การเมืองกำลังเข้มข้น ยิ่งใกล้ถึงวันเข้าคูหากาเบอร์ที่รักพรรคที่ชอบ ในวันที่ 24 มี.ค. 62 นี้แล้ว บรรดาพรรคการเมืองต่างขยันขันแข็งลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง ออกนโยบายประชานิยมขายฝันให้กับประชาชน แต่เมื่อถึงเวลา สามารถทำได้จริงอย่างที่สัญญาใจกันไว้หรือไม่

ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ คือ นโยบาย “เบี้ยคนชรา” เป็นหนึ่งในนโยบายที่หลายพรรคชูป้ายโปรโมตกัน แต่อันที่จริงโครงการนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยรัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนสวัสดิการผู้สูงอายุในชุมชน (เบี้ยยังชีพ) พ.ศ.2536 เพื่อให้เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจน เดือนละ 200 บาท

คุณสมบัติพื้นฐานของผู้มีสิทธิได้รับ"เบี้ยยังชีพคนชรา"

  • สัญชาติไทย
  • มีอายุ 59 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
  • ขอรับเบี้ยตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
  • ไม่เป็นผู้ที่ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเทศบาล อบต. ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือเทศบาล อบต.จัดให้เป็นประจำ ยกเว้นผู้พิการและผู้ป่วยเอดส์ตามระเบียบ

หลายพรรคการเมือง ชูนโยบาย เพิ่ม
หลายพรรคการเมือง ชูนโยบาย เพิ่ม "เบี้ยคนชรา"

...

ต่อมา จึงได้มีการปรับเพิ่มเบี้ยคนชราเป็นเดือนละ 500 บาท หลังจากนั้น ได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เนื่องจากปัจจุบันสินค้ามีราคาแพงขึ้น จึงปรับการจ่ายเบี้ยยังชีพเป็นขั้นบันได ดังนี้

ผู้สูงอายุ ซึ่งมีอายุ 60-69 ปีจะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 600 บาทต่อคนต่อเดือน
ผู้สูงอายุ ซึ่งมีอายุ 70-79 ปีจะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 700 บาทต่อคนต่อเดือน
ผู้สูงอายุ ซึ่งมีอายุ 80-89 ปีจะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 800 บาทต่อคนต่อเดือน
ผู้สูงอายุ ซึ่งมีอายุ 90 ปี ขึ้นไป จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน

กลับมาที่นโยบายของหลายพรรคการเมืองก็ได้พูดถึงเรื่องการปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน ซึ่งแต่ละพรรคก็ “แจกเงิน” ไม่เท่ากัน โดยส่วนใหญ่จะยกเลิกการจ่ายเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได โดยจะจ่ายในอัตราเดียวกันทุกช่วงอายุ

สำหรับ "จำนวนประชากร" ในประเทศไทยในปี 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 66,413,979 คน เฉพาะผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 10,666,803 คน...มาดูกันว่า แต่ละพรรคจะใช้เงินเท่าไรต่อเดือนในการช่วยเหลือผู้สูงอายุ

เพิ่มงบ
เพิ่มงบ "เบี้ยคนชรา" ทำได้แค่ไหน?

พรรคพลังประชารัฐ

ปรับเงิน"เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" เป็น 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน เท่ากันทุกช่วงอายุ
จะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 10,666,803,000 บาทต่อเดือน

พรรคประชาธิปัตย์

ปรับเงิน"เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" เป็น 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน เท่ากันทุกช่วงอายุ
จะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 10,666,803,000 บาทต่อเดือน

พรรคอนาคตใหม่

ปรับเงิน"เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" เป็น 1,800 บาทต่อคนต่อเดือน เท่ากันทุกช่วงอายุ
จะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 19,200,245,400 บาทต่อเดือน

ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 10,666,803 คน
ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 10,666,803 คน

พรรคชาติพัฒนา

ปรับเงิน"เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" เป็น 2,000 บาทต่อคนต่อเดือน เท่ากันทุกช่วงอายุ
จะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 21,333,606,000 บาทต่อเดือน

พรรคเพื่อชาติ

ปรับเงิน"เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" เป็น 2,000 บาทต่อคนต่อเดือน เท่ากันทุกช่วงอายุ
จะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 21,333,606,000 บาทต่อเดือน

พรรคประชาชาติ

ปรับเงิน"เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" เป็น 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน เท่ากันทุกช่วงอายุ
จะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 32,000,409,000 บาทต่อเดือน.