"พลังประชารัฐ" ยกทัพใหญ่ลุยปราศรัยเมืองชล ชวน ปชช.ร้องเพลงร่วมเบิร์ดเดย์ "ลุงตู่" ชูผลงานอีอีซี เป็นหลักประกันชาวตะวันออก ปลุก 24 มี.ค.นี้ เลือก พปชร.ถล่มทลาย ย้ำไม่สืบทอดอำนาจ แต่สืบทอดอำนาจประชาชน ก่อนเปิดคลิป "ลุงตู่" อ้อนคะแนน "ขอโอกาสนำความรัก-สามัคคี" กลับคืนสู่ประเทศชาติ

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.62 นาย อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคกลาง นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค และนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค เปิดเวทีปราศรัยที่ลานหน้าศาลากลาง จ.ชลบุรี เพื่อนำเสนอนโยบายและแนะนำผู้สมัครทั้ง 8 เขต ในช่วงโค้งสุดท้าย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนมาร่วมรับฟังกว่า 1.8 หมื่นคน

โดย นายสนธิรัตน์ กล่าวปราศรัยย้ำว่า การเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ไม่ใช่การเลือกตั้งเหมือนในอดีตที่เคยมีมา แต่คือวันที่พี่น้องชาวชลบุรี และทั้งประเทศ จะกำหนดอนาคตประเทศไทยออกจากความขัดแย้ง วันนี้หากไม่มีพรรคพลังประชารัฐการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ก็อาจจะเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา จึงขอชาวชลบุรีเลือกผู้สมัครทั้ง 8 เขต อย่างถล่มทลาย

...

ด้าน นายอุตตม กล่าวว่า วันที่ 24 มี.ค.นี้ เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญมากที่สุด ขอประชาชนคิดให้ถ่องแท้ในการเลือก เพราะจะเป็นตัวกำหนดทิศทางประเทศ ซึ่ง จ.ชลบุรี เป็นพื้นที่ที่สำคัญและเป็นหัวหอกในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่เยอะและมีความพร้อมด้วยนโยบายบุคลากร และผู้สมัครทุกคนที่เสนอตัวมาทำงาน และสานต่องานที่เป็นประโยชน์ ย้ำไม่ได้สืบทอดอำนาจ หรือสืบทอดเผด็จการ แต่สืบทอดอำนาจของประชาชน ที่จะทำให้ประเทศมีความสุข มีอนาคต มีความหวังร่วมกัน พร้อมระบุถึงผลงาน อีอีซี ว่า 3 ปีผ่านมา มีกฎหมายที่สำคัญเพื่อเป็นหลักประกันให้ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง ทุกคนในภาคตะวันออกได้มั่นใจว่า จะได้รับการดูแลการลงทุนจะเกิดขึ้นอย่างเหมาะสม โดยเชื่อว่า อีอีซีในอีก 5 ปีข้างหน้า ทำให้เกิดการลงทุนใหม่ 650,000 ล้านบาทในพื้นที่ และจะเกิดโอกาสเกิดงานอีก 45,000 ตำแหน่ง หากสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐเข้าไปทำงาน ยืนยันว่าอีอีซีทำได้จริงเป็นรูปธรรมไม่เกิดปัญหา และย้ำว่าทุกนโยบายของพรรคพลังประชารัฐกระทำได้ทันทีอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ก่อนที่เวทีปราศรัยจะเปิดคลิปวิดีโอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ได้ขอให้ประชาชนร่วมร้องเพลงแฮปปีเบิร์ดเดย์ให้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 65 ปีในวันนี้(21 มี.ค.)

จากนั้นจึงเปิดคลิปวีดีโอที่ฝากมาถึงพี่น้องชาว จ.ชลบุรี ว่า "สวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาว จ.ชลบุรี ที่เคารพรักทุกคน บ้านผมเหมือนกัน ผมอยู่ชลบุรีมา 20 ปี เป็นทหารอยู่ที่นั่น กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ตั้งแต่เด็กจนโต ผมดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับทุกคนในวันนี้ ก่อนอื่นอยากจะบอกว่า คิดถึง คิดถึงมากด้วยทุกคน สิ่งสำคัญเร่งด่วนที่ผมต้องทำให้เสร็จจากที่ได้เริ่มไว้แล้ว และทำต่อไปอีกก็คือ การแก้ไขปัญหาที่หลงเหลืออยู่ ตลอดจนวางอนาคตให้มั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน สิ่งแรกที่เราจะนำกลับคืนมาคือ ความรัก ความสามัคคี ความปรองดอง กลับคืนสู่สังคมไทยประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อจะนำพาบ้านเมืองของเราเดินไปข้างหน้า อย่างไม่หยุดยั้ง"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า "สำหรับเรื่องการสร้างเมืองให้น่าอยู่นั้น วันนี้เราต้องมองไปสู่การสร้างเมืองอัจฉริยะด้วย แล้วกิจกรรมทั้ง 6 กิจกรรมที่จะต้องใส่เข้าไปในเมืองเดิม เมืองเก่า ที่ทำให้เกิดความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ประชาชนเข้าถึง มีความสะดวกสบาย เราทำทั้งสองอย่าง การสร้างเมืองให้น่าอยู่ จะต้องมีการปรับผังเมือง ซึ่งการปรับผังเมืองประชาชนมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ใช่เรากำหนดได้เอง จะต้องได้รับการยอมรับในการจัดทำผังเมืองตามระยะเวลาที่กำหนดในกฎหมาย เพื่อจะรองรับความเจริญในอนาคต การกระจายความเจริญ การขยายเมือง แก้ปัญหาน้ำท่วม ถนน ทางเท้า ชายหาด ถ้าเราพัฒนาได้ให้เป็นระเบียบ น่ามอง น่ามาเที่ยว ร้านค้าริมทาง สะอาดสะดวกปลอดภัยมีที่ค้าขาย ที่เหมาะสมให้กับผู้ได้รับผลกระทบ"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า "เราจะต้องมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทั้งท่องเที่ยวเมืองหลัก เมืองรอง ท่องเที่ยวชุมชน โฮมสเตย์ ท่องเที่ยวทางน้ำ ทางบก และจะต้องมีการเชื่อมโยงให้เป็น Package ไปด้วยกัน ให้คนได้มีโอกาสท่องเที่ยวหลายๆอย่าง หลายๆพื้นที่ในทริปเดียวกัน ซึ่งเราต้องช่วยกันทั้งผู้ประกอบการ รัฐบาลข้าราชการ ทั้งส่วนกลางส่วนท้องถิ่นและส่วนภูมิภาค เราต้องเร่งสร้างแรงงานทักษะสูง และไฮเทคให้มากยิ่งขึ้น นี่ไงครับผมถึงบอกเรียนอะไรให้มันมีอนาคต อย่าเรียนอะไรที่มันง่ายเกินไปนัก บางคนมีศักยภาพเยอะ เรียนเก่ง แต่เลือกไม่ถูก ทำให้ศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเรามันหายไป เราจึงต้องเร่งสร้างแรงงานทักษะสูง เพื่อจะได้มีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่มากกว่าเขาอีอีซีอันนี้ คือ อนาคตของประเทศ คือการปฏิรูปประเทศปฏิรูปเศรษฐกิจใหม่ จาก 30 ปีมาแล้ว ที่เราไม่ได้ลงทุนขนาดใหญ่ขนาดนี้ อันนี้จึงเป็นการทำเพื่อวันนี้และอนาคต เพื่อลูกหลานของเราในวันข้างหน้า อีก 20 ปี ซึ่งจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ วันหน้าอาจจะมีโครงการอื่นขึ้นมาอีกก็ได้ ในภาคอื่นๆจะเป็นแหล่งเพาะบ่มเพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคต แหล่งผลิตแรงงานทักษะสูง มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่ พัฒนาฝีมือแรงงานไทยให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น มีรายได้ที่เพียงพอ นอกจากนี้เรายังมี 10 เขตเศรษฐกิจทั่วไทยอยู่แล้ว ตามชายแดนหลายจังหวัดด้วยกัน เราจะได้เชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้มา เชื่อมกับอีอีซี ได้อะไรได้ ไทยเรานั้นจะต้องมีอำนาจต่อรอง มีศักดิ์ศรี มีความภูมิใจในเวทีโลก และคนไทยจะต้องได้รับการยอมรับจากทุกประเทศ เปิดประเทศสู่การค้าเสรี ที่แข่งขันกันอย่างเป็นธรรม ด้วยกฎกติกาสากล อย่าลืมผู้ผลิตอย่าลืมผู้มีรายได้น้อย ที่เป็นต้นทางทั้งหมด ในการค้าขาย"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า "ผมมั่นใจนะครับว่าถ้าทุกท่านให้โอกาสผม มอบความไว้วางใจให้กับผมเหมือนที่ผ่านมา หรืออาจจะมากกว่านั้น ร่วมกันปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติรักประชาชน เพื่อนำพาชาติบ้านเมืองและพวกเราทุกคน ไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง สิ่งที่ดีกว่า มีความรักใคร่ ความสามัคคีปรองดอง มีความสุขทุกคนถ้วนหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ถ้าเราได้ทำต่อร่วมกันทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ใช่ไหมครับ ร่วมมือไปกับผมนะครับ"

ด้าน นายอนุชา กล่าวปราศรัยว่า หากไม่ต้องการแตกแยกต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาทำงานแก้ความขัดแย้ง สร้างความสงบสุขให้คนในชาติ รวมทั้งแก้ปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะนโยบายสินค้าการเกษตร ที่ยกระดับวิถีชาวนา 15 ล้านคน ให้อยู่ดีกินดี พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี และยังร่วมเลี้ยงลูกท่านผ่านนโยบายมารดาประชารัฐ โดยจะได้รับเงินตั้งแต่ตั้งท้องถึง 6 ปี จำนวน 181,000 บาท

"ถ้าผมเป็นรัฐบาลและยังทำให้พี่น้องเกษตรกรหายจนไม่ได้ ภายใน 4 ปี ทำไม่ได้ผมจะเลิกเล่นการเมือง" นายอนุชา กล่าว

ด้าน นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า จ.ชลบุรี ถือเป็นหัวใจสำคัญของอีอีซี ซึ่งในอนาคตภาคตะวันออกจะเป็นตัวจักรสำคัญของประเทศไทย เป็นแหล่งรายได้ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งมั่นใจว่าหากได้เป็นแกนนำรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นคนทำให้เกิดขึ้นจริง นอกจากนี้จะยังมีผลงานชิ้นโบว์แดง คือ การมีรถไฟความเร็วสูง ภาคตะวันจะมีสนามบินของตนเอง มีท่าเรือสำราญ การส่งออกจะดีขึ้น พี่น้องจะมีงานทำเยอะขึ้น ซึ่งจะพลิกโฉมเปลี่ยนแปลงภาคตะวันออก เป็นเมืองกรุงเทพที่ 2