ในที่สุดกกต.ประกาศออกมาแล้ว ว่าผู้สมัครเลือกตั้งส.ส.รวมกว่า 1 หมื่นคน ในส่วนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมี 107 คนขาดคุณสมบัติ ส่วนผู้ที่ถูกเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ไม่ผ่าน 3 คน ส่วนส.ส.เขตยังรอประกาศ
ผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี 3 คนนั้น ตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต.ระบุชัดเจนคือ มีผู้ที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า
เป็นผู้ถูกเสนอรายชื่อที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล และมีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี จำนวน 1 คน
ส่วนส.ส.แบ่งเขตนั้นกกต.กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อประกาศต่อไป
ทั้งนี้ในแง่กฎหมายมีการกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครอย่างชัดเจน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 กำหนดคุณสมบัติ ตามมาตรา 41 ผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็นส.ส. เช่น มีสัญชาติไทยโดยการเกิด, อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี, เป็นสมาชิกพรรคการเมืองพรรคเดียวติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน,
ส่วนผู้สมัครแบบแบ่งเขตต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง คือมีชื่อในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือเกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง หรือเคยเรียนในจังหวัดที่สมัครรับเลือก 5 ปี หรือเคยรับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ ไม่น้อยกว่า 5 ปี
ผลการพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตนี้ กกต.ระบุว่า เป็นอำนาจของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งในการตรวจสอบคุณสมบัติซึ่งต้องดำเนินการประกาศภายในวันนี้ (15 ก.พ.2562) เช่นกัน และเมื่อได้ประกาศรายชื่อแล้วจะนำไปปิดประกาศไว้ ณ ที่เลือกตั้ง หรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังสามารถตรวจสอบได้จากแอปพลิเคชัน SMART VOTE ด้วย ซึ่งสำนักงานจะเร่งปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันโดยเร็ว
...
ส่วนบุคคลต้องห้ามสมัครส.ส.ระบุตามมาตรา 42 ไว้ 21 ข้อ เช่น ติดยาเสพติด ล้มละลาย ยังมีข้อต้องห้ามเรื่องของการถือหุ้นในกิจการนสพ.หรือสื่อ การที่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถูกศาลพิพากษาความผิดทุจริต ถูกยึดทรัพย์ เป็นต้น
คุณสมบัติ และบุคคลต้องห้ามเป็น “นายกรัฐมนตรี”
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กำหนดที่มาและคุณสมบัติไว้อย่างชัดเจน เช่น สัญชาติไทยโดยการเกิด, อายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี, จบปริญญาตรีหรือเทียบเท่า, ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอลงโทษ เว้นแต่ความผิดจากความประมาท ลหุโทษ หรือหมิ่นประมาท
นอกจากนี้ยังต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์, ไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง, ไม่ล้มละลายหรือเป็นเจ้าของ หรือถือหุ้นในนสพ.หรือสื่อ เคยถูกสั่งพ้นราชการ ถูกยึดทรัพย์