หลังมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ "ไทยรักษาชาติ" ยื่นพระนาม "ทูลกระหม่อมหญิง" เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อนายกฯ ได้เป็นความหวังของสังคมไทย สู่ความปรองดอง มาช่วยสมานความขัดแย้ง แก้ปัญหาของประเทศและประชาชน
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการและผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. นี้มีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศ อนาคตประชาธิปไตยไทย ความรุ่งเรืองก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ความสงบสุขของสังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยิ่ง หลังจากที่พวกเราชาวไทยอยู่ภายใต้ระบอบรัฐประหารมาเป็นเวลาเกือบ 5 ปีถูกปิดกั้นเสรีภาพ ถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม และประสบภาวะความยากลำบากทางเศรษฐกิจพร้อมกับความเหลื่อมล้ำเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ได้เสนอข้อเรียกร้องและความคิดเห็นต่างๆ ให้ทุกภาคส่วนในสังคมโดยเฉพาะ กกต. และรัฐบาล ต้องทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้บริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนยอมรับผลการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งโดย คสช. ต้องงดออกเสียงในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมมีความสำคัญอย่างมากต่ออนาคตของประเทศและเป็นพื้นฐานสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจ การขยายตัวของการลงทุน ความก้าวหน้าและความสงบสุขของสังคม
ส่วนการเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ ทำให้หัวหน้า คสช. มีสถานภาพที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงขอให้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า คสช. และให้ผู้อื่นใน คสช .ปฏิบัติหน้าที่แทน และในขณะนี้ไม่เห็นมีความจำเป็นใดๆ ในการดำรงอยู่ของ คสช. เพื่อประกันความมั่นคง เพราะหน่วยงานความมั่นคงในระบบราชการ สามารถทำหน้าที่ประกันความมั่นคงได้ในช่วงก่อนเลือกตั้ง ระหว่างเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งก่อนได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
...
นอกจากนี้ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติหน้าที่เป็น “รัฐบาลรักษาการ” เพื่อแสดงความเคารพต่อประชาชนเจ้าของประเทศผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหลาย ไม่ดำเนินการอนุมัติโครงการต่างๆ ที่มีภาระผูกพันต่อรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง หรือใช้จ่ายเงินงบประมาณจำนวนมากในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หรืออนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่ อนุมัติสัมปทานต่างๆ อย่างเร่งรีบเร่งรัด โดยปราศจากการพิจารณาอย่างรอบคอบ โครงการและสัมปทานต่างๆ ที่กำลังรอพิจารณาอยู่นั้นควรส่งมอบต่อให้คณะรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนซึ่งจะอยู่ภายใต้ระบบที่มีการตรวจสอบถ่วงดุลโดยฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการประกาศบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้สังคมไทยเกิดความชัดเจนและเกิดทางเลือกในการร่วมกันกำหนดผู้นำประเทศ โดยเฉพาะการที่พรรคไทยรักษาชาติได้ยื่นพระนาม ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นผู้สมัครในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีนั้น ทำให้เกิดความหวังว่า หลังการเลือกตั้งทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ จะมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้นำทางการเมือง ในการนำพาสังคมไทยสู่ความปรองดองสมานฉันท์และความสงบสุขได้
ทั้งนี้ พระองค์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจนานานัปการในด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง พระองค์ทรงใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน หลังจากลาออกจากฐานันดรศักดิ์ตั้งแต่ปี 2515 การที่พระองค์ท่านทรงเสียสละอาสา เพื่อเสนอตัวทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี จึงเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมไทยเกิดความหวังและเห็นทางออกสำหรับบ้านเมืองในอนาคต และพระองค์จะทรงอยู่ในฐานะคนกลางจะช่วยสมานความขัดแย้งและเป็นพลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาของประเทศและประชาชน พระเมตตาครั้งนี้จะช่วยวางรากฐานต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขให้มั่นคงเข้มแข็ง นำพาประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของเราทั้งหลายก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วไม่น้อยหน้าประเทศใดๆ ในภูมิภาคนี้
“ภายใต้พลวัตทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงล่าสุดนี้ จะทำให้กองทัพเป็นกองทัพ ของทหารอาชีพ ไม่ใช่นักการเมือง ในเครื่องแบบทหารอีกต่อไป และพวกเราน่าจะมีความหวังว่าประเทศไทยจะไม่มีรัฐประหารอีกต่อไปในอนาคตข้างหน้า ปัญหาของบ้านเมืองและวิกฤตการณ์ต่างๆ ต้องแก้ภายใต้กลไกรัฐสภา ภายใต้กฎหมาย ประเทศไทยจะยึดหลักนิติธรรมและมีความเป็นนิติรัฐมากขึ้นอันเป็นพื้นฐานสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน” นายอนุสรณ์ กล่าว