เอาพระราชวงศ์มาเกี่ยวการเมือง กระทํามิบังควร!
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร เทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นศูนย์รวมและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนและพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ทรงดำรงสถานะเหนือการเมือง และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทั้งยังเป็นพระเชษฐภคินีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้น การนำสมาชิกชั้นสูงในราชวงศ์เกี่ยวข้องกับระบบการเมืองถือเป็นการกระทำที่มิบังควร
การเมืองไทยกลับมาเป็นศูนย์รวมแห่งความสนใจจากทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะเดินมาสู่จุดที่แหลมคม ซึ่งทุกฝ่ายต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนา พรรณวดี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค และในเวลาไล่เลี่ยกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ได้ตอบรับคำเชิญเป็นว่าที่นายกฯสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
...
ทษช.ยื่น กกต.เสนอชื่อบัญชีนายกฯ
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 8 ก.พ. ที่สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมแกนนำและสมาชิก พรรค เดินทางมายื่นเอกสารชื่อแคนดิเดตนายกฯในนามพรรคไทยรักษาชาติ มีสื่อมวลชนทั้งในประเทศ ไทยและต่างประเทศให้ความสนใจจำนวนมาก โดยทันทีที่ ร.ท.ปรีชาพลเดินทางมาถึงพร้อมถือซองเอกสาร บรรดาสื่อมวลชนได้กรูกันไปรุมถ่ายรูปและ ขอสัมภาษณ์ เป็นที่น่าสังเกตว่านายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธาน รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และสมาชิกพรรคที่เป็นแกนนำ นปช. ไม่ได้เดินทางมาร่วมยื่นเอกสารในวันนี้แต่อย่างใด ก่อนเข้าไปยื่นเอกสารเสนอชื่อต่อ กกต. ในเวลา 09.00 น. โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ชงทูลกระหม่อมอุบลรัตนฯเป็นผู้นำ
จากนั้น ร.ท.ปรีชาพลให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้แกนนำและกรรมการบริหารพรรคได้เดินทางมายื่นชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรค คือทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี กรรมการบริหารพรรคได้พิจารณาระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นพ้องต้องกันว่าทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เป็นชื่อที่มีความเหมาะสมที่สุด จึงเห็นพ้องต้องกันและมีมติให้ความเห็นชอบ จากนั้นเราได้ติดต่อประสานซึ่งท่านก็มีพระเมตตาตอบรับและยินยอมให้พรรค ทษช. เสนอชื่อท่านเพื่อให้สภาฯให้ความเห็นชอบเป็นนายกฯ ในนามของพรรค ทษช. แต่คงไม่ขอลงรายละเอียดการประสาน จะถือเป็นการไปพูดแทน ท่านเป็นบุคคลที่ทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด ไม่ว่าโครงการทูบี นัมเบอร์วันที่ช่วยเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติด หรือการเป็นผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กว่า 10 ปีที่ผ่านมา ท่านได้เดินทางไปทั้งในและต่างประเทศ ได้เห็นถึงความเดือดร้อนและปัญหาของพี่น้องประชาชน ดังนั้น ถือว่าเป็นพระเมตตาที่ท่านได้เสียสละ และลงมาทำงานให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้เกียรติตอบรับเป็นบัญชีนายกฯของพรรค ทษช.
ยันทำตาม รธน.ไม่เกี่ยว รบ.แห่งชาติ
เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกฯของพรรคต้องลงพื้นที่ไปช่วยสมาชิกพรรคหาเสียงด้วยหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า พรรค ทษช.มีนโยบายและมีแผนงานหาเสียงอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับท่าน คงต้องรอหลังจาก กกต.พิจารณาและตรวจสอบคุณสมบัติและประกาศอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นจะแถลงรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่าจะได้มาช่วยหรือไม่ อย่างไร เมื่อถามว่าปรากฏการณ์นี้จะนำไปสู่รัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพล ตอบว่า ตรงนี้เป็นไปตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ การพูดว่ารัฐบาลแห่งชาติคงไม่ใช่ เพราะเป็นเรื่องที่เราเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ให้ประชาชนได้ใช้สิทธิใช้เสียง ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่ารายชื่อที่พรรคเสนอจะสร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า ความได้เปรียบเสียเปรียบนั้นขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้พิจารณา ทุกพรรคมีสิทธิเสนอรายชื่อนายกฯเพื่อให้ประชาชนพิจารณา เราทำตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญทุกประการ เชื่อว่าไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด
ไม่กล้าออกตัวเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า คิดว่า ทษช.จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า อาจจะเร็วไปที่จะบอกว่าจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการลงคะแนนเสียงของ ประชาชน และคงต้องมีการพูดคุยหารือกันในพรรคที่มีแนวความคิดเดียวกัน ทษช.ชัดเจนว่าเราสนับสนุนประชาธิปไตย ทำทุกวิถีทางในการสกัดกั้นการสืบทอด อำนาจ ดังนั้นคงจะได้มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองที่มีแนวคิดแนวทางเดียวกัน หลังผลการเลือกตั้งออกมาเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ประชาธิปไตยเป็นสิ่ง ที่สวยงาม สามารถให้สิทธิเสรีภาพกับประชาชน ที่สำคัญประชาธิปไตยเป็นกุญแจที่จะพัฒนานำประชาชนและประเทศชาติไปสู่ความกินดีอยู่ดี แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อถามว่า เหตุใดทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ถึงเลือกพรรคไทยรักษาชาติ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า คงไปตอบแทนท่านไม่ได้ แต่เรียนว่าทางพรรคเองมีแนวความคิดที่ทันสมัย ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก และท่านเองเป็นผู้ซึ่งมีบุคลิก มีแนวคิดที่สอดคล้องกับพรรค ทษช. คงจะเป็นปัจจัยหนึ่งแต่ขออนุญาตที่จะไม่ไปพูดก้าวล่วง
