มีการปฏิวัติอีก ก็ต้องยุบสภาเป็นทางออก

ผลการเลือกตั้ง และ วิธีการแต่งตั้งนายกฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนขึ้นมาเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก 2 สมัย 8 ปี อย่างที่ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายให้สัมภาษณ์

วันนี้ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ความแตกแยกในหมู่ประชาชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองสองฝ่าย แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีเองก็เป็นห่วง ไม่อยากให้ประชาชนเครียดกับข่าวการเมือง และส่งสารไปถึงประชาชนอย่างเป็นทางการว่า

...

“ข่าวสารการรวมจัดตั้งรัฐบาลของพรรคต่างๆที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นกังวลอยู่เวลานี้ ไม่อยากให้มองว่าเป็นการมุ่งเน้นการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียว หากแต่เป็นการรวมกลุ่มกันเพื่อทำความดีให้กับชาติบ้านเมืองและประชาชน และขจัดคนไม่ดีหรือคนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายออกไป สื่อต่างๆขอให้นำเสนอข่าวอย่างพอเหมาะพอสมควร ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับบ้านเมืองของพวกเรา ช่วงเวลานี้จึงขอให้ประชาชนทุกคนได้ใช้ความระมัดระวังในการรับรู้ข่าวสารใดๆ ขอให้พิจารณาอย่างมีเหตุ มีผล ประกอบข้อเท็จจริงทั้งในปัจจุบันและในอดีต อย่าได้หลงเชื่อคำบิดเบือนต่างๆ อันจะทำให้ประเทศกลับไปสู่อันตรายเดิมๆ

การเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่ให้ความสำคัญแต่เพียงเสียงมากเสียงน้อย ใครเป็นฝ่ายค้าน ใครเป็นรัฐบาล แต่ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่ประชาชนจะได้รับ อันได้แก่ รัฐบาลและ ส.ส.มีธรรมาภิบาลหรือไม่ ประชาชนทุกฝ่ายได้รับการดูแลทั่วถึงหรือไม่ ประเทศชาติได้รับ การสร้างความเข้มแข็งและการเพิ่มขีดความสามารถหรือไม่ นี่คือสิ่งสำคัญที่รัฐบาลนี้ยึดถือเป็นหลักการมาโดยตลอด”

อ่านท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จากสารนายกรัฐมนตรีแล้ว ดูเหมือนท่านจะเข้าใจผิดเรื่องประชาธิปไตย แต่ได้สะท้อนความคิดของท่านออกมาอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลผสม ที่จะจัดตั้งขึ้นครั้งนี้ เสียงมากเสียงน้อยไม่สำคัญ ขอให้รัฐบาลและ ส.ส.มีธรรมาภิบาลก็แล้วกัน เรื่องนี้ถ้าท่านนายกฯไปเช็กประวัติ ส.ส.และว่าที่รัฐมนตรีที่สนับสนุนท่าน อาจจะสะดุ้งก็ได้

การเป็น รัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภา อยู่ได้ไม่นานแน่นอน ทางออกที่ดีที่สุด ผมเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลองจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” จาก ส.ส. 500 คนในสภา โดยมีเงื่อนไขจูงใจ ร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้มีความโปร่งใสและเป็นประชาธิปไตยแล้วเลือกตั้งกันใหม่ ผมเชื่อว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่จะร่วมด้วยแน่นอน.

“ลม เปลี่ยนทิศ”