ผบช.สตม. นำทีมแถลงจับ 6 คน โพสต์ข่าวปลอม "บิ๊กป้อม" กินกาแฟแก้วละ 1.2 หมื่นบาท โดยใช้งบ โดยสวัสดิการในตำแหน่ง รวมเป็นเงิน 8.2 หมื่น ขณะรองหัวหน้าอนาคตใหม่ ยังไม่มามอบตัว จ่อออกหมายเรียกครั้งที่ 2 

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 4 มี.ค. ที่ห้องประชุม ปอท. ชั้น 4 อาคารบี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม., พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร., พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท., พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง และ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.3 บก.ปอท. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่มีพฤติกรรมเผยแพร่หรือส่งต่อข้อความ ข่าวสารอันเป็นเท็จ กรณีเผยแพร่ข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมรัฐมนตรี ดื่มกาแฟแก้วละ 12,000 บาท โดยใช้งบสวัสดิการในตำแหน่ง รวมเป็นเงิน 82,000 บาท ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงานรัฐ และความมั่นคงของชาติ ประกอบด้วย 1.นายบุญยืน แสนคูณ อายุ 43 ปี 2.นายวิศรุต ธีรปัญญาวัฒน์ อายุ 34 ปี 3.นายปรีชา ทัศนา อายุ 31 ปี และ 4.นายเกษมสันต์ ทวยมาตร์ อายุ 38 ปี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากปรากฏข่าวในโลกสังคมออนไลน์ว่า โดยได้มีการโพสต์บทความบิดเบือนให้ร้ายรัฐบาลในเว็บไซต์ https://www.one31news.com โดยพาดหัวข่าวว่า “เบิกงบกาแฟแก้วละ 12,000” ซึ่งปรากฏเนื้อหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมรัฐมนตรี ดื่มกาแฟแก้วละ 12,000 บาท โดยใช้งบสวัสดิการในตำแหน่ง รวมเป็นเงิน 82,000 บาท พร้อมกับนำภาพประกอบที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษา มาตัดต่อร่วมกัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดจากข้อมูลที่คาดเคลื่อนจนประชาชนหลงเชื่อได้ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลจริง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงานรัฐและความมั่นคงของชาติ

...

ต่อมา พันเอกบุรินทร์ ทองประไพ หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คสช. ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในกรณีดังกล่าวต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ให้ร่วมสืบสวนหาผู้กระทำความผิด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ต่อมา ทาง บก.ปอท.บูรณาการร่วมกับ ศปอส.ตร. ทำการสืบสวนสอบสวนทราบว่า มีผู้เผยแพร่และส่งต่อข่าวปลอมดังกล่าว 6 ราย โดยหนึ่งในนั้นมี พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมอยู่ด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการนำเข้าเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ถือเป็นความผิดตามมาตรา 14 (2) และ 14(5) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมซึ่งมีอัตราจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการออกหมายเรียกทั้ง 6 ราย รวมทั้งพล.ท.พงศกร รอดชมภู มารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ 4 คน โดยขั้นตอนจากนี้จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หาก พล.ท.พงศกร และนายประพฤทธ์ แจ้งท้วม อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่เหลือ 2 คนสุดท้าย ยังไม่มาพบ ก็จะดำเนินการขอหมายจับต่อไป

“อย่างไรก็ตาม ในห้วงเวลานี้ใกล้สู่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีการหาเสียงจากผู้สมัครรับเลือกตั้งและอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีสร้างความปั่นป่วนผู้สมัครรับเลือกตั้งสร้างข่าวปลอมโจมตีใส่ร้ายรัฐบาลและผู้สมัครรับเลือกตั้งทำลายความเชื่อมั่นต่อความมั่นคงของประเทศ และก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน จึงขอให้ผู้เสพข่าวเสพอย่างมีสติไตร่ตรอง ก่อนที่จะแชร์ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวออกไป เพื่อไม่ให้ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์” ผบช.สตม. กล่าว.