โยน กกต.ตอบปมนำสถาบันมาหาเสียง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสเรียกร้องให้นายกฯต้องมาจาก ส.ส.เท่านั้น ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เราไม่ได้เป็นคนร่าง เป็นผู้เล่นตามกฎหมายที่เราไม่ได้เป็นคนร่าง ทุกอย่างที่เราดำเนินการชอบด้วยกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญทุกประการ พวกเราฝ่ายประชาธิปไตยไม่ว่ากฎกติกา จะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกเราพร้อมที่จะทำตามทุกอย่าง เมื่อวันนี้ผู้มีอำนาจและผู้เกี่ยวข้องเขียนกฎหมายมาเป็นแบบนี้เราก็ยื่นและเสนอตามขั้นตอน เมื่อถามว่าข้อห้าม กกต.ที่ห้ามนำสถาบันมาหาเสียง จะทำให้เป็นปัญหาหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า ขอให้ กกต. ตอบ เพราะเราได้พิจารณาตามกฎหมาย ฝ่ายกฎหมายพิจารณาแล้วคิดว่าไม่มีปัญหาทั้งสิ้น ขอให้ กกต.เป็นผู้ตรวจสอบ
ซาบซึ้งพระเมตตาอาสาช่วย ปชช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคไทยรักษาชาติ ออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯรับการเสนอชื่อเป็นนายกฯในนามพรรค มีเนื้อหาว่าพรรคไทยรักษาชาติรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับพระเมตตาจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯในนามพรรค ทูลกระหม่อมฯทรงจบการศึกษาปริญญาตรี และปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ คือ Mas-sachusetts Institute of Technology (MIT) และ University of California, Los Angeles (UCLA) ตามลำดับ ทรงใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียนขณะพำนักอยู่ ณ สหรัฐอเมริกา และทรงได้ลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 เมื่อกลับมาพำนักอยู่ที่ประเทศไทยได้จัดตั้งโครงการ To Be Number One เพื่อจูงใจให้เยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด เสด็จไปทั่วประเทศได้เห็นความทุกข์ยากของประชาชน และเป็นห่วงอยากมีส่วนช่วยเหลือให้คนไทยหลุดพ้นจากความยากจน ประกอบกับการเป็นผู้แทนส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมากว่า 10 ปี จึงทรงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะอาสามาทำหน้าที่นายกฯ เพื่อได้ช่วยเหลือประชาชน และประเทศชาติ โดยใช้ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมา
น้อมนำสร้างปรองดอง-อยู่ดีกินดี
แถลงการณ์ระบุอีกว่า ทูลกระหม่อมฯมีพระประสงค์ที่จะสร้างความเจริญให้กับประเทศ และความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชน ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัย ใหม่มาปรับใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม เพื่อให้ประเทศไทยทันสมัยทันโลก ยิ่งไปกว่านั้นคือการสร้างความสามัคคีปรองดองให้กับคนในชาติ นโยบายต่างๆของทูลกระหม่อมฯ พรรคไทยรักษาชาติ จะน้อมรับมาปฏิบัติอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ทำเนียบฯคึกคักสื่อรอคำตอบ “บิ๊กตู่”
ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศจำนวนมากต่างสนใจมารอฟังผลการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบรับเป็นผู้เสนอชื่อเป็นนายกฯในบัญชีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 08.49 น. ด้วยรถยนต์ส่วนตัวทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร ทันทีที่รถนายกฯเลี้ยวเข้ามานายกฯได้โบกมือให้กับผู้สื่อข่าวที่รอทำข่าวบริเวณริมถนนก่อนทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อนายกฯ ลงจากรถผู้สื่อข่าวตะโกนถามว่าจะมีแถลงข่าวตอบรับกี่โมง นายกฯ ไม่ได้หันมาตอบ เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันทีด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ส่งสารตอบรับทันควันนำทัพ พปชร.
ต่อมาทันทีที่พรรคไทยรักษาชาติ ยื่นเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯมหิดล เป็นนายกฯในนามพรรคต่อ กกต.เมื่อเวลา 09.10 น. จากนั้นเวลา 09.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีสารจากนายกฯ เผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน มีใจความว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน นับเป็นเวลากว่าสิบปี ก่อนที่ คสช.และรัฐบาลนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ พี่น้องทั้งหลายคงจำได้ว่าบ้านเมืองเราขณะนั้น ได้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง ประชาชนแตกแยกเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย บางครั้งเกิดความรุนแรงถึงขั้นใช้กำลังและอาวุธสงครามเข้าทำร้ายกัน การทำลายสถานที่ราชการ การทำลายการประชุมระดับชาติ จนเป็นอันตรายถึงชีวิตและทรัพย์สิน ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต และการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน ตลอดจนชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของประเทศชาติ สถานการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2557 ผลคือการพัฒนาประเทศ การลงทุนและเศรษฐกิจเกิดสภาวะชะงักงัน
ยก 4 ปีแก้ปัญหาหมักหมม–สงบสุข
สารของนายกฯระบุอีกว่า การใช้อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายขององค์กรอิสระ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ว่าตำรวจ ทหาร หรือพลเรือน ไม่สามารถกระทำได้ตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย การดำเนินโครงการและการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ รวมถึงการจัดทำงบฯปี 2558 มีข้อติดขัดทางกฎหมาย มีทั้งทำได้และทำไม่ได้ในบางเรื่อง ขณะนั้นไม่มีทางออกหรือแนวโน้มว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยได้อย่างไร นับเป็นวิกฤตการณ์ร้ายแรง และไม่เคยปรากฏขึ้นในประเทศมาก่อน เมื่อ คสช.และรัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ช่วง 4 ปีเศษที่ผ่านมาได้พยายามแก้ไขสถานการณ์จนกลับฟื้นคืนสู่สภาวะปกติ บ้านเมืองมีความสงบสุข อยู่รอดปลอดภัย ประชาชนดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ ประเทศพัฒนาขึ้นตามลำดับในทุกด้าน มีความมั่นคงทางการเมืองทั้งในและระหว่างประเทศ ไม่มีการชุมนุมประท้วงทางการเมือง หรือความเคลื่อนไหวใดๆ ที่กระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยรวม รัฐบาลบริหารประเทศได้อย่างมีเอกภาพ จนได้รับการยอมรับจากต่างประเทศว่าสามารถแก้ไขปัญหาหมักหมมของประเทศที่การเมืองปกติไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย หรือเนื่องจากเวลาการบริหารของแต่ละรัฐบาลสั้นและไม่ต่อเนื่อง ซ้ำยังเกิดปัญหาความขัดแย้งในสังคมอยู่เป็นระยะ
