ยุบไม่ยุบ ก็ไปไม่รอด
คงต้องรออีกระยะว่า กกต.จะชี้ผลออกมาอย่างไร ซึ่งก็คงจะต้องใช้เวลาพิจารณาพอสมควรเพราะมีประเด็นมีประเด็นข้อกฎหมายหลายบท
จึงมีการตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อสอบสวนเบื้องต้นก่อนที่จะให้ กกต.ชุดใหญ่ตัดสินใจชี้ขาดเพื่อดำเนินการต่อไป
หากผลออกมาว่า กกต.ชี้ว่ามีความผิดก็จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอันเป็นที่สิ้นสุด หากพบว่ามีความผิดก็จะมีโทษ 2 กระทง
1.ยุบพรรค
2.ต้องถูกดำเนินคดีทางอาญาด้วย
ถ้าออกมาในรูปแบบนี้เท่ากับว่า พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ต้องถูกยุบจบเห่กันไปเลย และทั้งกรรมการบริหารพรรคและบรรดาผู้สมัครทั้งระบบเขตและระบบปาร์ตี้ลิสต์ก็ไม่สามารถเข้าสู่สนามเลือกตั้งได้
บุคคลที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ก็ไปต่อไม่ได้
ก่อนอื่นมาดูรายชื่อกรรมการบริหารไทยรักษาชาติ เพื่อจะได้รู้ว่าใครเป็นใครกันบ้าง ซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากยากเย็น
ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค
นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรค
รองหัวหน้าพรรค 4 คน คือ นางสุณีย์ เหลืองวิจิตร นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ นายฤภพ ชินวัตร
รองเลขาธิการพรรค 3 คน คือ นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ นายต้น ณ ระนอง นายวิม รุ่งวัฒนจินดา มี น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ เป็นนายทะเบียนพรรค
โฆษกพรรค นายพงษ์เกษม สัตยาประเสริฐ เหรัญญิกพรรค นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์
กรรมการบริหารพรรค นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย และนายรุ่งเรือง พิทยศิริ (ได้ยื่นเรื่องให้ กกต.ทราบแล้วว่าได้ลาออกไปแล้ว เมื่อวันที่ 4 ก.พ.จึงไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย)
กรรมการบริหารทั้งหมดนี้ที่ลงมติรับรองบุคคลที่เสนอชื่อให้เป็นนายกฯในนามของพรรคหากลบออกจากตำแหน่งก็ไม่มีผลแต่อย่างใด
เพราะความผิดได้สำเร็จแล้ว
...
เมื่อสถานการณ์มีความเป็นไปอย่างนี้แล้วคงได้ลุ้นเพียงแค่ว่า กกต.จะตัดสินใจอย่างไรเท่านั้น ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น
การดำเนินงานทางการเมืองเพื่อไปสู่สนามเลือกตั้งก็คงจะกร่อย ไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำอะไรกันแล้ว
นั่นจะทำให้พรรคไทยรักษาชาติแม้จะยังไม่จบแต่ก็คงจบไปแล้วโดยปริยายเมื่อทุกอย่างผิดแผนและสร้างความเสียหายใหญ่หลวง
ขณะที่พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็น “พรรคแม่” ก็คงจะไม่ต่างกัน หากว่า กกต.พิจารณาว่าทั้ง 2 พรรคนี้มาจากการแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย ถ้าพบว่ามีความเกี่ยวพันกันก็ยุ่งหนักเข้าไปอีก
จึงมีการสั่งการจากแกนนำพรรคให้ระมัดระวังคำพูดไว้ให้ดี ย่อมส่งผลให้การหาเสียงซึ่งก่อนหน้านี้กำลังดำเนินการอย่างเข้มข้นกร่อยไปอีกเช่นกัน
อย่างนี้คงไม่ต้องถามว่าผลการเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้น
เพราะโอกาสแทบจะไม่มีและไม่ต้องหวังว่าจะได้เสียงข้างมากอย่างที่คุยเอาไว้
“เดินต่อไป”...ที่เจ้าของพรรคตัวจริงซึ่งอยู่ต่างประเทศพยายามปลุกขวัญและกำลังใจให้คนในเครือข่ายคงไม่มีความหมายอะไรแล้ว
ระวังเอาไว้เถอะ...หากตรวจสอบพบว่า “ครอบงำ”
ก็จะโดนหนักเข้าไปอีก.
“สายล่อฟ้า”