"สุวิทย์" เผย "พลังประชารัฐ" เตรียมวางคิว "บิ๊กตู่" ปราศรัยใหญ่หาเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศ เริ่มปักหมุดเมืองย่าโมแล้วจบที่ กทม. ยันไม่ห่วงบุคลิกผู้นำทำให้พรรคเสียคะแนน...
วันที่ 2 มี.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดมหาบุศย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ช่วย นายธันวา ไกรฤกษ์ ผู้สมัครส.ส.กทม. เบอร์ 6 เขตสวนหลวงประเวศ กทม. ถึงการวางคิวให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ลงพื้นที่หาเสียง ว่า กรรมการบริหารพรรคคงจะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง เพราะก็เพิ่งทราบเรื่องจาก กกต. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถที่จะหาเสียงได้
ทั้งนี้ ทางพรรคได้วางยุทธศาสตร์ไว้แล้วว่า จะหาเสียงและปราศรัยใหญ่ทั่วประเทศที่ไหนบ้าง มีคาราวานหาเสียง โดยไล่จากเหนือลงมาไปอีสานภาคกลางและภาคใต้ เมื่อทาง กกต. เปิดไฟเขียวให้ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถร่วมปราศรัยและหาเสียงได้ ก็จะนำมาปรับผนวกให้เป็นเรื่องเดียวกัน เพราะขณะนี้เวลาเหลือเพียง 2-3 สัปดาห์ จึงถือเป็นโค้งสุดท้ายที่สำคัญ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่เพื่อร่วมปราศรัยหาเสียงในวันที่ 10 มี.ค. 62 ที่ จ.นครราชสีมานั้น ก็คงเป็นไปตามข่าว แต่ตนยังไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจนมากนัก ส่วนสาเหตุที่เลือกลงพื้นที่โคราชนั้น ทุกคนคงทราบดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นลูกหลานของย่าโม ซึ่งถือเป็นหมุดตัวสำคัญ เพราะโคราชถือเป็นเมืองหลวงของภาคอีสาน และเป็นบ้านเกิดของนายกฯ ทั้งนี้พรรคให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่ แต่สุดท้ายการปราศรัยใหญ่ก็จะอยู่ที่ กทม.
นายสุวิทย์ กล่าวปฏิเสธว่าการเปิดตัวให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาร่วมปราศรัยหาเสียงไม่ได้ถือเป็นไม้เด็ดของพรรค ถือเป็นความชอบธรรมมากกว่า เพราะพรรคการเมืองอื่นหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ สามารถปราศรัยหาเสียงได้ การที่ กกต. อนุญาตให้ พล.อ.ประยุทธ์มาทำกิจกรรมและลงพื้นที่หาเสียงปราศรัยได้ถือเป็นการแฟร์มากกว่า ไม่คิดว่าเป็นไม้เด็ดเพราะไม่มีอะไรที่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถลงมาช่วยพรรคในการดำเนินกิจกรรมอะไรได้ ถือเป็นการที่พรรคเสียเปรียบมากกว่าแต่วันนี้ก็ไม่ได้ได้เปรียบใคร
...
เมื่อถามว่า เป็นกังวลบุคลิกและอารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ทุกคนมีบุคลิกที่แตกต่างกัน มีทั้งข้อดีและข้อเสียซึ่งทุกคนน่าจะชินกับบุคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ทุกคนก็มองว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนที่ตั้งใจ มุ่งมั่น มีความกล้าหาญ คิดและทำอะไรทำจริง คิดอะไรแล้วก็สามารถทำให้เกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะลงมาช่วยปราศรัยหาเสียงจะกลายเป็นจุดอ่อนมากกว่าจุดแข็งหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องฟังเสียงประชาชนว่าจากนี้ไปสิ่งที่พรรค และ พล.อ.ประยุทธ์จะหาเสียงนั้นมีสาระสำคัญอะไรบ้าง แล้วประชาชนจะเห็นด้วยมากน้อยแค่ไหน ทุกอย่างจะตัดสินในวันที่ 24 มี.ค.62
ส่วนเรื่องการร่วมดีเบตนั้นมองว่าเป็นเพียงแค่โหมดหนึ่งของการพูดให้ประชาชนได้รับฟัง แต่ชั่วโมงนี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือผลงานการทำงานของนายกฯ ที่ผ่านมามากกว่าและหากพรรคชนะการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จะมีวิสัยทัศน์เหมือนหรือแตกต่างอย่างไร ถือเป็นสาระสำคัญมากกว่าการไปดีเบต เอาเวลาที่เหลือไปพูดนโยบายของพรรคในการตอบโจทย์ประชาชนจะดีกว่า.