ชี้ต้องมีรัฐบาล–ผู้นำเป็นที่ยอมรับ
พี่น้องประชาชนที่รัก ประเทศชาติของเราจะต้องเดินไปข้างหน้า ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่ได้กำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศ เพื่อเป็นแนวทางและทิศทางของประเทศต่อไปในอนาคต เพื่อลูกหลานของเรา เพื่อเด็กๆในวันนี้จะได้มีอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า อยู่ในประเทศที่มี ความเจริญรุ่งเรือง มีความสงบสุขมั่นคง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราประชาชนทุกภาคส่วน จะต้องร่วมกันนำพาประเทศในช่วงเปลี่ยนแปลงอันสำคัญนี้ไปสู่จุดหมายปลายทางให้ได้ ที่สำคัญจะต้องมีรัฐบาลและผู้นำรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับ ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
ช่วงเวลาสำคัญตัดสินใจครั้งนี้ไม่ง่าย
ผมขอขอบคุณพรรคพลังประชารัฐที่ได้ให้เกียรติเชิญผมเข้าอยู่ในบัญชีชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกฯในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ ผมได้พิจารณาไตร่ตรอง และทบทวนอย่างรอบคอบแล้ว ในเรื่องนโยบายของพรรคว่าจะสามารถขยายผลสืบเนื่องสิ่งต่างๆที่ คสช.และรัฐบาลนี้ได้ดำเนินการ หรือวางแนวทาง หรือริเริ่มไว้ได้หรือไม่ อีกทั้งพิจารณาหลายๆ มิติที่เกี่ยวข้อง ทั้งในเรื่องนโยบายและมาตรการด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม การดูแลพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ความต่อเนื่องในการบริหารและพัฒนาประเทศ ในห้วงเวลาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังที่กล่าวข้างต้น รวมทั้งพิจารณาภาพรวมของพรรค ประกอบด้วยสมาชิกหลากหลาย เช่น ตัวแทนภาคประชาชนทั้งคนรุ่นใหม่ นักวิชาการ นักธุรกิจ ที่มีความรู้ความสามารถ ตลอดจนนักการเมืองที่มีประสบการณ์ ถึงแม้บางคนเคยเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองก็ตาม และพิจารณาโอกาสที่จะได้รับ ความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตามแนวทางประชารัฐ การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ง่ายนักเพราะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของประเทศ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ผม จะเป็นทหารมาตลอดชีวิต แต่ผมเป็นคนหนึ่งที่พร้อมจะสละชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย และผมมีความมั่นใจ ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะสามารถร่วมมือร่วมใจกับพี่น้องประชาชน นำพาประเทศของเราก้าวไปข้างหน้าด้วยกันได้อย่างมีความสงบสุข มีความ สามัคคี ไม่มีความขัดแย้งในสังคมอีกต่อไป
ย้ำไม่ได้มุ่งหวังสืบทอดอำนาจ
ดังนั้น ผมจึงขอตอบรับการเชิญโดยยินยอมให้พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกฯ ทั้งนี้ผมขอยืนยันว่า ผมมิได้มุ่งหวังจะสืบทอดอำนาจใดๆ เพียงแต่มุ่งหวังถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวมเป็นสำคัญอย่างแท้จริง โดยจะเร่งบริหารและพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป อย่างไรก็ตามผมมีความคาดหวังว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ เราจะได้รัฐบาลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล ไม่มีการใช้วัฒนธรรมการเมืองเดิมๆ ที่มีการต่อรองผลประโยชน์หรือตำแหน่งเพื่อกลุ่มของตนเอง เพื่อให้ได้คนดี มีความสามารถมาบริหารราชการ โดยทุกคนต้องเสียสละทำงานเพื่อส่วนรวมเท่านั้น ทั้งนี้ผมพร้อมจะร่วมมือทำงานกับทุกพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์และจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน” ขอขอบคุณพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง และขอให้ทำหน้าที่ด้วยความระมัดระวังภายใต้กฎหมาย และกติกาที่กำหนด สร้างมิตร สร้างความสามัคคี มุ่งทำบ้านเมืองให้เกิดสันติสุขเจริญรุ่งเรืองต่อไปอย่างยั่งยืน.............สวัสดี
อารมณ์ดีเต๊ะท่าเก๊กหล่อใส่สื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ออกสารนายกฯตอบรับคำเชิญพรรคพลังประชารัฐเป็นนายกฯในบัญชีพรรคแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ได้เก็บตัวเงียบตลอดทั้งวันทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า โดยไม่ได้มีภารกิจประชุมและมีบุคคลใดเข้าพบ จนกระทั่งเวลา 16.52 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางกลับ ก่อนขึ้นรถนายกฯได้หยุดพร้อมหันมาทางผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่ดักรอบริเวณด้านข้างทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมทำท่าเก๊กหล่อ ด้วยการชูนิ้วโป้งและนิ้วชี้ไว้ที่คางพร้อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนขึ้นรถออกไปทันที
“วิษณุ” เลี่ยงไม่ตอบบิ๊กเซอร์ไพรส์
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธทุกคำถามสื่อมวลชน ภายหลังพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ อยู่ในบัญชีชื่อผู้เสนอเป็นนายกฯของพรรค โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า “ขอไม่ตอบ และไม่มีความเห็นหากผมตอบได้ ผมตอบไปแล้ว แต่นี่ผมตอบไม่ได้” เมื่อถามย้ำว่าเซอร์ไพรส์หรือไม่ นายวิษณุถามกลับว่า “แล้วคุณเซอร์ไพรส์หรือไม่” เมื่อถามอีกว่านายวิษณุดูอึดอัดใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า “ไม่ล่ะ เฉยๆ”
