58 พรรคสมัครวันแรก 5,831 คน นศ.โต้ ‘ตู่’ ตกตํ่าเพราะทำตัวเอง ปูอวยพรขอให้ได้ รบ.จาก ปชช.
กกต.ปลื้มเปิดรับสมัคร ส.ส.วันแรกสงบเรียบร้อย ไร้เหตุผิดกฎหมาย 58 พรรคส่งผู้สมัคร ส.ส.เขต 5,831 คน ทิ้งปี 2554 ไม่เห็นฝุ่น ปชป.ส่งสูงสุด 341 เขต พลังประชารัฐ 335 เขต เสรีรวมไทย 333 เขต อนาคตใหม่ 330 เขต และภูมิใจไทย 325 เขต เขต 9 ขอนแก่นมีผู้สมัครมากถึง 27 คน สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไร้เงาพรรคใหญ่ “ไอติม” เฮงวันตรุษจีนได้เบอร์ 8 “เก่ง การุณ” เฮได้เลข 1 พปชร.คุยยึด ส.ส.เมืองกรุงไม่ต่ำกว่า 10 คน ฮือฮาผู้สมัคร “เพื่อชาติ” 15 คน 8 จังหวัดซุ่มเปลี่ยนใช้ชื่อ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” โคราชมากสุด 4 คน “อารีย์” อ้างชาวบ้านจำง่าย แก้เกมรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. “จิรโรจน์” ยกชื่อใหม่เป็นสิริมงคล “จรุงวิทย์” อึ้งโยนฝ่ายกฎหมายตรวจสอบ “ปู” อวยพรตรุษจีนปีทองได้กาบัตร กลุ่มล้อการเมืองโต้ทหารห้ามล้อเลียน “บิ๊กตู่” ต้องเปิดใจฟัง อัดคนแก่ไม่ปล่อยวางอำนาจ
เปิดรับสมัคร ส.ส.วันแรกบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีการจัดขบวนแห่หรือกิจกรรมรื่นเริงที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง กกต.เผยมียอดผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบเขตแล้ว 5,831 คน มากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2554
รับสมัคร ส.ส.กทม.ไร้ขบวนแห่
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.เวลา 04.20 น. ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) บรรยากาศการรับสมัคร ส.ส.กทม. 30 เขต เริ่มคึกคักขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้ามืด มีพรรคการเมืองทยอยเดินทางมาพร้อมรถแห่มาจอดรออยู่โดยรอบสนามกีฬา แต่ไม่มีการใช้เครื่องขยายเสียงเปิดเพลงหาเสียง ไม่มีขบวนกองยาว หรือกิจกรรมรื่นเริงใดๆ ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบกว่าทุกครั้ง โดยกองเชียร์เตรียมช่อดอกไม้ พวงมาลัย พร้อมป้ายหาเสียงมารอให้กำลังใจ พร้อมส่งเสียงเชียร์เป็นระยะ สำหรับผู้สมัครเดินทางมาถึงเป็นคนแรกตั้งแต่เวลา 04.20 น. คือนายกิตติศักดิ์ ทาทิพย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตคลอง-สามวา พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)
...
ควบแว้น-นั่งเมล์-เหมาบัสมาเชียร์
จากนั้นแกนนำพรรคต่างๆทยอยนำลูกทีมมาสมัครรับเลือกตั้งตามมา ที่น่าสนใจคือพรรคพลังประชารัฐ นำทีมโดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พร้อมแกนนำและผู้สมัครขึ้นรถบัสมาพร้อมกัน ขาดเพียงนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ที่มาสมทบตอนหลัง ขณะที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์เข้ามา เช่นเดียวกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เดินเท้าจากศาลาว่าการ กทม.2 ส่วนพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค พร้อมนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค พาว่าที่ผู้สมัคร กทม.ทั้ง 30 เขต ขึ้นรถเมล์มินิบัสสีส้มสาย 14 มาสมัคร
ด้านพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นั่งรถเก๋งส่วนตัวมาถึงบริเวณสนามกีฬา แต่รถติดต้องลงเดินเข้ามายังหน้าจุดรับสมัคร ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ ประธานคณะอำนวยการเลือกตั้งพื้นที่กรุงเทพฯ นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคทั้ง 30 คนมาลงสมัคร ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนมาปักหลักรายงานข่าวตั้งแต่เช้า เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกหลังห่างหายมานาน
พรรคเล็กสวมชุดคาวบอยมาสู้ศึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กองเชียร์แต่ละพรรคชูรูปภาพผู้สมัคร แต่ไม่มีการส่งเสียงเชียร์เอิกเกริก มีเพียงกลุ่มกองเชียร์ของนายวัน อยู่บำรุง ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ที่ตะโกนส่งเสียงท่องสโลแกน “ใจถึงพึ่งได้” ของนายวัน แต่เมื่อเข้าสู่สถานที่รับสมัคร กองเชียร์ส่วนใหญ่จะนั่งอยู่ในความสงบ ผู้สมัครที่สร้างสีสันหน่อยก็มีนายนพรุจ วรชิตวุธนิกุล ผู้สมัครเขต 2 พรรคพลังประชาธิปไตย แต่งชุดเสื้อหนัง สวมหมวกคาวบอย ติดป้ายข้อความหลังเสื้อว่า “มือปราบโกง” มาสมัคร ขณะที่ผู้สมัครพรรครวมพลังประชาชาติไทยทุกเขต พร้อมใจนำผ้าขาวม้าที่มีสัญลักษณ์พรรคแขวนคอมายื่นใบสมัครด้วย เรียกความสนใจได้พอสมควร
อีโอดีสแกนยิบป้องกันเหตุป่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. กรุงเทพมหานคร และตำรวจ 60 นายจาก สน.ดินแดงและกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าประจำจุดภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 ตั้งแต่เวลา 05.00 น.เตรียมพร้อมและเปิดให้ลงทะเบียนรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตของ กทม. โดยผู้สมัครและผู้ติดตามรวมถึงกองเชียร์ที่จะเข้าสู่พื้นที่ชั้นในต้องเดินผ่านเครื่องตรวจอาวุธ มีเจ้าหน้าที่หน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด (อีโอดี) ตรวจกระเป๋าสัมภาระอย่างละเอียด เป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัยปกติ เมื่อผู้สมัครเดินทางมาถึง ได้ทยอยมาลงทะเบียนเพื่อรับบัตรและเข้าไปนั่งรอการจับสลาก ส่วนของกองเชียร์ ได้นำป้ายหาเสียงติดชื่อรูปของผู้สมัครไปนั่งบนอัศจรรย์ที่รองรับได้ 1,500 คน ปักหลักเชียร์ผู้สมัครขณะจับสลากเลือกหมายเลข
ผอ.กทม.แจงจับสลากเบอร์
จากนั้นเวลา 08.30 น. น.ส.วิชชุดา เมฆานุวงศ์ ผอ.กกต.ประจำกรุงเทพมหานคร กล่าวชี้แจงขั้นตอนการรับสมัครว่า ผู้สมัครที่มาถึงก่อนเวลา 08.30 น. ให้ถือว่ามาพร้อมกัน หากตกลงกันได้จะให้จับสลากหมายเลขตามลำดับที่ตกลงกัน หากตกลงกันไม่ได้ต้องจับสลาก 2 ครั้ง ครั้งแรกจับลำดับการจับสลาก ครั้งที่ 2 จับหมายเลขที่ใช้สมัครรับเลือกตั้ง หลังได้รับหมายเลขแล้ว ขอให้กลับไปสำรวจป้ายหาเสียงของตนเอง ไม่ให้อยู่ในบริเวณที่ห้ามปิดประกาศ เช่น หน้าปากซอย ป้ายรถประจำทาง หรือบริเวณที่กีดขวางการจราจร บดบังสายตาเป็นอันตรายต่อการขับขี่
จากนั้น ผอ.เลือกตั้งประจำเขตและเจ้าหน้าที่รับสมัครได้ประชุมกับผู้สมัครแต่ละเขตเพื่อตกลงกันก่อน แต่ปรากฏว่าไม่มีเขตใดตกลงกันได้ จึงเริ่มจับสลากเรียงลำดับการจับสลากของผู้สมัครแต่ละคน ผู้สมัครที่ลงทะเบียนก่อนเวลา 08.30 น. ทั้ง 30 เขตมีทั้งหมด 448 คน ผ่านการตรวจเอกสารเพียง 446 คน เขตเลือกตั้งที่มีผู้สมัครลงทะเบียนมากที่สุด 17 คน คือ เขตพระนคร เขตดอนเมือง และเขตหนองจอก ส่วนเขตที่มีผู้สมัครลงทะเบียนน้อยที่สุด 12 คน คือเขตคลองเตย-วัฒนา
“ไอติม” ได้เลข 8-เก่ง การุณ เบอร์ 1
จากนั้นเริ่มกระบวนการจับสลาก ผู้สมัครที่น่าสนใจ อาทิ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ “ไอติม” ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง พรรคประชาธิปัตย์ จับได้หมายเลข 9 แต่ภายหลังผู้สมัครที่จับได้หมายเลข 8 มีปัญหาเรื่องเอกสารการสมัคร ทำให้นายพริษฐ์ได้หมายเลข 8 ไป และผู้ที่ได้หมายเลขถัดไปขยับมาคนละ 1 หมายเลข นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตมีนบุรี พรรคเพื่อไทย ได้หมายเลข 6 นายคณวัฒน์ จันลาวัณย์ หรือ “หมอเอ้ก” ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางซื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้หมายเลข 15 นายธนา ชีรวินิจ ผู้สมัคร ส.ส.เขตดินแดง พรรคประชาธิปัตย์ ได้หมายเลข 9 ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง ผู้สมัครส.ส.เขตลาดพร้าว พรรคเพื่อไทย ได้หมายเลข 6 นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้สมัคร ส.ส.เขตบึงกุ่ม พรรคเพื่อไทย ได้หมายเลข 5 นายวัน อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางบอน พรรคเพื่อไทย ได้หมายเลข 13 นายการุณ โหสกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย ได้หมายเลข 1 นายวัฒนา เมืองสุข ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางแค ได้หมายเลข 3 ส่วนนายจิตรภณ ทิพย์โภคาสกุล ผู้สมัครเขตบางแค พรรคภูมิใจไทย ได้หมายเลข 1 เป็นต้น
“วัฒนา” ตีเลข 3 สื่อถึงประชาธิปไตย
นายพริษฐ์กล่าวว่า แม้ว่าหมายเลขตนจะขยับจากหมายเลข 9 เป็นหมายเลข 8 ไม่มีปัญหา สำหรับตนเบอร์ไหนไม่สำคัญ ยังสู้เต็มที่เหมือนเดิม ยังดีที่ยังไม่ได้ติดหมายเลขที่รถหาเสียง ด้านนายวัฒนา เมืองสุข ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เขตบางแค จับได้หมายเลข 3 กล่าวว่า ได้หมายเลข 3 ถือว่าดี เป็นสัญลักษณ์ของภราดรภาพ เสรีภาพและเสมอภาค สื่อว่าประชาธิปไตยจะชนะทุกอย่าง ถึงเวลาทหารต้องกลับกรมกอง
“เสี่ยหนู” โวกวาด ส.ส.กทม. 30 เขต
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคภูมิใจไทยมั่นใจเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ได้นำเสนอนโยบายที่ดีที่สุดต่อประชาชนชาว กทม. จะได้หมายเลขอะไรก็ได้ดีหมด และเป็นหมายเลขมงคลทั้งหมด อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าพรรคจะกวาดเก้าอี้ ส.ส.กทม.ได้ทั้ง 30 เขต เราไม่มีความกังวล จะสู้เต็มที่ ใช้นโยบายที่เป็นประโยชน์ วันนี้ได้กำชับให้ว่าที่ผู้สมัครทุกคนเดินทางมาโดยรถสาธารณะ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีว่าทุกคนทำได้เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรใน กทม.
“เจ๊หน่อย” ลั่น พท.อาสาเป็นทางออก
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เราพกความมั่นใจมาเกินร้อย ช่วงเช้าได้ไหว้พระขอพร ตั้งใจทำดี คิดดี จะทำดีเพื่อให้ประเทศเดินสู่ ความสงบสุขอย่างมีคุณภาพ ประชาชนมีเศรษฐกิจดี สมัครสมานสามัคคีกัน แม้จะกังวลเสียเปรียบแบ่งเขตใหม่ แต่เราก็สู้ เสนอตัวเองเข้ามาแก้ปัญหาเป็นทางออกของปัญหา 4-5 ปีที่ประชาชนพบเจอมา มั่นใจว่าทั้ง 22 เขตที่ส่งจะชนะการเลือกตั้ง
“ภูมิธรรม” ขอให้ดูโลโก้พรรคเป็นหลัก
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคที่ประชาชนไว้วางใจเป็นอันดับ 1 ที่ผ่านมาพรรคได้คิดค้นนโยบายสอดรับความรู้สึกและความ ต้องการของประชาชนมากที่สุด เรารู้ว่าวันนี้ประชาชนทุกข์ยากเรื่องหมายเลขผู้สมัครที่ต่างกัน เป็นปัญหาที่พรรคพูดมาตลอด แต่ไม่กังวล ขอให้ประชาชนดูโลโก้ของพรรคเป็นหลัก แล้วไปกาจะได้พรรคที่ตัวเองต้องการ
ทษช.ปัดส่ง 8 เขตไม่ใช่ฮั้ว พท.
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค กล่าวว่า ขณะนี้มี 2 ฝ่ายชัดเจนคือฝ่ายต้องการรัฐบาลเดิมที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นกำลังสำคัญ หรือจะเลือกฝ่ายประชาธิปไตย หากเลือกพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์จะได้นโยบายแบบเดิม เศรษฐกิจแบบเดิม เชื่อว่าคนกรุงเทพฯต้องการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ขณะที่พรรคไทยรักษาชาติ มีนโยบายพร้อมแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เราอยู่ฝั่งประชาธิปไตย พร้อมเปลี่ยนให้รัฐบาลเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยได้ มั่นใจมากว่าจะชนะการเลือกตั้งทั้ง 8 เขตที่ส่ง ขณะที่พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัคร 22 เขต คงถูกมองว่าฮั้วกัน ไม่ได้หมายความว่าประชาชนต้องเลือก 2 พรรคนี้ ยังมีอีก 50 พรรคให้ประชาชนเลือก เราส่ง 8 เขต
เพราะมีความพร้อมเท่านี้เรียกว่าฮั้วไม่ได้
ด้าน ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีพรรคไหนน่ากลัว เพราะไม่ได้แข่งขันกับใคร แต่เราทำ เพื่อประชาชน การที่ประเทศอยู่ดีกินดี ต้องเริ่มต้นด้วยการเป็นประชาธิปไตยก่อน ขอให้ประชาชนร่วมกำหนดอนาคตประเทศด้วยกัน
พปชร.ไม่วิตกหน้าใหม่ต่ำๆได้ 10 เขต
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ว่าใน กทม.ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยจะเข้มแข็ง แต่ไม่ได้กังวล มุ่งมั่นเป็นทางเลือกใหม่ให้การเมืองไทยต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง เลิกแบ่งสีแบ่งฝ่าย เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่านายกฯไม่ต้องการให้รายชื่อผู้สมัครบัญชีรายชื่อมีชื่อนักการเมืองที่มีคดีอยู่ในลำดับต้น นายอุตตมกล่าวว่า ไม่ทราบว่าข่าวมาได้อย่างไร เรื่องบัญชีรายชื่อพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กล่าวว่า สำหรับกรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่จะนำเมืองไปสู่ความทันสมัย แก้ไขปัญหาฝุ่นและมลพิษไม่กังวลว่าเป็นพื้นที่จุดแข็งของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ เราเสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่ มั่นใจว่าจะแก้ไขปัญหาตอบโจทย์ประชาชนได้ แม้ผู้สมัคร ส.ส.กทม. จากพรรคส่วนใหญ่ไม่เคยลงเลือกตั้งถือเป็นคนรุ่นใหม่แท้จริง มั่นใจว่า กทม.จะได้ไม่ต่ำกว่า 10 เขต แบ่งจากพรรคใหญ่ได้
“สงคราม” ขอรับใช้กู้ ศก.–ปรองดอง
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า มั่นใจว่านโยบายของพรรคเพื่อชาติเป็นประโยชน์กับประชาชน และเน้นลดความเหลื่อมล้ำ ส่วนจำนวนที่นั่ง ส.ส.จะได้เท่าไหร่ไม่ได้คาดหวัง แต่เรามาครั้งนี้เพราะต้องการรับใช้ประชาชน สร้างความปรองดอง และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ต้องการเข้ามาสู่การเมืองเพื่อยับยั้งรัฐบาล คสช. โดย พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการจะเข้า มาใหม่และยับยั้งการสืบทอดอำนาจ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ต้องการที่จะปักธงและที่นั่งในสภาฯให้ได้ เราไม่ได้มาเล่นๆ
ชทพ.-ชพน.แข่งกันซื้อใจคนกรุง
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ ประธานคณะอำนวยการเลือกตั้งพื้นที่กรุงเทพฯ กล่าวว่า พรรคมีนโยบายส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม.ครบทุกเขตเป็นครั้งแรก เชื่อมั่นว่าชาว กทม.อยากให้เมืองหลวงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ สร้างฐานรายได้ของประเทศ นำความมั่นคงทั้งฐานะความเป็นอยู่ในสังคมทุกมิติ จึงกำหนดนโยบายเร่งด่วน 7 แผนงานประยุกต์จากแผนพัฒนา จ.สุพรรณบุรี หรือ “สุพรรณบุรีโมเดล” เชื่อมั่นว่าจะชนะหลายเขต
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า กติกาการเลือกตั้งครั้งนี้ บางอย่างละเอียดเกินไป แต่พรรคพร้อมปฏิบัติตาม และวันที่ 5 ก.พ. แกนนำพรรคจะนัดหารือสรุปรายชื่อบุคคลที่พรรคจะเสนอให้เป็นนายกฯ เบื้องต้นยังไม่มีรายชื่อใดในใจ ส่วนที่หลายฝ่ายประเมินว่าจะเป็นรายชื่อนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคนั้น ยังไม่ได้หารือหรือพูดคุยเพื่อสรุปในทิศทางดังกล่าว
“ดำรงค์” ย้ำเพิ่มป่า สู้โลกร้อน
นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย กล่าวว่า พรรคจะส่งผู้สมัครให้ได้มากที่สุดทั่วประเทศประมาณ 340 เขต ใน กทม.ตั้งใจส่งครบทั้ง 30 เขต แต่ต้องรอดูการตรวจสอบคุณสมบัติจาก กกต.ว่าจะลงสมัครได้กี่คน นโยบายหลักของพรรคคือเพิ่มป่า ลดสารเคมี สู้โลกร้อน นโยบายอะไรที่แม้จะได้รับความนิยม แต่หากเป็นผลเสียระยะยาวเราจะไม่ทำ
“มาร์ค” เปลี่ยนตัว “วิรัตน์” เหตุไม่ฟิต
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเปลี่ยนตัวผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์เขต 3 จ.สงขลา จากนายวิรัตน์ กัลยาศิริ เป็นนายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ว่า เนื่องจากนายวิรัตน์มีปัญหาด้านสุขภาพ กระแสข่าวที่นายไพรจะมาแทนตนไม่ทราบ ต้องมีการรับสมัครและเสนอชื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกพรรค จะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 7 ก.พ. ส่วนที่มีผู้สมัครบางพรรคถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามบันทึกภาพตนก็ถูกติดตาม ถ้าจะดูแลความปลอดภัยขอให้ทำอย่างเหมาะสม อย่าเอาเรื่องพวกนี้มาทะเลาะกัน
กกต.ยังไม่ได้รับร้องเรียนทำลายป้าย
กระทั่งเวลา 11.00 น. นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กกต.มาตรวจความเรียบร้อยการรับสมัคร พร้อมกล่าวว่า ภาพรวมเรียบร้อยไม่มีปัญหาใดๆ ผู้ที่มาสมัครแต่เอกสารไม่ครบถ้วนมายื่นสมัครได้วันหลัง หลังปิดรับสมัครวันที่ 8 ก.พ.62 ผอ.ประจำเขตจะตรวจสอบคุณสมบัติและประกาศรายชื่อผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนเป็นผู้สมัครวันที่ 15 ก.พ.62 ขอขอบคุณพรรคที่ร่วมมืออย่างดี ไม่จัดกองเชียร์หรือกลองยาว ส่วนการทำลายป้ายหาเสียง กกต.ยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียน ผู้สมัครต้องดูแล แต่ขณะนี้ยังพบว่ามีหลายพื้นที่ติดตั้งป้ายไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ได้กำชับให้ กกต.ประจำเขตไปพิจารณา ให้ติดตั้งป้ายคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้สัญจรไปมาไม่บดบังทัศนียภาพอย่างเคร่งครัด
“มาร์ค” ไหว้หลักเมืองยึดที่มั่น กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการจับสลากแล้วเสร็จ แต่ละพรรคพร้อมกองเชียร์จึงทยอยเดินทางกลับไปเดินสายไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามสถานที่สำคัญๆ ทำให้ช่วงบ่ายบรรยากาศเงียบเหงา เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ประจำจุดรับสมัครแต่ละเขตเท่านั้น โดยนายอภิสิทธิ์นำคณะแกนนำและทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปยังศาลหลักเมืองเมื่อเวลา 10.30 น. เข้ากราบสักการะพระชัย ก่อนถวายพวงมาลัยดาวเรืองสด ผูกผ้า 7 สี เติมน้ำมันตะเกียงสืบชะตา สะเดาะเคราะห์ จากนั้นไปกราบสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยเสริมสิริมงคลที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคมั่นใจจะรักษาที่มั่นและชนะใน กทม.จะเน้นสื่อสารเรื่องนโยบายให้พ้นจากวังวนวิกฤติที่เป็นอยู่และไม่ให้การเมืองกลับไปสู่วังวนเก่าๆอีก
“สุดารัตน์” ทักทาย “อุตตม” ยิ้มอ่อน
ต่อเวลา 12.00 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ แกนนำพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม.เข้ากราบสักการะพระแก้วมรกต ภายในวัด พระแก้ว จากนั้นไปสักการะศาลหลักเมือง พอดีเป็นจังหวะเดียวกับที่นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำแกนนำพรรค พปชร.มาสักการะศาลหลักเมืองเช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายจึงได้ยกมือไหว้จับมือทักทายกัน คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวทักนายอุตตมสั้นๆว่า “ยินดีต้อนรับเข้าสู่สนามการเมืองนะคะ เรามาแข่งกันในเกม” นายอุตตมเพียงแต่ยิ้มรับอ่อนๆ ไม่ได้กล่าวตอบใดๆ จากนั้นคณะของคุณหญิงสุดารัตน์ ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่อที่วัดชนะสงคราม
“อุตตม” ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงนำทาง
ขณะที่นายอุตตมกล่าวว่า มาสักการะศาล หลักเมืองและพระแก้วมรกตเป็นสิริมงคลกับทีมเราทุกคนจะเดินหน้าทำงานต่อไปอย่างเข้มข้น ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นแสงสว่างส่องนำทางให้เราทำงานการเมืองตามที่เรามีอุดมการณ์ร่วมกัน มุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ของชาติและของคนไทย รวมพลังประชารัฐให้สำเร็จสัมฤทธิผลทุกประการ
แห่เปลี่ยนชื่อ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”
ส่วนบรรยากาศการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศคึกคักไม่แพ้กรุงเทพฯ โดยหลายพื้นที่เกิดปรากฏการณ์เป็นที่ฮือฮา เนื่องจากพบว่ามีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อชาติหลายจังหวัดกระจายไปเกือบทุกภาคพร้อมใจกันเปลี่ยนชื่อเป็น “นายทักษิณ” และ “น.ส.ยิ่งลักษณ์” หรือ “ยิ่งรัก” อาทิ จ.อุทัยธานี เขต 1 นายกฤช ทวีการไถ เปลี่ยนชื่อเป็นนายทักษิณ ทวีการไถ ผู้สมัครเขต 2 นางกันอัชลี เกษคำ เปลี่ยนชื่อเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ เกษคำ จ.เชียงใหม่ ผู้สมัครเขต 1 นายณถัสดล เตปิน เปลี่ยนชื่อเป็นนายทักษิณ เตปิน จ.พะเยา ผู้สมัครเขต 1 นายจิรโรจน์ กิรติศักดิ์วรกุล เปลี่ยนเป็น นายทักษิณ กิรติศักดิ์วรกุล ผู้สมัครเขต 3 นายประพันธ์ สิงห์ชัย เปลี่ยนเป็นนายทักษิณ สิงห์ชัย
โคราชมากสุดชาย 3 หญิง 1
จ.แพร่ นายจิรเดช ฝากมิตร ผู้สมัครเขต 2 เปลี่ยนเป็นนายทักษิณ ฝากมิตร จ.ลำปาง ผู้สมัครเขต 2 นายกันต์ทรัพย์ ทัศนา เปลี่ยนเป็นนายทักษิณ ทัศนา ผู้สมัครเขต 3 นายศรีทัศน์ ชัยยศ เปลี่ยนเป็นนายทักษิณ ชัยยศ จ.ลำพูน ผู้สมัครเขต 2
นายหนานสุขใจ เรือนแก้วเทวา เปลี่ยนเป็นนายทักษิณ เรือนแก้วเทวา จ.นครราชสีมา ผู้สมัครเขต 4 นายสถิตคุณ เขื่อนโคกสูง เปลี่ยนเป็นนายทักษิณ เขื่อนโคกสูง ผู้สมัครเขต 6 นายประกาศ จันทรวิจิตร เปลี่ยนเป็นนายทักษิณ จันทรวิจิตร ผู้สมัครเขต 7 นายวีรวิทย์ เชื้อจันอัด เปลี่ยนเป็นนายทักษิณ เชื้อจันอัด ผู้สมัครเขต 10 นางกนกวรรณ เพชรรักษา เปลี่ยนเป็นนางยิ่งลักษณ์ เพชรรักษา
“น้อง-เมียจ่าประสิทธิ์” ใช้ชื่อใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.สุรินทร์ ผู้สมัครเขต 1 น.ส.ยิ่งรัก ไชยศรีษะ และเขต 6 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไชยศรีษะ โดย น.ส.ยิ่งรักเป็นน้องสาวและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นภรรยาของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่หมดสิทธิลงเลือกตั้งหลังพ้นโทษจำคุกยังไม่ถึง 10 ปี ทั้งน้องสาวและภรรยาของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์เพิ่งเปลี่ยนชื่อ เพื่อใช้ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยระบุว่าเพราะศรัทธาในตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ
“อารีย์” ชี้เป็นกลยุทธ์แก้ลำ รธน.
