นายกรัฐมนตรี รับมอบโบราณวัตถุสมัยบ้านเชียง 104 ชิ้นจากเอกชนผู้ครอบครอง กระตุ้นสำนึกคนไทยต้องไม่ลืมรากเหง้า หวงแหนมรดกทางวัฒนธรรม
เวลา 09.00 น.วันที่ 22 ก.พ. ที่ศาลาสำราญมุขมาตย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีมอบโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เพื่อเป็นสมบัติของชาติโดยมีนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวรายงาน
จากนั้นนายธรรมฤทธิ์ จิรา ผู้ครอบครองโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จำนวน 104 รายการ ได้มอบบัญชีรายการโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ให้กับนายกฯ เพื่อมอบให้กระทรวงวัฒนธรรมต่อไป ขณะที่นายกฯได้มอบบัตรกิตติมศักดิ์เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ โบราณสถาน และโรงละครแห่งชาติให้กับนายธรรมฤทธิ์และครอบครัวได้ตลอดชีพ โดยก่อนเริ่มพิธี นายกฯ ได้เข้าสักการะพระพุทธสิหิงค์ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานรับมอบวัตถุโบราณ วัฒนธรรมบ้านเชียง ซึ่งถือเป็นสมบัติของชาติที่ล้ำค่า กลับคืนสู่แผ่นดินไทย เพื่อให้คนไทยได้ศึกษาได้ชื่นชม ในความเป็นไทยของเราตั้งแต่โบราณกาลหลายพันปีมาแล้ว วันนี้ทำในสิ่งที่ดีก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ที่เก็บรักษาสิ่งของเหล่านี้ไว้ก็น่าจะนำกลับมา เพื่อแบ่งให้ผู้อื่นได้ชื่นชมและภูมิใจไปด้วย ตนในนามของรัฐบาล ต้องขอขอบคุณครอบครัวคุณธรรมฤทธิ์ จิรา ที่ได้เห็นความสำคัญของโบราณวัตถุ วัฒนธรรมที่มีคุณค่าทางวรรณคดี ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และหวังว่าสิ่งที่ท่านทำจะเป็นแบบอย่างที่ดีที่จะกระตุ้นเตือนให้เยาวชนและคนรุ่นหลัง เกิดความรักและหวงแหนในมรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทย
...
นายกฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับโบราณวัตถุทั้ง 104 รายการที่ได้รับมอบครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาโบราณคดีและประวัติศาสตร์ขาติไทย นอกจาก มีคุณค่าทางวิชาการแล้ว ยังมีคุณค่าทางจิตใจของคนไทยทั้งประเทศที่ได้เก็บรักษาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษและมีความรู้ ความเข้าใจวิถีชีวิตในอดีต รวมทั้งอารยธรรมบนผืนแผ่นดินไทยที่มีความเจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องมายาวนานกว่า 4,000 ปี สิ่งที่เราเห็นวันนี้คือวัตถุ แต่สิ่งที่เราสร้างสมกันมายาวนานคือจิตใจของคนไทยทุกคน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตั้งแต่โบราณกาล

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ให้กับลูกหลานของเราจนถึงวันนี้ เราจะต้องระลึกถึงในคุณูปการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ได้รักษาผืนแผ่นดินไทยนี้ไว้ตราบจนถึงวันนี้ สิ่งที่เราลืมไม่ได้คือเราจะต้องรู้ความเป็นมาของเราเอง ความเป็นไทย ถ้าเราไม่เรียนรู้จากประวัติศาสตร์วัตถุโบราณเหล่านี้ เราก็จะไม่เกิดความภาคภูมิใจ ไม่เกิดความศรัทธาในการที่จะรักษา ก็จะทำให้เป็นการเติบโตที่ไม่มีรากเหง้า ไม่มีประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นอันตรายมากที่สุด ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนไทยทุกคนจะสึกว่าเรามีรากเหง้าอย่างไร มีความภาคภูมิใจอย่างไร เราจะต้องไม่ให้ร้ายประเทศของเราเอง ซึ่งมันเป็นอันตรายที่สุดในโลกยุคดิจิทัล” นายกฯกล่าว
"เราต้องพัฒนาจากสิ่งที่เราที่มีแต่โบราณกาล เพราะเรามีอัตลักษณ์ของเราเองความงดงาม ความอ่อนช้อยรอยยิ้มที่มีไมตรีจิต นี้คือเสน่ห์ของคนไทย ขออย่าให้มันขาดหายไป ก็จะทำให้ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรือง ขณะเดียวกันจิตใจของเราจะได้รับการกล่อมเกลา ถ้าเราไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์เราก็ไม่รู้เรามาจากไหน เราเป็นคนไทยมาได้อย่างไร ถ้าท่านไม่รู้จักตัวเอง ท่านจะไม่รู้ว่าจะรักประเทศไทยได้อย่างไร ขอฝากสังคมได้เรียนรู้และรับรู้" นายกฯ กล่าว ก่อนเดินชมวัตถุโบราณ พร้อมถ่ายภาพร่วมกับครอบครัวนายธรรมฤทธิ์ และคณะเป็นที่ระลึก
สำหรับโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่นายธรรมฤทธิ์ มอบให้เป็นสมบัติของชาติในครั้งนี้ มีทั้งโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุราว 1,800-4,300 ปี ประกอบด้วย เครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือ เครื่องใช้สำริด เครื่องประดับทำด้วยหิน แก้ว และเปลือกหอย เป็นต้น โดยวัตถุโบราณที่ได้รับมอบจะถูกนำไปตรวจสภาพและทำการอนุรักษ์เบื้องต้นด้วยวิธการทางวิทยาศาสตร์ ก่อนนำไปเก็บรักษาที่คลังกลาง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เพื่อนำไปศึกษาหรือจัดแสดงต่อไป
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมราชรถ ราชยาน และพระยานมาศ ภายในโรงราชรถ เยี่ยมชมห้องจัดแสดงประวัติศาสตร์ชาติไทย ภายในพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน.