(แฟ้มภาพ)
"อภิสิทธิ์" นำผู้สมัครปชป. เขต 23 กทม.หาเสียง ย่านจอมทอง เผยเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนตื่นตัว อยากให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชี้ พ.ร.บ.ข้าวควรรอรัฐบาลใหม่มาทำ
วันที่ 17 ก.พ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นางนันทพร วีรกุลสุนทร ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 23 จอมทอง ธนบุรี ของพรรคเดินหาเสียงบริเวณหมู่บ้านสินทวี ตลาดสินทวี และบริเวณตลาดจอมทอง เพื่อแนะนำตัว นำเสนอนโยบายและขอคะแนนเสียงกับพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนในพื้นที่ โดยบรรยากาศยังคงเป็นไปด้วยความคึกคัก มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าตลอดจนประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยและสัญจรไปมาในพื้นที่ให้การต้อนรับอย่างดี มีทั้งการมอบดอกไม้ให้กำลังใจแก่นายอภิสิทธิ์และคณะ รวมถึงขอถ่ายภาพคู่กับนายอภิสิทธิ์เป็นระยะๆ ตลอดทาง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประชาชนมีความตื่นตัวค่อนข้างมากในเรื่องของการเลือกตั้งและมีการคาดหวังว่าหลังการเลือกตั้งเศรษฐกิจจะดีขึ้น และปัญหาต่างๆ จะได้รับการแก้ไขที่ดี ซึ่งการลงพื้นที่ในเขตจอมทองวันนี้ประชาชนพูดเป็นเสียงเดียวกันเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจที่ค้าขายไม่ดี มีปัญหาเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนซึ่งสิ่งเหล่านี้พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหา
ส่วนกรณีร่างพระราชบัญญัติข้าว ที่มีการถกเถียงและมีความเห็นของสังคมแตกต่างกันนั้น ควรจะต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาทำกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ระบุว่า กฎหมายในเชิงนโยบายที่สำคัญหลายฉบับอยากให้รอรัฐบาลใหม่ เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังมีโอกาสในการเลือกพรรคการเมืองเข้าไปเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะกฎหมายที่มีการโต้แย้งกันอยู่ ซึ่งในเรื่องของกฎหมายข้าวในวันพรุ่งนี้
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคที่ดูเรื่องนโยบายและยุทธศาสตร์ จะมีการประชุมพูดคุยกันกับเพื่อให้ความเห็นอีกครั้ง พร้อมย้ำอะไรที่เป็นปัญหาหรือมีการโต้แย้งกันมากในสังคมควรที่จะต้องรอรัฐบาลใหม่
...
ส่วนกรณีของนายวิชัย ล้ำสุทธิ อดีตส.ส.จังหวัดระยอง ที่ยื่นใบลาออกจากพรรคและให้เหตุผลว่าไม่พอใจเรื่องการจัดลำดับบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ ที่ตัวเองอยู่ในลำดับที่ 57 ว่าเป็นสิทธิ์ของนายวิชัยไม่ได้มีปัญหาอะไร ตัวเองทราบข่าวก่อนการยื่นลาออก 2-3 วัน ซึ่งการจัดลำดับในบัญชี เป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนอาจจะเกิดความไม่พอใจได้ แต่การแข่งขันจำเป็นจะต้องจัดทีม ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นบางคนไม่พอใจได้บ้าง ส่วนจะส่งผลกระทบต่อฐานเสียงในจังหวัดระยองหรือไม่นั้น คิดว่าทุกคนก็มาช่วยกันเดินหน้าหาเสียงต่อ ขณะเดียวกันกรณีของนายโกวิท ธารนา อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร ที่ย้ายไปพรรคพลังประชารัฐ ก็ถือเป็นสิทธิเช่นเดียวกันไม่อยากไปพูดอะไรเพราะถือเป็นการตัดสินใจของแต่ละคน ส่วนจะต้องไปทำความเข้าใจกับสมาชิกอีกครั้งหรือไม่นั้นคิดว่าตอนนี้ทุกคนก็มุ่งลงพื้นที่ทำงาน ยังไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร วันนี้เรื่องภายในพรรคเป็นเรื่องเล็กเมื่อเทียบกับประเทศ
"กรณีเรื่องการลอกนโยบายส่วนตัวเข้าใจที่บางพรรคการเมืองบอกว่าทุกคนต้องแก้ปัญหาเดียวกัน แต่ที่ตัวเองยืนยันคือพรรคประชาธิปัตย์ใช้เวลา 5 ปีไม่เคยปิดพรรค อยู่กับประชาชนและสอบถามประชาชนตลอด จึงเป็นที่มาของนโยบายและก็ได้ตั้งข้อสังเกตกับพรรคที่เป็นรัฐบาล ว่าในวันที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอนโยบาย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีออกมาบอกว่าทำได้อย่างไร เอาเงินมาจากไหน แต่เมื่อมีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาก กลับเสนอและใช้เงินมากกว่า และไม่ได้ทำนโยบายนั้นมาตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นเรื่องแปลก"
ส่วนที่จะมีการตั้งข้อสังเกตว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่ในขณะนี้นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าอยากจะพ้นจากปัญหาเรื่องตัวบุคคลได้หรือยัง เพราะถ้าหากอยากพ้นปัญหาในเรื่องของตัวบุคคลก็ให้สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีความเป็นสถาบันและใช้มาตรฐานแบบสากลในการทำงานทางการเมือง เพราะจะทำการเมืองให้เป็นระบบและทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้เนื่องจากไม่มีผลประโยชน์ของตัวบุคคล