“มาดามเดียร์” ขอ “สื่อ” จัดดีเบตให้ประชัน “วิสัยทัศน์ นโยบายพรรค” มากกว่าถกเถียงประเด็น “การเมือง” ชี้ เวทีดีเบต ไม่ใช่ช่องทางเดียวให้ “บิ๊กตู่” โชว์วิสัยทัศน์ ระบุ อดีตนายกฯหลายคนก็เคยปฏิเสธ
วันที่ 1 มี.ค. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาเวทีปราศรัยภาคอีสาน ซึ่งประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี และเนื้อหาการปราศรัยก็ได้พูดถึงนโยบายต่างๆ ของพรรค ที่จะทำให้กับประชาชน อาทิ พัฒนาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พักหนี้กองทุนหมู่บ้านเป็นระยะเวลา 3 ปี รวมถึงการเพิ่มค่าเก็บเกี่ยวข้าวเป็นไร่ละ 2,000 บาท จำนวน 20 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีโครงการมารดาประชารัฐ ที่ขณะนี้พี่น้องประชาชนให้ความสนใจได้รับการตอบรับดีมาก ซึ่งนโยบายนี้ พรรคพลังประชารัฐตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อดูแลเด็กตั้งแต่ในครรภ์ เพราะเห็นว่า เด็กคืออนาคตของชาติ โดยถ้ามาดูแลหลังโต ก็จะไม่เพียงพอ ซึ่งนโยบายนี้ ประกอบด้วย 3 ส่วน เริ่มจากตั้งครรภ์รับเดือนละ 3,000 บาท 9 เดือน ให้เงินสนับสนุนในการคลอด 10,000 บาท และค่าเลี้ยงดูเด็กเดือนละ 2,000 บาท จนครบ 6 ปี
น.ส.วทันยา ยังกล่าวถึงการเข้าร่วมเวทีดีเบตว่า อยากให้สื่อมวลชนจัดเวทีดีเบตให้พรรคการเมืองมาประชันวิสัยทัศน์และนโยบาย มากกว่าถกเถียงประเด็นทางการเมือง เพราะวันนี้ประเทศต้องการความสงบสุข และก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้น เวทีดีเบตควรให้โอกาสผู้บริหารของแต่ละพรรคได้แสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศและแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน เพราะเชื่อว่า ทุกพรรคตั้งใจทำนโยบายดีๆ เพื่อประชาชน
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้พรรคส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีฃองพรรคไปร่วมเวทีดีเบตนั้น ส่วนตัวมองว่า ที่ผ่านมาอดีตนายกรัฐมนตรีหลายท่านก็เคยปฏิเสธการร่วมดีเบตมาแล้วทั้งนั้น ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องดูข้อกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตามด้วย ที่สำคัญการแสดงวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องดีหากมาประชันกันเกี่ยวกับนโยบาย แต่เวทีดีเบตคงไม่ใช่ช่องทางเดียว ที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์แสดงวิสัยทัศน์ได้ และเชื่อว่าหลังจากนี้ทางพรรคเองก็น่าจะมีโอกาสได้รับเกียรติจาก พล.อ.ประยุทธ์ในการขึ้นเวทีปราศรัย อย่างไรก็ตามวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีโอกาสชี้แจงวิสัยทัศน์และการทำงานอยู่แล้ว ดังนั้นการดีเบตคงไม่ใช่คำตอบเดียวของการโชว์วิสัยทัศน์
...
น.ส.วทันยา กล่าวอีกว่า อยากฝากคนรุ่นใหม่ทุกคน โดยเฉพาะผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกกว่า 7 ล้านคน ไปใช้สิทธิในวันที่ 24 มี.ค.นี้ โดยเลือกพรรคใดก็ได้ที่ชื่นชอบ และนโยบายที่มีประโยชน์ต่อประเทศ อย่านอนหลับทับสิทธิ เพื่อมาร่วมกันทำให้ประชาธิปไตยกลับมาเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ หรือ เต็มใบ อย่างที่พวกเราต้องการ
ด้านนายอนันต์ อารีคุปต์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.สุรินทร์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ส่วนตัวเป็นคนรุ่นใหม่ที่มาลงการเมืองครั้งแรก ยอมรับมีความกดดัน แต่ไม่กลัวพรรคการเมืองอื่นที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เพราะเราลงหาชาวบ้านด้วยความจริงใจ ที่ต้องการเปลี่ยนสังคม ไม่ได้หวังผลประโยชน์ ซึ่งวันนี้ประชาชนเริ่มคิดได้ มองเห็นภาพ ไม่ได้ถูกปิดหูปิดตา เหมือนที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประชาชนให้การตอบรับพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างดีโดยเฉพาะในพื้นที่เขต 1 ของตนเอง และเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เป็นบุคคลที่ตอบโจทย์ มีนโยบายที่เข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการลดต้นทุนการผลิต พักหนี้กองทุนหมูบ้าน 3 ปี ส่วนการตั้งเป้าให้ได้ ส.ส.ทั้ง 7 เขต ของ จ.สุรินทร์ นั้น ส่วนตัวหวังให้ได้สัก 5 เขต ก็ถือว่า ชื่นใจ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้ได้ยกจังหวัด 7 เขต