ไม่ต้องปราศรัย ไม่ต้องขึ้นเวทีคล้องมาลัยดอกดาวเรือง

ฉากตามท้องเรื่อง มันไม่ได้หนีจากภาพการลงพื้นที่หาเสียงแต่อย่างใด กับช็อตล่าสุด “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะหางเครื่องชุดใหญ่เดินสายตรวจราชการที่จังหวัดขอนแก่น และนครราชสีมา หัวเมืองใหญ่อีสาน

ภารกิจติดตามความคืบหน้าโครงการรัฐบาล เป็นประธานพิธีเปิดการใช้งานอาคารสถานีรถไฟขอนแก่นที่ยกระดับลอยฟ้า ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการทางคู่และทดลองการเดินรถในโครงการพัฒนาระบบโครงข่ายรถไฟทางคู่ เส้นทางสายชุมทางถนนจิระ–ขอนแก่น พร้อมเป็นประธานสักขีพยาน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหนังสือโครงการป่าชุมชน

ตอกย้ำโครงการที่สัมผัสได้เป็นรูปธรรม นำความเจริญให้อีสาน

มีการหยุดรถลงถ่ายภาพเซลฟี่กับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง ท่ามกลางเสียงเชียร์ “ลุงตู่ สู้ๆ” ดังกระหึ่ม

แค่งานตามเนื้อผ้า “ลุงตู่” ก็ตีกินคะแนนได้เหมือนนักการเมืองเดินสายหาเสียง ไม่ต้องเสี่ยงอะไร

ที่แน่ๆจับอาการ ประเมินสีหน้า “ลุงตู่” ก็ไม่ได้เครียดแต่อย่างใด กับการประกาศย้ำแล้วย้ำอีกของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

โปรดฟังอีกครั้ง ไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯสืบทอดอำนาจ

นั่นก็เพราะไม่ได้เหนือการคาดหมาย “อภิสิทธิ์” ก็เล่นบทนี้มาตลอด ตั้งแต่ต้นไม่เคยพูดว่าหนุน “นายกฯลุงตู่” อาการ “หึง” อำนาจ อารมณ์หมั่นไส้มันแฝงกับบทเหน็บแนม จังหวะเตะตัดขาที่มาเป็นพักๆ

งานนี้คนที่จะต้องเจอภาวะกดดันหนัก ก็เป็น “อภิสิทธิ์” เองนั่นแหละ

เพราะพลิกแฟ้มข่าวเก่า ทุกครั้งก่อนวิกฤติการเมือง ประชาธิปัตย์คือตัวจุดชนวนต้นเหตุ

...

ปี 2549 คว่ำบาตรเลือกตั้ง ตามมาด้วยปฏิวัติโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้า คมช. เพราะการเมืองถูกลากไปติดล็อก เกิดคดีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเลือกตั้งโมฆะ

มาถึงปี 2557 นายอภิสิทธิ์ก็เล่นมุกเดิม บอยคอตเลือกตั้ง หลังอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภา คนประชาธิปัตย์ลากการเมืองออกมาเล่นบนถนน ตามด้วยวิกฤติม็อบ กปปส.ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ป่วนเมืองทั่วประเทศ ก่อนปฏิวัติเงียบโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

โดนไล่ไปนั่งพักยาวข้างสนาม 4–5 ปี อดอยากปากแห้งไปตามๆกัน

กระทั่งวันนี้ ปี 2562 รอบนี้ “อภิสิทธิ์” คนเดิมก็ส่ออาการเฮี้ยว โชว์ความสำคัญของตัวแปร ประกาศไม่หนุน “นายกฯลุงตู่” ไม่สังฆกรรมกับ “ทักษิณ” หวังจับเสือมือเปล่า ทั้งๆที่ก็ไม่มีแต้มต้นทุนหน้าตักแน่นหนา

ลากฉากการเมืองไทยไปสู่มหากาพย์การเมือง 3 ก๊ก

ส่อเค้าตั้งรัฐบาลยาก กระตุกต่อมผวานักลงทุนต่างชาติ

หลายครั้งหลายครา เห็นกันจนชิน กับมุกชิงเป็นพระเอกของคนยี่ห้อประชาธิปัตย์ เน้นโดยเฉพาะยุค “อภิสิทธิ์” ที่ถนัดชิงโอกาสทางการเมืองของตัวเอง

มากกว่าวาทกรรมที่อ้างหลักการหรูๆ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น

และโดยสถานการณ์หลัง “อภิสิทธิ์” ตีไพ่ใบสุดท้าย ไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ สถานการณ์ก็ไม่ได้ฉุดแต้มประชาธิปัตย์ให้ดีขึ้นแต่อย่างใด

ตรงกันข้ามในมุมของทีมพลังประชารัฐ ที่มีโพลทหาร ตำรวจ มหาดไทย เช็กหลายชั้น

ณ วันนี้แกนนำมั่นใจ ตัวเลข ส.ส.ทั้งระบบเขตเลือกตั้งและปาร์ตี้ลิสต์อยู่ที่เกิน 110 ที่นั่ง และแนวโน้มน่าจะ “เบ่ง” ตัวเลขได้ถึง 120 เก้าอี้

สวนทางกับประชาธิปัตย์ที่มีสิทธิต่ำร้อยตามอาการ “อภิสิทธิ์”

และนั่นก็หนีไม่พ้นสปิริต “ค้ำคอหอย” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องเปลี่ยนจาก “เดอะมาร์ค” สลับฉากให้คนอื่นไปดีลจัดรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ

ตามรูปการณ์ที่ “งูเห่า” ในประชาธิปัตย์ที่มีมากถึง 40–50 คน ต่อสายไว้หมดแล้ว

แนวโน้มไม่สนเสียงขู่ “อภิสิทธิ์” ที่จะประกาศเป็นฝ่ายค้าน เพราะการเลือกนายกฯเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส.

ยิ่ง “อภิสิทธิ์” ส่อทำตัวให้เกิดเงื่อนวิกฤติ ลากการเมืองไปติดล็อก มันก็ยิ่งเป็นความชอบธรรมของงูเห่าประชาธิปัตย์ที่จะแหกค่ายหนุน “นายกฯลุงตู่” ตามเงื่อนไขสถานการณ์

สรุปเลยว่า ไม่มีสัญญาณใหม่ แค่นิสัยเดิมๆ

สถานการณ์ดีสุดสำหรับ “อภิสิทธิ์” วันนี้ คือทางลงนิ่มๆ เล่นบทหล่อๆไม่หนุนเผด็จการ ลบภาพตั้งรัฐบาล ได้แม่นมอย่าง “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หนุนเป็นนายกฯในค่ายทหาร

กลับไปเป็นอาจารย์สอนลูกศิษย์ในมหาวิทยาลัย

อธิบายประชาธิปไตยแบบไทยๆได้เต็มปากเต็มคำก็พอแล้ว.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน