ตำนานเล่าขานการเมืองยุคพระเจ้าเหา เอารองเท้าแตะไปมัดจำซื้อเสียงกับชาวบ้าน ก่อนเลือกตั้ง เอาข้างซ้ายไปให้ ถ้าได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรค่อยมาเอาข้างขวาไปให้ครบคู่

ดูเป็นเรื่องตลกร้ายของการเมืองแบบไทยๆที่เล่าเมื่อไหร่ขำเมื่อนั้น

แต่มาถึงวันนี้ การเลือกตั้งยุคดิจิทัล 4.0 ต่อเนื่อง 5.0 พระเจ้าเหาไปเกิดใหม่ การเลือกตั้งแบบไทยๆวนมาถึงจุดที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมืองบางพรรค

แห่เปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”

โดยไม่เกี่ยวกับเรื่องหมอดูทัก ไม่ใช่เอาเคล็ด ไม่เป็นอาการอุปาทานหมู่

แต่มันคือ “ความเชื่อส่วนตัวบุคคล” ที่อาจโดนพวกไม่เชื่อ “ลบหลู่” ด้วยอารมณ์หมั่นไส้ กับเป้าหมายเพียงเพื่อให้กองเชียร์ระดับ “สาวก” ของอดีตนายกฯทักษิณกับอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้จดจำง่ายๆ

ตาสี ยายสา ยายมา ตามี กาบัตรแบบไม่ต้องท่องจำ

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด แต่ที่ไม่แน่จะผิดแผนผิดคิวหรือไม่ เพราะตามเสียงสะท้อนส่วนใหญ่

ออกไปทาง “บ้องตื้น” ออกแนวขำๆมากกว่าจะเอาเป็นสาระ

เรื่องของเรื่อง นัยมุมหนึ่งมันก็คือเกมการตลาดตื้นๆในการโหมกระแส แห่กันเอง ตอกย้ำความฮอตฮิตระดับ “เข้าเส้นเลือด” ของยี่ห้อ “ทักษิณ–ยิ่งลักษณ์”

ความนิยมฝังลึก ถอนรากถอนโคนยาก

แต่อีกนัย มันก็เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนอาการ “หมดมุก” ยุทธศาสตร์แห่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์–ทักษิณ” เกมของพรรคเพื่อชาติ “นอมินีสายเสื้อแดง” ที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช กองเชียร์คนสำคัญ ชูธงประกาศอุ้ม “นายใหญ่กลับบ้าน” เป็นรอบที่ 4

...

ยี่ห้อ “เพื่อชาติ” ต้องโหน “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ตีกินกระแส

เพราะโดยลำพังกำลังของขุมข่ายเสื้อแดงไม่ฮอตพอ ปั่นแต้มไม่ขึ้น และโดยอาการที่ว่ายังรวมไปถึงพรรคไทยรักษาชาติ ตัวย่อ ทษช. พะยี่ห้อ “ทักษิณชัวร์” ที่ไม่ติดตลาด

เรตติ้งไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่คาดกันไว้

เช็กข่าววงใน โพลดูไบจ้างฝรั่งทำ มีแต่ยี่ห้อเก่า “เพื่อไทย” ที่ติดลมบน แต่พรรคไทยรักษาชาติไต่อยู่ในระดับเลขตัวเดียว เร่งเครื่องไม่ขึ้น นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงยี่ห้อ “เพื่อชาติ” ข้าวนอกนาของกลุ่มเสื้อแดงที่หลุดวงโคจร เรตติ้งต่ำเตี้ยติดดิน

แผนแตกแบงก์พัน เก็บตกแต้มปาร์ตี้ลิสต์ผิดคิว

ไหนจะรายการเปิดศึกชนกันเองเฉพาะระหว่างสาขาหลักอย่างพรรคเพื่อไทย กับสาขารองคือไทยรักษาชาติก็ปาเข้าไปกว่า 50 เขตเลือกตั้ง ยังไม่นับที่ทับซ้อนกับสาขาแฝงยี่ห้อ “เพื่อชาติ”

โอกาสตัดแต้ม “โหลด” น้ำหนักกันเองซะมากกว่า

โดยเงื่อนไขสถานการณ์มันย้อนแย้งกับฉากทีมงานดูไบ

เครือข่ายพะยี่ห้อ “ทักษิณ” ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ นัดคิวเดินทางเข้ายื่นสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อต่อ กกต.พร้อมๆกัน

กระตุกฟอร์มของทีมจะรวมพลังกันจัดรัฐบาล

ชิงพลิกขั้วอำนาจคืนกลับมาอยู่ในมือ “นายใหญ่”

แต่โฟกัสไปที่คิวของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นำขบวนแกนนำทีมเอของ “ทักษิณ” เข้ายื่นสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมแนบบัญชีนายกฯพรรคเพื่อไทย

จุดสังเกต ไม่มีชื่อ “ชัชชาติ” อยู่ในโพยปาร์ตี้ลิสต์

“มนุษย์แกร่งสุดในปฐพี” มีหน้าที่แค่ “เชียร์แขก” กู้เรตติ้ง

ตำแหน่งล็อกเจาะจงคือ “นอมินีเบอร์หนึ่ง” ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเท่านั้น

ด้วยเกรดมือบริหารอาชีพ ไม่ลดชั้นไปนั่งเป็น ส.ส.นั่งตบยุงเป็นฝ่ายค้านในสภา

อารมณ์แบบที่เจ้าตัวนายชัชชาติพูดตรงๆเลยว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นฝ่ายบริหาร ตนเองไม่ถนัดที่จะเข้าไปทำงานงานฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ขอมีบทบาทอยู่วงนอกเรื่องคิดนโยบาย

เป้าหมาย ตั้งธงไว้ที่การลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.

แบไต๋กลายๆ เกมลุ้น “นายกฯ” ชิงพลิกขั้วอำนาจ ก็แค่“คิวแทรก” ตามไฟต์บังคับ ช่วยกู้เรตติ้งทีม “นายใหญ่” เป็นตัวแทน “น้องปู–เจ๊แดง” เบียดประกบ “เจ๊หน่อย”

ถ้างานกร่อย “ทักษิณ” พลิกขั้ว ชิงอำนาจประเทศไทยไม่ได้

“มนุษย์แกร่งสุดในปฐพี” ก็ลดชั้น กลับไปชิงผู้ว่าฯเมืองกรุงแผนเดิม.

ทีมข่าวการเมือง