“สมคิด” ว่าเป็นเรื่อง ปชต.ให้ ปชช.ตัดสิน
ที่กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯเป็นแคนดิเดตนายกฯว่า ไทยอยู่ในระบอบประชา-ธิปไตยก็ต้องอยู่ในเกม ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน หน้าที่ของตนคือเมื่อประเทศอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทำอย่างไรจะให้ประชาชนมั่นใจ ต่างประเทศมั่นใจ เป็นหน้าที่รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องทำเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประเทศ มีเรื่องสำคัญที่สามารถเรียกความเชื่อมั่นกับนานาประเทศได้ ทั้งการเตรียมจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก การเดินหน้าสู่การเลือกตั้งและการเป็นประธานอาเซียน สะท้อนศักยภาพโอกาสต่อนักลงทุน การเร่งปฏิรูปและผลักดันการลงทุนไม่ว่าจะเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใดเข้ามาทำงาน ถ้ารัฐบาลมีสมองต้องทำสิ่งที่ถูกต้องที่เป็นประโยชน์กับประเทศ คงไม่มีที่จะไม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก การส่งออก และโครงการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
ต่อมาเวลา 12.00 น. ให้สัมภาษณ์สั้นๆอีกครั้งที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อถูกถามกรณีพรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล เป็นนายกฯในบัญชีพรรค ถือเป็นเรื่องดีใช่หรือไม่ว่า “ก็ประชาธิปไตยไง” จากนั้นเดินเข้าห้องทำงานทันที
พปชร.เดินหน้าดันชื่อ “ประยุทธ์”
เมื่อเวลา 13.40 น. นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมแกนนำพรรคเดินทางไปที่สำนักงาน กกต.ยื่นบัญชีเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯในนามพรรค โดยนายอุตตมกล่าวว่า พรรคเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว ส่วนตนและนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองหัวหน้าพรรคถอนตัว เมื่อถามว่าบัญชีชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) มีผลต่อการตัดสินใจครั้งนี้อย่างไรบ้าง นายอุตตมกล่าวว่า ไม่ขอออกความเห็น ขอทำหน้าที่ของเรา ทุกพรรคมีสิทธิเสนอว่าที่นายกฯให้ประชาชน เราแค่เสนอรายชื่อตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เมื่อถามว่าพรรค พปชร.หนักใจหรือไม่ นายอุตตมตอบว่า เรา เดินหน้าให้ประชาชน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนพล.อ.ประยุทธ์จะช่วยพรรคหาเสียงหรือไม่อย่างไร พรรคต้องหารือต่อไปว่าอะไรที่จะทำได้ภายใต้ขอบเขตกฎหมาย และหลังจากที่พรรค ทษช.เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯยังไม่ได้คุย พล.อ.ประยุทธ์ จากนี้พรรคจะมีโอกาสพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคจะขึ้นรูป พล.อ.ประยุทธ์ในการหาเสียงเลยทราบว่าทำได้ ยืนยันพรรคจะเดินหน้าในการปฏิรูปประเทศ เดินหน้าตามแผนที่เรามี
ตั้งพรรคไม่ได้สืบอำนาจให้ใคร
เมื่อถามความมั่นใจเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายอุตตมกล่าวว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งแผนงาน ความมุ่งมั่นของพรรค เหมือนเดิมทุกอย่าง เราเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะที่เห็นว่าเป็นบุคคลเหมาะสมไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานการในหน้าที่อื่นของท่าน พรรคเราเกิดขึ้นจากการที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน เพื่อจะนำความสุขกลับมาสู่ประเทศชาติ ไม่มีการสืบทอดอำนาจให้ใคร พรรคนี้ไม่มีเจ้าของไม่เกี่ยวเลยกับการสืบทอดอำนาจไม่ว่ารูปแบบใด เมื่อถามว่าขณะนี้มีกระแสเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ นายอุตตมกล่าวว่า เรายังเหมือนเดิมทุกอย่างว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นวันที่ 24 มี.ค. ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่เคยมีแผน 2 มั่นใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจัดการกันได้ ยังมั่นใจว่าประชาชนคนไทยน่าจะให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ความเห็นแตกต่างกันได้แต่เชื่อว่าท่านเป็นคนที่เหมาะสมในสถานการณ์นี้ ประเทศชาติต้องการผู้นำ ให้ประเทศก้าวข้ามจุดเปลี่ยนแปลงหักเหนี้ไปให้ได้
มั่นใจ “นายกฯตู่” คือคนที่ ปชช.รัก
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ และนายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค พร้อมนางกานต์กษิตฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ลงพื้นที่หาเสียงย่านเยาวราช นายกอบศักดิ์กล่าวว่า เยาวราชเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญและเป็นจุดท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติสนใจ จึงมาคุยกับผู้นำชุมชนว่าจะพัฒนาพื้นที่อย่างไร กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบรับคำเชิญนั่งแคนดิเดตนายกฯเป็นข่าวดีของพรรค หลังแอบลุ้นมานาน มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นคนที่ประชาชนรักเป็นผู้นำที่กล้าหาญ ทำจริง ทำได้สำเร็จ
แถลงการณ์ยก “ลุงตู่” เหมาะที่สุด
เย็นวันเดียวกัน พรรคพลังประชารัฐออกแถลงการณ์ว่าตามที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อนายกฯพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำรัฐบาล ในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันต้องการความสงบสุข สามัคคี ไม่มีความขัดแย้งในสังคม เพื่อการแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนต่อไป ขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ที่ตัดสินใจตอบรับให้เสนอชื่อต่อ กกต.และมั่นใจว่าสมาชิกพรรคพี่น้องประชาชนมีความยินดีที่ พล.อ.ประยุทธ์จะได้ร่วมนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ตามแนวทางในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทั้งนี้เฟซบุ๊กพรรคพลังประชารัฐได้ขึ้นภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ และเขียนข้อความว่า “ทีมลุงตู่ ยกมือขึ้น” พร้อมติดแฮชแท็กว่า#ทีมลุงตู่
“ไพบูลย์” ร้อง ทษช.ขัดระเบียบ กกต.
สำหรับปฏิกิริยาของพรรคการเมืองต่างๆ เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงาน กกต. นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปประเทศ เข้ายื่นหนังสือถึง นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ขอให้ กกต.พิจารณาและวินิจฉัยการกระทำของพรรคไทยรักษาชาติว่าเข้าข่ายขัดต่อระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 หมวด 4 ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อ 17 ที่ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมืองหรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง โดยระบุว่าพรรคไทยรักษาชาติได้ยื่นเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ในบัญชีนายกฯของพรรค ย่อมต้องมีการนำพระนามของทูลกระหม่อมฯ ไปใช้ประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง แม้ว่าจะทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แล้ว ตั้งแต่ปี 2515 แต่ทูลกระหม่อมฯ ทรงเป็นเจ้าฟ้าชั้นทูลกระหม่อม จึงทรงเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประเพณีการปกครองของประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
งัดคำสั่งศาล รธน.สู้ทิ้งฐานันดรศักดิ์
นายไพบูลย์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 6/2543 ขอบเขตการบังคับใช้เกี่ยวกับหน้าที่ของบุคคลที่ต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในคำวินิจฉัยดังกล่าวมีข้อสรุปเพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ บทดังกล่าวไม่ใช้บังคับกับพระมหากษัตริย์ พระราชินีและพระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปโดยกำเนิดหรือจากการแต่งตั้ง ย่อมดำรงอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมือง ไม่ใช่เป็นเรื่องฐานันดรศักดิ์ แต่เป็นเรื่องฐานะโดยกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นพระราชโอรสหรือพระราชธิดา
ให้วินิจฉัยสั่งระงับเสนอพระนาม
เมื่อถามว่าทูลกระหม่อมฯ ทรงลงนามยินยอมให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯแล้ว นายไพบูลย์ กล่าวว่าไม่ขอก้าวล่วงประเด็นดังกล่าว มายื่นเรื่องให้ตรวจสอบพรรคไทยรักษาชาติ ประเด็นข้อกฎหมาย มีปัญหาเข้าข่ายที่ กกต.ควรรับไว้วินิจฉัย ผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับดุลพินิจ กกต.ถ้ามีปัญหาขัดต่อระเบียบดังกล่าว ขอให้ กกต.สั่งให้ระงับการเสนอพระนาม แต่ไม่ประสงค์ให้ยุบพรรค โดยเฉพาะช่วงใกล้มีการเลือกตั้ง ยิ่งไม่ต้องการให้พรรคใดถูกยุบ ส่วนตัวไม่มีปัญหากับพรรคไทยรักษาชาติ หัวหน้าพรรคกับตนเหมือนเป็นคนรุ่นหลาน การที่รีบยื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อไม่ให้พรรคไทยรักษาชาติทำผิดมากขึ้นไปกว่านี้
“วิม” ยันไม่ใช้รูปทูลกระหม่อมฯหาเสียง
ด้านนายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนา พรรณวดี เป็นนายกฯในนามพรรคว่า ขั้นตอนต่อจากนี้คงต้องรอให้ กกต.ประกาศรายชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯของพรรคการเมือง รวมถึงการตรวจสอบคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดให้เรียบร้อยก่อนภายในวันที่ 15 ก.พ. ขณะที่กิจกรรมทางการเมืองของพรรค คงต้องสุดแล้วแต่ทูลกระหม่อมฯจะทรงเมตตากับพรรคไทยรักษาชาติ แต่ยืนยันว่าพรรคจะไม่มีการนำรูปของทูลกระหม่อมฯไปโพสต์ลงในที่ต่างๆหรือใช้ในการหาเสียงหรือกล่าวอ้างใดๆแน่นอน พรรคจะเดินหน้าหาเสียงเหมือนเดิม ชูนโยบายของพรรคหาเสียงเหมือนเดิม
เช็กยิบกระแสสังคมบวกมากกว่าลบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคไทยรักษาชาติว่า หลังพรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อ ทูลกระหม่อม หญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกฯในนามพรรค แกนนำพรรคได้รวมตัวกันที่พรรคเพื่อจับตาดูกระแสสังคม หลังจากพรรคได้เปิดชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีไป ซึ่งกระแสตอบรับถือเป็นบวกมากกว่าลบ ขณะที่แนวทางการหาเสียงของพรรค หลังจากนี้จะรอดูการรับรองคุณสมบัติจาก กกต.ภายในวันที่ 15 ก.พ.ก่อนแล้ว จึงจะกำหนดทิศทางการหาเสียงต่อไป ส่วนกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ไม่เห็นด้วยกับการใช้พระนามในการเลือกตั้งนั้น พรรคไทยรักษาชาติไม่กังวลเพราะมั่นใจว่าทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมายครบถ้วน
ทษช.ปรับทัพส่งผู้สมัคร ส.ส.เพิ่ม 25 เขต
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคไทยรักษาชาติว่า เดิมทีพรรคไทยรักษาชาติส่งผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งจำนวน 150 เขต แต่เนื่องจากมีความพร้อมเรื่องผู้แทนประจำจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ทำให้เมื่อวันที่ 8 ก.พ. จึงมีการส่งผู้สมัครเพิ่มอีก รวมแล้วพรรคไทยรักษาชาติส่งผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งทั้งสิ้น 175 เขต
“อุ๊งอิ๊ง” โพสต์ไอจีให้กำลังใจ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลัง ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ยื่นเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกฯในนามพรรค ทำให้มีผู้เข้าไปถวายพระพรและถวายกำลังใจในอินสตาแกรม @nichax ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯกันเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้โพสต์คอมเมนต์ว่า “ขอเป็นกำลังใจเล็กๆ ในทุกๆเรื่อง ให้ทูลกระหม่อมตลอดไปเพคะ” ซึ่งทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ทรงตอบ น.ส.แพทองธารว่า “ขอบใจมากอิ๊งสำหรับกำลังใจที่ให้มาตลอด”
แจงใช้สิทธิสามัญชนพาประเทศรุ่งเรือง
ต่อมาเมื่อเวลา 16.31 น.ทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้โพสต์ข้อความตอบกลับคอมเมนต์ของประชาชนและกองเชียร์ที่แห่เข้ามาแสดงความคิดเห็นและส่งกำลังใจให้หลังมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯในนามของพรรคไทยรักษาชาติ ผ่านทางอินสตาแกรม @nichax ใจความว่า “ขอขอบคุณสำหรับความรัก และทุกกำลังใจ และความสนับสนุนจากพวกเราคนไทยทุกคน ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งที่สุด และอยากบอกว่าอยากเห็นพวกเราได้มีโอกาส มีสิทธิ์ที่จะมีโอกาส และมีความสุขในประเทศของเรา และขอชี้แจงว่า ดิฉันได้ลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ และอยู่ในฐานะสามัญชนแล้ว ดิฉันจึงขอใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างสามัญชนภายใต้รัฐธรรมนูญกฎหมาย และข้าพเจ้ายินยอมให้พรรคไทยรักษาชาติใช้ชื่อเพื่อเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเพียงการแสดงถึงสิทธิ เสรีภาพและความไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆเหนือปวงชนชาวไทยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หากแต่การกระทำครั้งนี้ ข้าพเจ้าได้กระทำด้วยความจริงใจและความตั้งใจเสียสละในการขอโอกาสนำประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง”
“ชัชชาติ” ไม่หวั่น หน.คสช.เดินหน้าชน
เมื่อเวลา 08.00 น. พื้นที่ตลาดสดสายเนตร รามอินทรา กม.8 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 14 พรรคเพื่อไทย หาเสียง บรรยากาศคึกคักเข้มข้นมีประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก โดยนายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ตอบรับเป็นนายกฯในนามพรรคพลังประชารัฐ จะส่งผลกระทบต่อการเมืองไทยขณะนี้หรือไม่ว่าไม่มีอะไรและไม่มีความกังวล ถือเป็นแคนดิเดตนายกฯคนหนึ่ง ไม่ส่งผลอะไรกับตนอยู่แล้ว เชื่อว่าที่ผ่านมาประชาชนเห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ตนเคารพการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่มีความกังวล ทุกคนคือแคนดิเดตนายกฯเหมือนกันหมด เมื่อตอบรับอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ลงมาเดินตลาดรับฟังความคิดเห็นและปัญหาของประชาชน จะได้เข้าใจความเดือดร้อนของชาวบ้านมากขึ้น ส่วนการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยรักษาชาตินั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย แต่มีข้อดีมีตัวเลือกให้ประชาชนมากขึ้น
เพื่อชาติไหว้ศาลหลักเมืองเอาฤกษ์
เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมแกนนำพรรค เดินทางไปสักการะองค์พระหลักเมืองและเทพารักษ์ทั้ง 5 เอาฤกษ์เอาชัยเสริมสิริมงคลให้ก่อนเดินทางไปยื่นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกฯในนามพรรคต่อ กกต. โดยนายสงครามให้สัมภาษณ์ว่าพรรคเพื่อชาติส่งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 รายชื่อ ส่วนบัญชีเเคนดิเดตนายกฯพรรคพร้อม แต่รอดูแคนดิเดตนายกฯทุกพรรคก่อน หากมีผู้เหมาะสมหรือเห็นว่าเหมาะสมแล้วพรรคจะยื่นหรือไม่ก็ได้ อาจสนับสนุนบุคคลนั้นด้วย อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อชาติไม่เน้นจำนวน ส.ส.ที่จะได้ แต่เน้นการทำงานเพื่อประเทศ คาดว่าจะได้รับ ส.ส.ตามสมควร ส่วนผู้สมัคร ส.ส.ที่เปลี่ยนชื่อเป็นทักษิณและยิ่งลักษณ์ ทางพรรคไม่ทราบมาก่อน แต่ถือว่าเป็นสิทธิที่ทำได้
เปลี่ยนใจไม่ส่งชื่อท้าชิงนายกฯ
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. ที่สำนักงาน กกต. นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคเพื่อชาติไม่ได้เสนอชื่อนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯตามที่ตั้งใจไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากพรรคพิจารณาบริบทความเหมาะสมปัจจุบันในการเสนอชื่อนายกฯอย่างรอบคอบแล้ว จึงขอสงวนสิทธิ์ยื่นชื่อแคนดิเดตนายกฯ แต่ยืนยันส่งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 150 ชื่อเช่นเดิม
อัดประโยชน์ทับซ้อนบี้นายกฯไขก๊อก
เมื่อเวลา 17.30 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค แถลงกรณีพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบัญชีนายกฯว่า พรรคอนาคตใหม่ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากทั้งตำแหน่งนายกฯและหัวหน้า คสช.เพราะการดำรงตำแหน่งทั้งสองในขณะจัดการเลือกตั้งทั่วไป เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน และส่งผลให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สามารถดำเนินไปได้โดยเสรีและเป็นธรรม เพราะรัฐบาลมีอำนาจเต็มและหัวหน้า คสช. มีอำนาจมาตรา 44 และมีอำนาจแต่งตั้ง ส.ว. ที่โหวตเลือกนายกฯได้ด้วย ดังนั้น เราเรียกร้องให้การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องดำเนินไปอย่างเสรี เป็นธรรมและแข่งขันกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นกระบวนการสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย
ตั้ง รบ.แห่งชาติ อนค.จะเป็นฝ่ายค้าน
“ทั้งนี้ ยืนยันว่าหากพรรคอนาคตใหม่ได้เสียงข้างมากเพียงพอ เราพร้อมเป็นรัฐบาล แต่หากเกิดกรณีจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติที่รวบรวมทุกพรรคการเมืองเข้าด้วยกัน พรรคอนาคตใหม่พร้อมเป็นฝ่ายค้านคอยตรวจ สอบการใช้อำนาจของรัฐบาลด้วย” นายปิยบุตรกล่าว
ปชป.ปิดปากเงียบไล่ตรวจข้อ ก.ม.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลังแกนนำพรรคไทยรักษาชาติยื่นบัญชีแคนดิเดต นายกฯของพรรคเป็นชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ตอบรับคำเชิญขึ้นบัญชีแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐนั้น แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรค นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ต่างวิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมืองไทย โดยเห็นพ้องว่าจะไม่วิพากษ์ วิจารณ์กรณีนี้ต่อสาธารณชน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เมื่อมีการลงสมัครโดยเจ้าตัวได้ยินยอมตอบรับด้วย แต่ได้ให้ทีมกฎหมายตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อาทิ กฎหมายเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญ
เช็กโซเชียลแบ่ง 2 ขั้วเร่งปรับทริก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์กระแสสื่อทางโซเชียลมีเดีย พบว่ากระแสความนิยมในสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ที่พบว่ากระแสสังคมแบ่งเป็นสองฝ่ายชัดเจน มีทั้งฝ่ายเชียร์พรรคไทยรักษาชาติกับฝั่งที่เชียร์พรรคพลังประชารัฐ โดยกระแสฝ่ายคนเสื้อเหลือง และกลุ่มองค์กรปกป้องรักสถาบันฯ อาทิ องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน มีคนเข้ามาแสดงความเห็นเชียร์และจะเทคะแนนเลือกพรรคพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อจำนวนมาก ขณะที่กระแสการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนเท่าที่ควร ถึงเป็นการบ้านที่ฝ่ายบริหารพรรคประชาธิปัตย์จะต้องเร่งสร้างกระแส หรือย้ำจุดยืนการเป็นตัวเลือกหลักของประชาชน
“มาร์ค”ส่ายหน้าไม่ขอวิจารณ์
ผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์ความเห็นจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค แต่ได้รับการปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ ขณะที่นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้สอบถามความเห็นของสื่อมวลชนและฝ่ายต่างๆ เพื่อประมวลข้อมูลข่าวสาร ท่ามกลางกระแสข่าวความไม่แน่นอนทางการเมืองว่าจะเป็นอย่างไร
“ชวน” เจ็บปวดลูกพรรคถูกดูด 17 คน
เวลา 17.00 น. ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์จัดปราศรัยใหญ่เป็นครั้งแรก พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กลุ่มคนรุ่นใหม่ “นิวเดม” โดยมีสมาชิกพรรคและประชาชนร่วมรับฟังราว 1,000 คน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยว่าพรรคถูกดูดอดีต ส.ส. 17 คน อุดมคติเป็นเรื่องจำเป็นแต่ใช่ว่าจะมีทุกคน พูดเรื่องนี้ก็เจ็บปวด สมัย “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ถนนภาคใต้เลวที่สุดในประเทศ ถ้าใครจัดงบฯซ่อมแซมถนนภาคใต้จะถูกย้ายทันที เป็นการแบ่งแยกเลือกปฏิบัติ ขออย่าให้มีพรรคใดทำอีกเพราะเราล้วนเป็นคนไทยแบ่งแยกกันไม่ได้
สัปดาห์หน้าถกคุณสมบัติว่าที่นายกฯ
ด้านนายณัฐฏ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯว่า การตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเป็นอำนาจของ ผอ.กกต.เขต ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ กฎหมายเขียนชัดว่าเป็นอำนาจของ กกต. แต่คุณสมบัติของผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ กกต.ยังเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า กกต.มีอำนาจพิจารณาหรือไม่ หรือมีอำนาจเพียงประกาศรายชื่อตามที่พรรคเสนอมา แต่เบื้องต้นเท่าที่อ่านกฎหมายน่าจะมีอำนาจแค่ประกาศ
ฝ่าย ก.ม.ดูได้แค่ประกาศหรือตรวจสอบ
นายณัฐฏ์กล่าวอีกว่า สำนักงานฯกำลังศึกษาข้อกฎหมายทั้งหมด และจะเสนอต่อที่ประชุม กกต.พิจารณาในสัปดาห์หน้า หาก กกต.เห็นว่ากฎหมายให้อำนาจ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติได้ จะนำคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.มาเป็นหลักในการพิจารณา เพราะเป็นคุณสมบัติเดียวกันร่วมกับคุณสมบัติของรัฐมนตรี รวมถึงจะไปดูว่ามีคำร้องว่าขอให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อรายใดหรือไม่ ปัจจุบันมีการยื่นคำร้องปรากฏทางสื่อ เป็นการร้องเรื่องการนำสถาบันฯมาใช้หาเสียง ไม่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อ กกต.ประกาศรายชื่อ ของผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯแล้ว ผู้ที่ไม่ได้รับการประกาศชื่อ ไม่สามารถใช้สิทธิร้องศาลได้
ชิงนายกฯ 52 คน 15 ก.พ.ลุ้นประกาศชื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและการเสนอชื่อบัญชีนายกฯในวันสุดท้าย ที่สำนักงาน กกต. บรรยากาศตลอดทั้งวันเป็นไปอย่างคึกคัก มีพรรคการเมืองเดินทางมายื่นเอกสารตั้งแต่ช่วงเช้าจนกระทั่งปิดรับสมัคร เวลา 16.30 น. แต่ยังคงมีพรรคการเมืองรอการตรวจเอกสารรับรองของ กกต.เพื่อความถูกต้องเรียบร้อย สรุปยอดการรับสมัคร ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการรวมทั้ง 5 วัน พบว่า มีผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตทั้งหมด 80 พรรค รวมผู้สมัคร 11,128 คน ส่วนแบบบัญชีรายชื่อ 72 พรรค ผู้สมัคร 2,718 คน เสนอชื่อนายกฯ 33 พรรค จำนวน 52 รายชื่อ โดยเฉพาะการรับสมัครในวันสุดท้าย มีผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต 985 คน การสมัครแบบบัญชีรายชื่อมีผู้สมัคร 851 คน จาก 43 พรรค ยื่นเสนอรายชื่อนายกฯ 7 พรรค บัญชีนายกฯ 9 รายชื่อ โดยวันที่ 15 ก.พ. กกต.จะประกาศรายชื่อ แจ้งเป็นผู้มีสิทธิสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงผู้
ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่
“มีชัย” ร่ายกลอนให้สติอย่าตระหนก
เที่ยงวันเดียวกัน เฟซบุ๊กคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ได้โพสต์บทกลอนของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีเนื้อหาว่า อย่าตระหนก! “ยามบ้านเมืองมีปัญหา อย่าตระหนก เก็บความอกสั่นหวั่นไหวเอาไว้ก่อน รักษาความเยือกเย็นเป็นสาคร ค่อยๆย้อนมองหาสาเหตุใด ตั้งสติดำริมั่นหันมาคิด พลังจิตทบทวนอย่างครวญใคร่ หากร่วมมือร่วมแรงและร่วมใจ ย่อมฝ่าฟันกันไปได้ทันการณ์”
ส.อ.ท.ดูที่นโยบายเมินชื่อนายกฯ
สำหรับปฏิกิริยาภาคเศรษฐกิจ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังจากที่แต่ละพรรคการเมืองได้ยื่นบัญชีรายชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคต่อ กกต.ว่า ต้องรอดูนโยบายแต่ละพรรคการเมืองจะออกมาว่า ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง ดูแล บ้านเมืองให้สงบ และดูแลประชาชนอย่างไร
เงินบาทอ่อนค่าทันตาเห็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การซื้อขายค่าเงินบาทวันที่ 8 ก.พ. ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 31.28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงจากปิดตลาดวันก่อนที่ 31.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ มีแรงซื้อขายเข้ามาปกติ ทันทีที่พรรคการเมืองยื่นบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคต่อ กกต.มีแรงเทขายดอลลาร์สหรัฐฯออกมาทำให้ค่าเงินบาทได้อ่อนลงทันที 0.20 บาทต่อดอลลาร์ หรือเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากนั้นก็มีแรงซื้อเข้ามาค่าเงินบาทกระเตื้องขึ้นมาอยู่ที่ 31.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนจะมีแรงขายอีกรอบทำให้ค่าเงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31.49 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงจากเดือน ม.ค. 0.60% และยังสวนทางกับค่าเงินของประเทศเพื่อนบ้านต่างแข็งค่าขึ้นถ้วนหน้า 0.3-0.4%
หุ้นแกว่งปกติ ชื่อนายกฯแค่สีสัน
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 8 ก.พ.62 ในการซื้อขายช่วงเช้าตลาดอ่อนตัวลงโดยติดลบไปกว่า 14 จุด หลังการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งส่งผลต่อจิตวิทยาในการลงทุน เนื่องจากนักลงทุนเกิดความสับสนไม่แน่ใจว่าเป็นผลบวกหรือ ลบจึงเทขายออกมาก่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นก็มีแรงซื้อกลับในหุ้นรายตัวที่ราคาปรับตัวลงมากจนต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น โดยปิดตลาดดัชนีแกว่งตัวมาที่ 1,651.68 จุด ลดลง 1.43 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 56,862.15 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 647.42 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 1,511.45 ล้านบาท ขณะที่กองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,775.14 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 383.73 ล้านบาท
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 พรรคการเมืองเปิดเผยแคนดิเดตนายกฯเป็นเพียงสีสันของการเมือง โดยให้ความสำคัญกับภาพรวมการเลือกตั้งมากกว่าตัวบุคคล
“กลุ่มชินฯ” สวนตลาดขยับขึ้นยกแผง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ตลาดหุ้นจะปรับตัวลง กลับปรากฏว่าหุ้นในกลุ่มตระกูล “ชินวัตร” ที่มีคน หรือบริษัทของตระกูลชินวัตรถือหุ้นใหญ่ปรับตัวขึ้นเกือบทั้งหมด นำโดย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ปิดตลาดที่ราคาสูงสุดของวันที่ 188 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ปรับขึ้น 1.50 บาท มาที่ 57 บาท บมจ. ไทยคม (THCOM) ปิด 8.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) ปิด 3.16 บาท บวก 0.12 บาท และหุ้นน้องใหม่ของตระกูลที่เพิ่มเข้าซื้อขายในตลาด คือ บมจ.โรงพยาบาลพระราม 9 (PR9) ปิดที่ 12 บาท บวก 0.40 บาท
สื่อนอกประโคมอะเมซิ่งการเมืองไทย
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศทั่วโลก พากันประโคมข่าวกรณีพรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่น บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี เสนอชื่อทูลกระหม่อม หญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกฯ และทูลกระหม่อมหญิงฯแถลงรับในเวลาต่อมาผ่านอินสตาแกรม โดยสำนักข่าวเอพี เอเอฟพี รอยเตอร์ ต่างระบุว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภาพการเมืองไทย ขณะที่สำนักข่าวซีซีเอ็น เขียนโดยนางเฮเลน เรแกน ระบุเป็นการทำให้สถาบันกษัตริย์มีบทบาทชัดเจนในการเมือง
นักวิเคราะห์มึนเกมสมานฉันท์หรือดึงเสียง
ด้านรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์เขียนโดยนายจอห์น ชาลเมอร์ส และนายโรเบิร์ต บีร์เซล ตั้งคำถามด้วยว่า การเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงฯ ได้รับพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร หรือไม่ ทั้งนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญยังคงสับสนว่าการเสนอชื่อ เป็นแผนการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้การสนับสนุน เพื่อพยายามสมานความแตกแยกทางการเมือง หรือเป็นการเดิมพันของขั้วการเมืองนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการดึงคะแนนจากฝ่ายสนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์
สงสัยมาตรา 112 เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี ไม่ระบุชื่อคนเขียน ตั้งคำถามอีกว่า จากการที่สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ได้รับการคุ้มครองด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น จะครอบคลุมไปถึงทูลกระหม่อมหญิงฯด้วยหรือไม่ เพราะแม้ว่าทูลกระหม่อมหญิงฯจะได้สละฐานันดรศักดิ์ไปแล้ว แต่ก็ยังถูกมองเป็นสมาชิกราชวงศ์ และร่วมออกงานพระราชพิธีสำคัญอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ที่ผ่านมา เป็นการตีความสถาบันพระมหากษัตริย์แบบครอบคลุม และจากกรณีนี้การรายงานข่าวของสื่อมวลชน การหาเสียง หรือการพูดคุยถึงทูลกระหม่อมหญิงฯในทางสาธารณะ จะมีขอบเขตมากน้อยแค่ไหน
บีบีซีชี้โจมตีกองทัพสกัดขั้วทักษิณ
ส่วนนายโจนาธาน เฮด จากสำนักข่าวบีบีซี อังกฤษ ระบุว่า การตัดสินใจของทูลกระหม่อมหญิงฯ ถือเป็นการแหวกประเพณีราชวงศ์ไทยที่มีจุดยืนอยู่เหนือการเมือง ทั้งการที่ทูลกระหม่อมหญิงฯตัดสินใจวางตัวอยู่ขั้วนายทักษิณ ได้ทำให้การเมืองไทยแทบจะกลับหัวกลับหาง และมองได้ว่าเป็นการโจมตีโดยตรงต่อยุทธศาสตร์การเมืองของกองทัพที่ต้องการสกัดกั้นขั้วนายทักษิณไม่ให้ชนะการเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 22.40 น. สถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท) มีประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพย วรางกูร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นศูนย์รวมและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทย พระมหากษัตริย์และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ทรงดำรงสถานะอยู่เหนือการเมืองและทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด ดังเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งว่าตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความผาสุกและความอยู่ดีกินดีของประชาชน ทรงปกครองประเทศด้วยทศพิธราชธรรม และนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤติต่างๆไม่ว่าจะเป็นภัยก่อการร้าย ภัยพิบัติ และภัยที่เกิดจากวิกฤตการณ์ทาง การเมืองในประเทศ ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขและดูแลปกป้องประชาชนด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระมหากรุณาอย่างมิอาจประมาณได้ ประชาชนทุกหมู่เหล่าเคารพรักและเทิดทูนพระองค์เสมือนด้วยบิดา จึงทรงเป็น “พ่อแห่งแผ่นดินโดยแท้จริง”
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทั้งยังเป็นพระเชษฐภคินีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์แม้จะทรงกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไปแล้วตามกฎมณเฑียรบาล โดยได้กราบบังคมทูลพระกรุณาลายลักษณ์อักษร หากยังทรงสถานะและดำรงพระองค์ในฐานะสมาชิกแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงเป็นที่รักใคร่ของสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนี ตลอดจนเป็นที่เคารพยกย่องของพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์และประชาชนชาวไทยมาอย่างต่อเนื่อง และการประกอบพระกรณียกิจต่างๆนั้นทรงปฏิบัติด้วยการถวายงานของข้าราชการในพระองค์ และหน่วยราชการต่างๆของหน่วยราชการในพระองค์ตลอดมา การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมืองไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
อนึ่ง บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญรวมทั้งฉบับปัจจุบัน มีหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์เป็นการเฉพาะ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่รองรับสถานะพิเศษของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่เหนือการเมืองและทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดกล่าวหา หรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆมิได้ ซึ่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญดังกล่าว ย่อมครอบคลุมถึงพระราชินี พระรัชทายาทและพระบรมราชวงศ์ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ ดังที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจร่วมกับพระองค์หรือแทนพระองค์อยู่เป็นนิจ ดังนั้นพระราชินี พระรัชทายาท และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์จึงอยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วย และไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆในทางการเมืองได้ เพราะจะเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขประกาศ ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน