"อภิสิทธิ์" ประกาศจุดยืน "ประชาธิปัตย์" ไม่หนุน "บิ๊กตู่" นั่งนายกฯ ปัดแทงกั๊ก ชี้ "ประยุทธ์" คือศูนย์กลางความขัดแย้ง ย้ำปม "บิ๊กตู่" ต้องพึ่งพานักการเมือง ออกตัวคุมงูเห่าในพรรคอยู่ ย้ำ 250 ส.ว.ต้องเคารพเสียงประชาชน
เมื่อวันที่ 11 มี.ค.62 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมผู้บริหารพรรค อาทิ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์, นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรค, นายสุทัศน์ เงินหมื่น, นายเกียรติ สิทธิอมร และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าและนายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรค ร่วมกันแถลงจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์
โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตามที่ตนได้ประกาศจุดยืนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการสืบทอดอำนาจจะทำให้เป็นความขัดแย้งอีกนั้น หลายฝ่ายตั้งคำถามมาก จึงขอชี้แจงในประเด็นต่างๆ คือ ตนยืนยันว่าเป็นการพูดในฐานะหัวหน้าพรรค และเป็นไปตามอุดมการณ์ของพรรค จึงเป็นจุดยืนของพรรค และพรรคไม่อาจมีจุดยืนที่ขัดกับอุดมการณ์ของตัวเอง ที่ประกาศไว้เมื่อ 70 ปีได้ การแสดงจุดยืนนี้ เพราะคิดว่าเป็นสิทธิ์ของผู้เลือกตั้ง ที่จะรู้จุดยืนของแต่ละพรรคการเมืองให้ชัดเจน ไม่ใช่ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเลือกบนความเข้าใจแบบหนึ่ง แล้วสุดท้ายพรรคที่เลือกกลับไม่ได้ทำตามที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเข้าใจหรือคิด หากสิ่งที่ตนประกาศนี้ทำให้เสียคะแนนก็ยินดี เพราะคิดคือความเป็นธรรมสำหรับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งซึ่งสำคัญกว่า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์เสนอตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาล อยู่บนพื้นฐานของอุดมการณ์และนโยบายของพรรค ตนแสดงจุดยืน 2 ครั้งชัดเจนว่า เราจะไม่ต้องจัดตั้งรัฐบาลแบบไม่ทุจริตและสืบทอดอำนาจ และมีปฏิกิริยาจากทั้ง 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายหนึ่งกลับไปสู่การสร้างวาทกรรมเดิมๆ ที่ชูหากไม่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ หมายถึงต้องจับมือกับพรรคเพื่อไทย และเป็นพวกทักษิณ ซึ่งตนพูดชัดว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถออกมาจากการครอบงำของกลุ่มคนเล็กๆ ที่มีผลประโยชน์กับประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ไม่อาจร่วมงานด้วยได้ ที่สำคัญจนถึงวันนี้ก็ไม่มีสัญญาณอะไรเปลี่ยนแปลง ของกลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายนี้ อีกฝ่ายไม่ตกหลุมพรางของเครือข่ายของระบอบทักษิณ ที่พยายามบีบเพื่อให้เราไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เขาถามว่าจะร่วมกับพลังประชารัฐ (พปชร.)หรือไม่ ตนขอตอบให้ชัดอีกครั้งว่า หาก พรรคพลังประชารัฐต้องการสืบทอดอำนาจ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ร่วมด้วย แต่การรวบรวมเสียงข้างมากไม่ผูกมัดว่า พรรคจะต้องได้ ส.ส.อันดับหนึ่ง เพราะตามกติกาพรรคใดรวบรวมเสียงได้ ก็ตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นหากพลังประชารัฐจะร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ ก็ต้องไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุด คือ การสืบทอดอำนาจ ฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงกลายเป็นศูนย์กลางของเงื่อนไขความขัดแย้งมากที่สุดหลังเลือกตั้ง และแปลกใจที่ยังมีคนบอกว่า ตนตอบไม่ได้ ตอบไม่ชัด จึงขอเปรียบเทียบกับคำตอบของพรรคอนาคตใหม่ ที่ตอบบนเวทีดีเบตว่า จะร่วมกับ พปชร.ได้หรือไม่ พรรคอนาคตใหม่ ตอบว่า ถ้า พปชร.จะบอกว่า โอเค เราไม่สืบทอดอำนาจ คสช. ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เรายังร่วมกับ พปชร.ได้เลย ถามว่า ทำไมเวลาตนพูดกลับมาบอกว่า ตนกั๊ก ถ้าเป็นเช่นนั้นตนก็มีอนาคตใหม่เป็นเพื่อน เพราะเป็นคำตอบเดียวกันบนเวทีดีเบตเดียวกัน
...
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีคนกังวลว่า หากไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จะเกิดความขัดแย้งวุ่นวายหรือไม่ ตนเห็นว่าทุกคนมีบทเรียนจากการทำงานที่ผ่านมา และยังมั่นใจว่าผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวข้องกับความมั่นคง มีความพร้อมที่จะช่วยทำงานให้การรักษาความสงบเรียบร้อย ลุล่วงไปได้ด้วยดี การผูกความสงบเรียบร้อยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่า หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ จะไม่มีมาตรา 44 แล้ว ไม่สามารถใช้เครื่องมือพิเศษในรอบ 5 ปีได้อีก ไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่จะต้องบริหารจัดการประเทศต่อไป ที่ต้องเอาอยู่ให้ได้ คือ ฝ่ายการเมือง วันนี้น่าเป็นห่วง เพราะเส้นทางการดำรงตำแหน่งนายกฯต่อไป ของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพึ่งพาอยู่กับนักการเมือง เห็นชัดจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในเส้นทางที่ตัวเองต้องการได้ ทั้งกรณี ส.ป.ก.ทองคำ นโยบายข้าว เคยบอกว่า ไม่ทำ ไม่เอา แต่วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านั้น ที่ยืนยันจะทำหลายอย่างที่ขัดกับความเชื่อและจุดยืนของท่านเอง
เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยหรือ พปชร.ได้เป็นรัฐบาล ตำแหน่งในสภาฯของ ปชป. คืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราไม่สนับสนุนคนโกงนำประเทศ และไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ร่วม เราก็เป็นฝ่ายค้าน คงไม่ต้องมานั่งจับมือกับใคร ต่างคนก็ต่างทำงาน
เมื่อถามย้ำว่า หาก ปชป.ไม่ร่วมทั้งพรรคเพื่อไทย และ พปชร. แล้วจะเป็นแกนนำในการรวบรวมเสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยจะเลือกพรรคที่ไม่ทุจริตและไม่สืบทอดอำนาจ เช่น พปชร. ถ้าตนเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ แน่นอน เพราะเขาไม่ได้เป็นทั้งสมาชิกพรรค และเป็น ส.ส.เขาเป็นเพียงผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ เท่ากับว่าถ้าตนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเท่ากับนายกฯไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ และผู้บริหารทั้งหมดของเขาจะไม่มีใครได้เป็น ส.ส.เลย เท่าที่ดู เพราะหัวหน้าพรรค เลขาฯพรรค โฆษกฯ รวมทั้งรองหัวหน้าบางคน ไม่มีใครลง ส.ส.เลย เมื่อเข้าไปอยู่ในสภาแล้ว ส.ส.ที่เหลืออยู่จึงเป็นหลัก ซึ่งการสืบทอดอำนาจ คือ ตัวบุคคลและมรดกต่างๆที่ขัดกับประชาธิปไตย เราจะเข้าไปแก้ไข เช่น ประกาศ คสช. คำสั่ง คสช. หรือกฎหมายอื่นๆ
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะควบคุมลูกพรรคไม่ให้เกิดกลุ่มงูเห่า ที่ไม่ทำตามมติหรืออุดมการณ์ของพรรคได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มั่นใจว่าลูกพรรคจะรักษาจุดยืนพรรค และสนับสนุนสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน ถึงแม้ตนจะไม่ได้อยู่ในฐานะหัวหน้าพรรค พรรคก็ควรต้องทำ เพราะเป็นอุดมการณ์ของพรรค ส่วนใครที่ไม่รักษาอุดมการณ์ของพรรค ถือว่าขัดข้อบังคับของพรรคก็ให้ทำตามข้อบังคับพรรค
เมื่อถามว่า แต่รัฐธรรมนูญรับรองความเป็นอิสระของ ส.ส.ในการโหวต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ว่ากันไป และยืนยันว่าการประกาศจุดยืนครั้งนี้ เพื่อประกาศตัวเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ไม่ได้ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน เพราะการเป็นรัฐบาลจะต้องมีเสียงข้างมากในการบริหารประเทศ จึงขอย้ำว่า ส.ว.250 คน ควรเคารพการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งขณะนี้ทุกพรรคการเมืองก็เห็นด้วยตามแนวทางนี้ ยกเว้นพรรคพลังประชารัฐ.