"เพื่อชาติ" ลงพื้นที่ จ.ตาก ช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงโค้งสุดท้าย "จตุพร" เหน็บ "บิ๊กตู่" ลงโคราช ไม่มีอะไรซับซ้อน ปชช.มองออกเอาเปรียบ "ณพล" แฉถูกกลุ่มคนถืออำนาจ สกัด ปชช.ห้ามมาฟังการปราศรัย
เมื่อวันที่ 14 มี.ค.62 ที่ จ.ตาก พรรคเพื่อชาติ สัญจรภาคเหนือตอนล่าง นำโดย นายอารี ไกรนรา, นายโชติ วัณโณ รองหัวหน้าพรรค พร้อม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ พร้อมคณะลงพื้นที่จ.ตาก ช่วย นายณพล ชยานนท์ภักดี อดีตเลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองตาก ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคเพื่อชาติ หมายเลข 3 หาเสียงและพบปะประชาชน พร้อมเปิดเวทีปราศรัยย่านตลาดนัดบ้านทรัพย์สมบูรณ์ ต.วังประจบ อ.เมือง จ.ตาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
โดย นายณพล กล่าวว่า มีกลุ่มบุคคลในพื้นที่ที่ถืออำนาจ ปล่อยข่าวหรือปฏิบัติการไอโอข่มขู่ประชาชน ห้ามมาฟังการปราศรัยของพรรคเพื่อชาติในวันนี้ และบอกให้ไปสนับสนุนพรรคอื่น ซึ่งเกิดขึ้นทั้งกับผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุกแห่งในจังหวัด ดังนั้นตนได้ทำความเข้าใจกับประชาชนในเบื้องต้นแล้วว่า ฝ่ายเผด็จการไม่สามารถที่จะเอาชนะฝ่ายประชาธิปไตยได้ หากผู้นำชุมชนยังมีความตั้งใจ จะสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย ก็สามารถสนับสนุนได้ผ่านพลังความเงียบ เพราะว่าความเงียบเป็นเสียงที่ดังที่สุด อย่างไรก็ตามจะไม่นำเรื่องดังกล่าวไปร้องต่อ กกต.เพราะเห็นว่าเป็นการต่อสู้ทางการเมือง และในห้วงเวลานี้ก็ไม่อยากที่จะต่อสู้ฟาดฟันกับผู้อื่น แต่ควรเป็นช่วงเวลาที่จะต้องพูดคุยกับประชาชนให้มากที่สุด
ด้าน นายจตุพร กล่าวเสริมว่า ตนขอเตือนไปยังบุคคลที่ใช้อำนาจรัฐทั้งหลายว่า ให้ศึกษาประวัติศาสตร์ในการเลือกตั้งทุกครั้ง เมื่อคิดสืบทอดอำนาจก็จะใช้อำนาจรัฐในการเลือกตั้ง ทั้งในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งช่วงรักษาการ หรือรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารก็ตาม หากใช้อำนาจในการเลือกตั้ง หรือกลไกรัฐทุกรูปแบบ ผลลัพธ์สุดท้ายจะได้รับการต่อต้านจากประชาชนผ่านวันเลือกตั้ง และผลลัพธ์สุดท้ายก็เหมือนกันหมด คือยิ่งใช้อำนาจรัฐมากเท่าไหร่ ผลการเลือกตั้งจะแพ้มากเท่านั้น ดังนั้นที่ นายณพล พูดไว้คือไม่จำเป็นต้องไปร้อง กกต.เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ได้น่ากลัว แต่เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นก็ปล่อยให้เขาทำร้ายตัวเองต่อไป
...
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.นครราชสีมา โดยมีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คอยให้การต้อนรับ พร้อมปฏิเสธวาทกรรมเรื่องการสืบทอดอำนาจ แต่เป็นการสืบทอดเจตนารมณ์นั้น ส่วนตัวมองว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ บรรดาผู้บริหารพรรคก็เป็นอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ชื่อพรรคพลังประชารัฐ ก็นำมาจากชื่อโครงการของรัฐ โครงการของรัฐ อย่างไรก็ตาม 4 รัฐมนตรีก็ถูกเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญกำหนดห้ามไว้ ด้วยกลไกของรัฐธรรมนูญไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้
"แต่เมื่อมีคนทักท้วงก็ใช้วิธีการไปลงพื้นที่ตรวจราชการแทน ดังนั้นอะไรที่เกินความพอดี และประชาชนจะเห็นว่าเป็นการเอาเปรียบ ก็จะใช้คำพูดว่าไม่ได้สืบทอดอำนาจ แต่สืบทอดเจตนารมณ์ และส่วนตัวมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ระหว่างความสับสนในชีวิต ดังนั้น กกต.ควรจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ เร่งวินิจฉัยคุณสมบัติดังกล่าวเสียโดยเร็ว" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวถึงผลการตรวจสอบการจัดโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย วินิจฉัยในประเด็นที่ผู้ร้องไม่ได้ร้อง ดังนั้นอยากจะทำอะไรก็ตามสบาย ซึ่งตนเคยพูดมาตลอดว่า ปฏิบัติต่อพรรคการเมืองอื่นอย่างไร ก็ควรปฏิบัติต่อพรรคพลังประชารัฐอย่างนั้น จะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ กกต.
ส่วนการพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่กำลังเป็นปัญหานั้น ถ้าเขตเดียวเบอร์เดียวจะหลือแต่เฉพาะชื่อผู้สมัครเท่านั้น ก็จะง่ายขึ้น แต่เมื่อต้องการทำให้คนสับสนก็กลายเป็นตัวเองสับสนไปด้วย ก็ไม่เป็นผลดี แต่ตนก็ยังเข้าใจได้ว่า กกต.ยังอยู่ภายใต้อำนาจมาตรา 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สามารถปลด กกต.ได้ ดังนั้นแค่รักษาชีวิตไว้ก็เหนื่อยแล้ว แต่ปัญหาใหญ่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ ตราบใดที่ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ปัญหาของประเทศก็จะไม่จบ ดังนั้นภารกิจของพรรคเพื่อชาติปราศรัยใหญ่ในวันที่ 19 มี.ค.นี้ ที่วงเวียนใหญ่ อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กทม. เพื่อภารกิจใหญ่ส่ง พล.อ.ประยุทธ กลับบ้าน ส่วนวันที่ 22 มี.ค.นี้ ที่สวนรถไฟ เป็นภารกิจในการปลุกคนไทย หยุดการสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นคณะผู้บริหารพรรคเพื่อชาติ และ นายจตุพร พร้อมคณะ เดินพบปะพี่น้องประชาชนย่านตลาดวังเจ้า อ.วังเจ้า จ.ตาก ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง และปราศรัย ณ บ้านนาตาโพ ต.วังจันทร์ อ.สามเงา จ.ตาก และเวลา 17.45 น. ปราศรัย ณ สวนชมปิง อ.บ้านตาก จ.ตาก