นายอารีย์ ไกรนรา รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นมีผู้สมัครเปลี่ยนชื่อ 15 คน ใน 8 จังหวัด แต่ยังไม่หมดเท่านี้ การที่ผู้สมัครเปลี่ยนชื่อเพราะต้องการให้เป็นที่จดจำได้ง่าย และมีความชื่นชอบในตัวนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งเป็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เข้ากับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่มีระเบียบข้อจำกัดในการหาเสียงอย่างมาก
ทุกพรรคตะลุมบอนเมืองย่าโม
ที่ จ.นครราชสีมา เมืองใหญ่มี ส.ส.มากเป็นอันดับสอง 14 ที่นั่งรองจากกรุงเทพฯ บรรยากาศอาคารอินดอร์สเตเดียม 5,000 ที่นั่ง ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมืองนครราชสีมา มีแกนนำพรรคต่างๆเดินทางมาให้กำลังใจลูกพรรคครบทีม อาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคอีสานพรรคพลังประชารัฐ และ นพ.สำเริง แหยงกระโทก ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง จ.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ที่พาผู้สมัครของตนไปกราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) เป็นพรรคแรกตั้งแต่เวลา 05.30 น.
“ลินดา–สมชาย” นำทีมลงสนาม
ขณะที่พรรคเพื่อชาติ นำโดย นางลินดา เชิดชัย เลขาธิการพรรคเพื่อชาติและ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อของพรรคฯ พร้อมผู้สมัครทั้ง 14 เขตมายื่นสมัคร โดย พ.ต.ท.สมชาย เปิดเผยว่า ผู้สมัคร ของพรรคที่เป็นผู้ชายได้เปลี่ยนชื่อเป็นชื่อเดียวกับอดีตนายกฯทักษิณ 3 คน และผู้หญิงเปลี่ยนเป็นชื่ออดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ 1 คน เพื่อให้พี่น้องประชาชนจำได้ง่าย ทุกคนเปลี่ยนชื่อก่อนจะมีประกาศ พ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง เพื่อหวังผลการเลือกตั้งครั้งนี้
ที่ห้องประชุมช้างเผือก อาคาร 41 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ อ.เมืองสุรินทร์ สถานที่รับเลือกตั้ง ส.ส. จ.สุรินทร์ทั้ง 7 เขต จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต ส.ส.สุรินทร์ ได้พาภรรยาคือนางยิ่งลักษณ์ ไชยศรีษะ มาลงสมัครเขต 6 และน้องสาวคือ น.ส.ยิ่งรัก ไชยศรีษะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 และนายโกวิฐ วัตนกุล อดีตดารารุ่นใหญ่มาลงสมัครเขต 4 สุรินทร์ โดยนายโกวิฐ กล่าวเพียงสั้นๆว่ามั่นใจที่มาสมัคร ส.ส.ในบ้านเกิด เพราะเป็นคน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์
ผู้สมัครพะเยาอ้างชื่อเป็นมงคล
จ.พะเยา ที่บริเวณศาลาประชาคม ภายในศูนย์ราชการ จ.พะเยา พรรคการเมืองใหญ่ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่มาแสดงความจำนงยื่นใบสมัครกันครบ 3 เขต แต่ที่คนในพื้นที่ฮือฮา เมื่อผู้สมัครพรรคเพื่อชาติเปลี่ยนชื่อเป็นนายทักษิณถึง 2 คนคือผู้สมัครเขต 1 นายจิรโรจน์ กิรติศักดิ์วรกุล ใช้ชื่อนายทักษิณ กิรติศักดิ์วรกุล และเขต 3 นายประพันธ์ สิงห์ชัย มาในชื่อนายทักษิณ สิงห์ชัย ยกเว้นนายพิเชฐษ์ ไชยเนตร ผู้สมัครเขต 2 ไม่ได้เปลี่ยนชื่อ ให้เหตุผลว่าเกรงประชาชนจะสับสน ขณะที่นายจิรโรจน์ กล่าวว่า การเปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณ” เพราะเป็นชื่อที่เป็นสิริมงคลในระบอบประชาธิปไตย เป็นศูนย์รวมทุกสิ่งทุกอย่างของคนรักประชาธิปไตย
เทือกสุบรรณฟัด ปชป.สุราษฎร์
ส่วนที่ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นสนามเลือกตั้งที่น่าจะจับตา เป็นศึกสายเลือดสู้กันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ปรึกษาพรรค เป็นแกนนำพาผู้สมัครลงชิงชัยทั้ง 6 เขตกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ส่งคนในตระกูลเทือกสุบรรณ มีนายธานี เทือกสุบรรณ หรือกำนันเล็ก น้องชายลงสมัครในเขต 1 นายเชน เทือกสุบรรณ น้องชายอีกคนลงสมัครเขต 4 และนายภูมิ เทือกสุบรรณ บุตรชายนายดำรงค์ เทือกสุบรรณ รองนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี หลานชายนายสุเทพลงเขต 6 ระหว่างที่นายธานี นายเชน และผู้สมัครของพรรคได้พบกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.ต่างเข้าไปทักทายจับมือโอบกอดซึ่งกันและกัน
“ขวัญชัย” ส่งเมียลงเขต 4 อุดรฯ
จ.อุดรธานี เป็นอีกพื้นที่ที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ โดยพรรคเพื่อไทย นายศราวุธ เพชรพนมพร อดีต ส.ส. และบุตรเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นำผู้สมัครหน้าใหม่และอดีต ส.ส.ของพรรคมายื่นใบสมัครทั้ง 8 เขต ซึ่งเขตที่น่าจับตาคือเขต 4 มีการส่งนางอาภรณ์ สาราคำ อดีต ส.ว.อุดรธานี ภรรยานายขวัญชัย สาราคำ แกนนำเสื้อแดงอุดรฯ ลงสมัครแทน พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ อดีต ส.ส.ที่ขาดคุณสมบัติและต้องต่อสู้กับนายธีระชัย แสนแก้ว อดีต รมช.เกษตรฯ จากพรรคภูมิใจไทย ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ มี นพ.วิชัย ชัยจิตวนิชกุล อดีต ส.ส.อุดรธานี ที่ทิ้งงานการเมืองไปรับราชการกว่า 8 ปี หวนกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งด้วยการลงสมัครในเขต 2
“โอ๊ค” นำทีมบุกเมืองหมอแคน
ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นำผู้สมัครลงรับการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 10 เขตเลือกตั้งของ จ.ขอนแก่น ไหว้ขอพรศาลเจ้าพ่อหลักเมืองและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนนำพาผู้สมัครมาลงทะเบียนและลงเวลาการสมัครรับการเลือกตั้ง ส.ส.ที่หอประชุม อบจ.ขอนแก่น เช่นเดียวกับนายเอกราช ช่างเหลา แกนนำพรรคพลังประชารัฐภาคอีสาน นำผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั้ง 10 เขตขึ้นรถตุ๊กๆเคลื่อนขบวนมายังสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง ส่วนนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อดีต รมช.คมนาคม นำผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาลงสมัครทั้ง 10 เขตเลือกตั้ง
“ไพโรจน์” คืนสังเวียนเมืองรถม้า
ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดลำปาง สถานที่รับสมัคร ส.ส.ทั้ง 4 เขต จ.ลำปาง โดยนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อายุ 83 ปี อดีต รมช.มหาดไทย และอดีต ส.ส.ลำปาง 7 สมัย หวนกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งด้วยการสวมเสื้อพรรคเพื่อไทยลงสมัครเขต 2 มีลูกชายคือนายกิตติกร โล่ห์สุนทร อดีต ส.ส.ลำปาง 2 สมัย จากพรรคเพื่อไทย ลงเขต 1 ขณะที่อีก 2 เขต คือเขต 3 และเขต 4 นายพินิจ จันทรสุรินทร์ อดีต ส.ส.ลำปาง 7 สมัยส่งลูกชายคืิอนายจรัสฤทธ์ จันทรสุรินทร์ ลงในเขต 3 และนายอิธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ ลงสมัคร เขต 4 สำหรับนายไพโรจน์กับนายพินิจเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ผูกขาด ส.ส. ลำปางหลายสมัยก่อนส่งลูกชายสืบทอดทายาททางการเมืองและไม่มีใครโค่นล้มสองตระกูลได้เลย
“ชวน-นิพิฏฐ์” ปิดตายตรัง-พัทลุง
ส่วนที่ จ.ตรัง นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้สมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ รวมตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 เขตที่บ้านเลขที่ 183 ถนนวิเศษกุล เขตเทศบาลนครตรัง ก่อนพาไปยื่นใบสมัคร ส.ส. ที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์ตรัง ที่อยู่ห่างจากบ้านราว 50 เมตร นายชวนกล่าวว่า แม้เก้าอี้ ส.ส.ระบบเขต จ.ตรัง ลดลงไป 1 ที่นั่ง แต่ไม่รู้สึกหวั่นไหว และมั่นใจจะกวาดเก้าอี้ครบทั้ง 3 เขต
ที่ จ.พัทลุง มี 3 เขตการเลือกตั้งและเป็นการห้ำหั่นกันระหว่างผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะเขต 2 มีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต รมว.วัฒนธรรม ต้องบี้กับนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ อดีตปลัดจังหวัดพัทลุง ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ก่อนหน้านี้มีการกล่าวโจมตีกันมาแล้ว ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เผยว่า ไม่หนักใจการป้องกันที่นั่ง ส.ส.พัทลุงทั้ง 3 เขต ยิ่งนานวันกระแสความนิยมของพรรคในภาคใต้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนี้จะเปิดปราศรัยครั้งแรกที่ตลาดนัดบ้านสมหวัง อ.กงหรา
“เด่น” จับมือคู่แข่งยึดปัตตานี
จ.ปัตตานี มี 4 เขตเลือกตั้ง มีสีสันการเมืองช่วงเช้าเมื่อผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยนั่งสามล้อปั่นมาสมัครที่หอประชุม อบจ.ปัตตานี เรียกเสียงฮือฮาให้กลุ่มผู้สนับสนุน พรรคภูมิใจไทยได้นายเด่น โต๊ะมีนา อดีตนักการเมืองชื่อดัง จ.ปัตตานี และอดีต รมช.มหาดไทยจับมือกับคู่แข่งในอดีตอย่างตระกูลอับดุลบุตรและพิพิธภักดี ด้วยการส่งทายาทมาสืบทอดทางการเมืองพรรคเดียวกัน ในเขตเลือกตั้งที่ 1 มีนายบัณฑิต อับดุลบุตร ลงชิงชัยเขต 1 เขต 2 นายอับดุลบาซิม อาบู เขต 3 นายอนุกูล อาแวปูเต๊ะ ทนายความมุสลิมชื่อดัง และเขต 4 นายมูฮำหมัดอาลาวี บือแน ส่วน พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ลูกสาวนายเด่นจะไปลงสมัครแบบปาร์ตี้ลิสต์ มีพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาชาติของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ส่งนายมูฮำหมัดอารีฟีน จะปะกียา อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ย้ายค่ายมาสมัครเขต 2 และนายอนุมัติ ซูสารอ อดีต ส.ส.พรรคมาตุภูมิ ลงเขต 3
“จองชัย-ประภัตร” หยอกล้อโชว์สื่อ
ที่ศาลาประชาคม ที่ว่าการอำเภอเมืองสุพรรณบุรี บรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. วันแรกเต็มไปด้วยความคึกคัก น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นำทีมผู้สมัคร ส.ส. 4 เขตมาลงชิงชัย พื้นที่น่าจับตามองคือเขต 3เป็นศึกชนช้างระหว่างนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา จะแข่งขันกับนายจองชัย เที่ยงธรรม ศิษย์เอกนายบรรหาร ศิลปอาชา ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ระหว่างรอจับสลากเลือก เบอร์ ทั้งคู่นั่งใกล้กันและพูดคุยหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง ผลการจับสลากนายประภัตร ได้เบอร์ 11 ส่วนนายจองชัย ได้เบอร์ 3 นายจองชัยเปิดเผยว่า การลงสมัครในนามพรรคภูมิใจมีเหตุผล การเลือกตั้งอยู่ที่ประชาชนจะเลือกใคร ขณะที่นายประภัตร กล่าวว่าไม่อยากให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมือง อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ได้
ตระกูลเทียนทองแยกทางเดิน
ที่ห้องประชุมปางสีดา ศาลากลาง จ.สระแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1, 2 และ 3 ทยอยมาสมัครท่ามกลางกองเชียร์ที่มาให้กำลังใจคึกคัก เขต 1 นายฐานิสร์ เทียนทอง พรรคพลังประชารัฐ ย้ายจากพรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 1 นายสนธิเดช เทียนทอง พรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 10 นายอาทิติ งามวงษ์ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เบอร์ 4 เขต 2 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง พรรคพลังประชารัฐ ย้ายจากพรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 10 พ.ต.อ.พายัพ ทองชื่น พรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 5 และ พล.อ.ชวลิต สาลีติ๊ด พรรคประชาธิปัตย์ ได้เบอร์ 7 และเขต 3 นายสรวงศ์ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 1 ขณะที่นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ได้เบอร์ 7 นายพรพล เอกอรรถพร พรรคประชาธิปัตย์ ได้เบอร์ 8
ที่ศาลาเฉลิมพระเกียรติ อ.เมืองชลบุรี 4 พรรคใหญ่ ทั้งพลังประชารัฐ เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทยส่งลงสมัครครบทั้ง 8 เขต พรรคพลังประชารัฐนำโดยนายอิทธิพล คุณปลื้ม น้องชายนายสนธยา คุณปลื้ม อดีตหัวหน้าพรรคพลังชล นำผู้สมัครทั้ง 8 เขต มาลงสมัครตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อรักษาฐานที่มั่น
เตรียม 20 ช่องทางรับบัญชีรายชื่อ
อีกด้าน ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากเป็นสถานที่เปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และการรับแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอให้เป็นนายกฯของแต่ละพรรคโดยมีเจ้าหน้าที่มาเตรียมความพร้อมตั้งแต่ช่วงเช้า บริเวณห้องโถงชั้นล่างของสำนักงานฯจัดเตรียมช่องรับสมัครไว้ 20 ช่อง เพื่ออำนวยความสะดวก ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมากปักหลักรอทำข่าวเพื่อจับตาว่าพรรคใดจะมายื่นเรื่องเป็นพรรคแรก
“เพื่อนไทย” วุ่น หน.พรรคโผล่ 2 คน
เวลา 09.00 น. พรรคเพื่อนไทยเดินทางมาเป็นพรรคแรก แต่เกิดความวุ่นวายเมื่อปรากฏชื่อหัวหน้าพรรคถึง 2 คน คือนายอนุวัติ วิกัยพัฒน์ และนายสิระ พิมพ์กลาง ที่ต่างอ้างว่าเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง นายสิระได้นำเอกสารลงนามโดยนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.วินิจฉัยการประชุมใหญ่พรรคเพื่อนไทย เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.61 ว่าเป็นการประชุมที่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรคเพื่อนไทย ข้อ 43 จึงไม่มีผลต่อการถอดถอนตนเองออกจากหัวหน้าพรรค โดยนายสิระกล่าวว่า ตนถูกปฏิวัติโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การดำเนินการทุกเรื่องที่ทำโดยนายอนุวัติ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะพยายามแก้ปัญหาให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 8 ก.พ. พรรคจะได้ส่งผู้สมัครได้ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อได้ นอกจากนี้ ยังมีพรรคไทยรักธรรม ยื่นเอกสารสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเพียง 9 รายชื่อ และส่ง ส.ส.เขต 40 เขต ส่วนบัญชีนายกฯมี 3 คน คือนายอโนทัย ดวงดารา หัวหน้าพรรค นพ.กิติกร วิชัยเรืองธรรม และนายภูษิต ภูประภัสศิริ
ปลื้มผู้สมัคร 5,831 คนมากกว่าปี 54
เมื่อเวลา 17.00 น.ที่สำนักงาน กกต. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. แถลงผลการรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.วันแรกว่า มี 58 พรรคส่งผู้สมัครรวม 5,831 คน โดยพรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครสูงสุด 341 เขต พรรคพลังประชารัฐ 335 เขต พรรคเสรีรวมไทย 333 เขต พรรคอนาคตใหม่ 330 เขต พรรคภูมิใจไทย 325 เขต และพรรครวมพลังประชาชาติไทย 310 เขต พรรคประชาภิวัฒน์ 297 เขต พรรคพลังท้องถิ่นไท 285 เขต พรรคเพื่อชาติ 283 เขตพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 279 เขต จังหวัดที่มีผู้สมัครมากที่สุด ที่เขต 9 จ.ขอนแก่น มีผู้สมัครถึง 27 คน ส่วนการสมัครแบบบัญชีรายชื่อ 2 พรรค คือพรรคไทยธรรมและพรรคสังคมประชาธิปไตย จำนวนผู้สมัครวันแรก 5,831 คนถือว่ามากเกินความคาดหมายของ กกต.มากกว่าผู้สมัครในปี 54 ที่มีผู้สมัคร 2,000 คน สะท้อนถึงความตื่นตัวอยากมีส่วนร่วมทางการเมือง แม้ว่ากฎหมายใหม่การจัดตั้งพรรคการเมืองจะมีข้อกำหนดและรายละเอียดมาก
โยนฝ่าย ก.ม.สอบใช้ชื่ออดีตนายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีผู้สมัครจากพรรคการเมืองหนึ่งทยอยเปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณและยิ่งลักษณ์” เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า เพิ่งเห็นจากข่าวช่วงบ่าย ปกติการเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลเป็นอำนาจของนายทะเบียน โดยจะส่งข้อมูลให้ฝ่ายกฎหมายรับไปตรวจสอบ
“บิ๊กตู่” โชว์เพลงยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.พ.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดกิจกรรม “การประกาศปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน” พร้อมชมการแสดงชุดเฉลิมฉลองปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน 9 ชุด อาทิ งิ้วเปลี่ยนหน้ากาก การแสดงโขน ตอนพระรามข้ามสมุทร การแสดงหุ่น เป็นต้น และมอบหนังสือวิวิธอาเซียน (Vivid ASEAN) ฉบับภาษาอังกฤษ ให้ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ ก่อนชมนิทรรศการกิจกรรมวัฒนธรรมสัญจรอาเซียนสู่โลกที่จะขึ้นตลอดปี 62 ในโอกาสไทยเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ช่วงหนึ่งนายกฯได้ขอตีระนาดด้วยมือเดียวในเพลง “ธรณีกรรแสง” ท่อนสั้นๆและขึ้นเวทีร้องเพลง “ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ” ของดา เอ็นโดรฟิน พร้อมทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูอย่างอารมณ์ดี แล้วให้สัมภาษณ์ว่าไทยกำลังขับเคลื่อนสิ่งต่างๆไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอนาคต ทุกคนต้องร่วมมือกัน อะไรไม่ดีขอร้องว่าอย่าเผยแพร่กันให้มากนัก ไม่เกิดประโยชน์กับใครทั้งสิ้น
