ศาลปกครองสูงสุดยืนตามศาลปกครองกลาง ไม่รับคำฟ้อง “เรืองไกร” กล่าวหา กกต.มีมติให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติโดยมิชอบ ชี้ กกต.ลงมติตาม ม.92 และ 93 พ.ร.ป.พรรคการเมือง เป็นอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัย
เมื่อวันที่ 7 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า จากกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง ว่า ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง นำข้อเท็จจริงมาตีความขยายเกินเลยไป ซึ่งขอให้ศาลปกครองกลางเพิกถอนมติการประชุมของ กกต.ที่ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ
โดย นายเรืองไกร ได้ทำเรื่องยื่นศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยขอให้ศาลปกครองกลางไต่สวนฉุกเฉิน ให้ทันการอ่านคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีมติให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่
โดยวันนี้ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่าแม้ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมืองจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่การมีมติของ กกต. เป็นการดำเนินการตามมาตรา 92 และมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 อันเป็นขั้นตอน 1 ในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ และเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาวินิจฉัยกรณีดังกล่าว ซึ่งผู้ฟ้องคดีสามารถยกข้ออ้างเกี่ยวกับการกระทำของ กกต.ที่อ้างในคำฟ้องขึ้นไปเป็นข้อต่อสู้ในชั้นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญได้ การกระทำตามคำฟ้องจึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา 197 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ประกอบมาตรา 9 วรรค 1 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา
...
ซึ่ง นายเรืองไกร จะต้องทำเอกสารหนังสือคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ยื่นคำสั่งดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า มติของ กกต.ในการประชุมครั้งที่ 18/2562 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ เป็นการกระทำที่ชอบธรรมหรือไม่ และตามขั้นตอนที่กำหนดหรือไม่ โดยจะทำหนังสือส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ทันก่อนประชุมอ่านคำพิพากษาช่วงบ่าย.