"ชาติไทยพัฒนา" ขอเป็นทางเลือกที่ 3 คนกรุง แห่ขบวนขอคะแนนทั่วเมืองหลวง บอก พรรคใหญ่ยังแก้ปัญหาไม่ได้ทุกซอกซอย "หาญส์" แจง ปชช.อย่าสับสน ตนออกจาก "เพื่อไทย" แล้ว สังกัด ชทพ.

เมื่อวันที่ 15 มี.ค.62 ที่สนามฟุตบอล Super Kick กทม. นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ ผู้อำนวยการเลือกตั้ง กทม. พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.พรรค ชทพ. จัดทำกิจกรรมปล่อยขบวนรถหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.กทม.30 เขต เพื่อหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายในเขตกรุงเทพฯ

โดย นายภักดีหาญส์ กล่าวถึงกรณีกระเเสข่าวประชาชนยังสับสนถึงสังกัดพรรคในปัจจุบัน ว่า จากการลงพื้นที่หาเสียงที่ผ่านมา ถือว่าได้รับกระเเสตอบรับดี แต่ยังมีข้อกังวลในเรื่องของสังกัดพรรคตน ที่หลายคนยังคิดว่าตนยังอยู่พรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งความจริงแล้วตนได้ย้ายสังกัดมาอยู่กับพรรค ชทพ.แล้ว โดยที่การย้ายพรรคนั้น ตนมองว่าไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผิด อีกทั้งตนก็ออกมาด้วยดี ไม่ใช่ออกมาด้วยความขัดแย้ง ยืนยันว่าไม่ว่าจะอยู่พรรคไหน ก็พร้อมจะทำงานการเมืองให้กับประชาชน

"การเมืองไทยเราผ่านกันมาหลายยุคหลายสมัย เรามีเพียงแค่ 2 พรรคใหญ่ ที่ครองพื้นที่ในกรุงเทพฯ อีกทั้งยังมีปัญหาหลายอย่างที่ไม่ได้ดูแล ดังนั้นพรรค ชทพ.จึงอยากจะขอเป็นทางเลือกที่ 3 ของประชาชนในกรุงเทพฯ แม้ว่าสถานะพรรคเราจะถูกมองว่าเป็นภูธรก็ตาม วันนี้เราจะเห็นสุพรรณบุรีโมเดลเจริญแบบไหน หากพรรค ชทพ.ได้รับเลือก เราสัญญาว่าเราจะทำให้กรุงเทพฯ มีความเจริญ หรือดีใกล้เคียงกับสุพรรณบุรี ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พรรค ชทพ. ส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม.ครบทั้ง 30 เขต และเรายืนยันว่าเราอยากจะปักธงให้ได้ทั้ง 30 เขตในกรุงเทพฯ ตามที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตแกนนำพรรคชาติไทยหวังไว้" นายภักดีหาญส์ กล่าว

เมื่อถามว่า กลยุทธ์ของพรรค ชทพ.ในการลงพื้นที่หาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งนั้น นายภักดีหาญส์ กล่าวว่า ตนได้เน้นย้ำกับผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนว่า การลงพื้นที่นั้นเราต้องเข้าถึงพี่น้องประชาชน พร้อมจับเข่าคุยให้รู้ถึงปัญหาอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแห่หาเสียงเพื่อเอากระเเส แต่กลับไม่ได้ใจประชาชน ซึ่งปัญหาที่เรารับทราบมานั้น ก็จะนำไปสู่นโยบายในการแก้ปัญหา เพราะยังมีหลายๆ จุดที่ยังไม่ได้รับการแก้ปัญหา ซึ่งทุกนโยบายของพรรคสามารถจับต้องได้ และหากได้รับการเลือกตั้งเราก็พร้อมจะผลักดันนโยบายที่เคยพูดไว้ได้ภายใน 6 เดือนแรก

...

ด้าน น.ส.วราไพรินทร์ ธนวริสพร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 กทม. กล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่ที่ผ่านมา ตนมองว่าวิกฤติทางการเมือง คือ การที่ประชาชนหลายคนไม่อยากออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ยอมรับว่าพรรคเราไม่ได้มีกระเเสในโซเชียล แต่การลงพื้นที่ของผู้สมัครทุกคนนั้น เน้นการสร้างความเข้าใจให้ประชาชนเปิดรับพรรค และออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยที่พรรคเราไม่มีการพูดถึงความขัดแย้ง ทั้งนี้ตนมองว่าประชาธิปไตยที่แท้จริง คือ การทำอย่างไรก็ได้ให้ประชาชนคนรุ่นเก่า หรือรุ่นใหม่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง นั้นคือประชาธิปไตยที่แข็งแรง ที่จะทำให้เราผ่านพ้นปัญหาวิกฤติที่เราประสบอยู่

"คนรุ่นใหม่ของพรรค ชทพ. เราเน้นรับฟัง ฟังความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ไม่เคยมีนโยบายการตลาดที่ทับถมใคร แต่จะเน้นการลงพื้นที่ วันนี้เราเห็นปัญหาความเดือดร้อนในกรุงเทพฯ ซึ่งแม้ว่ากรุงเทพฯ จะเป็นเมืองหลวง แต่ความเจริญนั้นไม่มีทุกซอกทุกมุม เราไม่เคยเลือกข้าง เราชัดเจนเพื่อการทำงานให้พี่น้องประชาชน เรามีความตั้งใจที่จะรวมประชาชนให้เป็นหนึ่ง ไม่แบ่งพรรคเเบ่งพวก" น.ส.วราไพรินทร์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการปล่อยขบวนรถแห่หาเสียงผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 30 เขต เป็นไปอย่างคึกคัก โดยประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีประชาชนหลายคนแห่มาขอถ่ายรูปกับผู้สมัครและขบวนรถแห่ ก่อนที่รถแห่ต่างแยกย้ายออกไปหาเสียงตามพื้นที่ในแต่ละเขตทั่วทั้ง 30 เขตกรุงเทพฯ.