“ยิ่งลักษณ์” อวยพรปีทองได้เลือกตั้ง
เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตรุษจีนปีนี้นอกจากจะเป็นวันสำคัญตามประเพณีจีนแล้ว คงจะเป็นปีที่ทุกคนรอคอยอย่างมีความหวังอีกด้วย เพราะเรากำลังจะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งกันแล้ว ดิฉันขอให้เป็นปีทองของประเทศไทย ให้ได้รัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อมาดูแลเศรษฐกิจ ให้พี่น้องได้อยู่ดีกินดี มีเงินเต็มกระเป๋า ขอให้ทุกท่านร่ำรวย มั่งมี ศรีสุข สุขภาพแข็งแรง มีความสุขตลอดปี
“ทักษิณ” แนะดูแลสุขภาพช่วยชาติ
เมื่อเวลา 11.10 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ Happy Monday ตอนที่ 4 สุขภาพของคนคือสุขภาพของชาติว่า ประเทศเรามีโครงการ 30 บาท แต่เพิ่มค่าหัวไปเรื่อยๆ ถ้าขืนปล่อยแบบนี้ไม่ไหว เพราะตอนที่สร้างโครงการ 30 บาทขึ้นมา ต้องคิดครบวงจร คือป้องกันดีกว่ารักษา ต้องรณรงค์เพื่อให้คนมีสุขภาพดี ไม่ว่าเรื่องอาหาร อารมณ์ การออกกำลังกาย จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษามันลดลง ถ้าปล่อยให้เป็นการรักษาข้างเดียวแล้วประชากรเพิ่มขึ้น อัตราต่อหัวเพิ่มขึ้น งบประมาณเราจะรับไม่ไหว จึงต้องเน้นเริ่มต้นที่เรื่องอาหาร เราจะเป็นยังไงอยู่ที่เรากินอะไรเข้าไป ดังนั้น เป็นเรื่องที่เราต้องดูแลสุขภาพ เพราะมองว่าประเทศเรา ถ้าเปรียบเหมือนร่างกายมนุษย์ 1 คน มนุษย์ทุกคนในประเทศเปรียบเสมือนเซลล์ทุกเซลล์ที่อยู่ในตัวเรา ถ้าเราทำให้เซลล์ทุกเซลล์แข็งแรง ทำงานได้ดี ประเทศเราจะมีผลผลิตที่ดี เพราะฉะนั้น 3 อ. ที่พูดถึงกันคืออาหาร อารมณ์ และการออกกำลัง จึงเป็นสิ่งที่ต้องซีเรียสจริงจัง ต้องรณรงค์ ต้องมีโปรแกรม
นศ.ซัดผู้มีอำนาจต้องเปิดใจรับฟัง
อีกเรื่อง กรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐบุกไปขอความร่วมมือนักศึกษากลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่ให้ทำหุ่นล้อการเมืองรูป พล.อ.ประยุทธ์และ ครม.ในรัฐบาลในขบวนพาเหรดล้อการเมือง งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 73 เกรงกระทบภาพลักษณ์ ล่าสุดกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯได้ออกแถลงการณ์ผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า “สืบเนื่องจากการเข้าพูดคุยและพยายามเข้าตรวจสอบเนื้อหาของขบวนหุ่นล้อการเมืองของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจเรียนรู้เปิดใจ รับฟังการแสดงออกของประชาชน บริบททางการเมืองปัจจุบัน ในบรรยากาศของการเลือกตั้ง เหมาะสมอย่างยิ่งที่ประชาชนจะแสดงออกถึงปัญหาต่างๆเพื่อสะท้อนสู่พรรคการเมือง เพื่อรับเอาเสียงประชาชน ไปดำเนินการเป็นนโยบาย แก้ไขปัญหาของประเทศชาติต่อไป”
ปัญหาคือคนแก่ไม่ยอมปล่อยวาง
นายธรรมธวัช ธีระศิลป์ นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ชั้นปีที่ 3 มธ.ประธานกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ ได้บันทึกคลิปเผยแพร่ในเฟซบุ๊กเพจของกลุ่มว่า เราเคยคิดว่าการรัฐประหารเป็นทางออกสำหรับการเมืองไทย แต่ 4 ปีที่ผ่านมามันไม่ใช่ คนรุ่นใหม่ควรรู้ว่า อนาคตของเขานั้นเลือกเองได้ จะอยู่กับระบบเผด็จการทหาร หรือเลือกสิ่งที่ดีกว่า นำสู่ประเทศมีประชาธิปไตยมากขึ้น ปัญหาคือคนมีอำนาจกลับเป็นคนแก่ๆที่ไม่ยอมปล่อยวางอำนาจ
นายธรรมธวัชให้สัมภาษณ์ว่า การทำหุ่นทุกปีมีการปรึกษากับสมาคมศิษย์เก่าธรรมศาสตร์อยู่ ตลอด ครั้งนี้แปลกเจ้าหน้าที่ไม่ได้ประสานผ่านสมาคม แต่กลับมาบีบพวกเราโดยตรง ถ้าจะมาตรวจหุ่นล้อตามที่นัดไว้วันที่ 7-8 ก.พ. คงให้ขอบเขตเท่าที่พอจะให้ตรวจได้ เรื่องที่เก็บไว้เป็นความลับคงจะไม่อนุญาตให้ก้าวล่วงแน่
หยันคนไม่เลือก “ลุงตู่” เพราะจำกัดสิทธิ
ด้านนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มธ.ประธานสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เหตุที่เจ้าหน้าที่ห้ามล้อ พล.อ.ประยุทธ์ และ ครม. น่าจะเป็นเพราะคนใกล้ชิดและผู้สนับสนุนทราบดีว่าคะแนนนิยมท่านกำลังตกต่ำ ล้วนมาจากท่านทำตัวเอง แล้วหวั่นไหวไปว่าประชาชนจะไม่เลือก ถ้าจะลงเล่นการเมือง จึงพยายามปิดกั้นไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ไปหยิบเรื่องความมั่นคงเรื่องการเลือกตั้งมาอ้าง อยากบอกว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์ลงเล่นการเมืองแล้วคนไม่เลือกท่าน ไม่ใช่เพราะว่าโดนล้อการเมือง เป็นเพราะการที่ท่านมาปิดกั้นเสรีภาพของนักศึกษามากกว่า สหภาพฯจะจับตาอย่างใกล้ชิด ถ้ามีทหารมาคุกคามจำกัดสิทธิเสรีภาพอีก เราจะออกมาเคลื่อนไหวทุกทาง เพื่อปกป้องสิทธิของเพื่อนเรา
“ดาวดิน” เฮ–ยุติคดีผิดคำสั่ง คสช.
ช่วงสายเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางขอนแก่นคุมตัวนายจตุรภัทธ์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เดินทางมาที่ศาล มทบ.23 หลังศาลมีคำสั่งเบิกตัวนายไผ่ พร้อมนายรังสิมันต์ โรม และพวกรวม 7 คน เพื่อรับทราบคำสั่ง นายอานนท์ นำภา ทนายความ กล่าวว่า หลัง คสช.ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12 ห้ามการชุมนุมเกิน 5 คน ส่งผลให้คดียุติลง สิ้นสุดทางคดีแล้ว ศาล มทบ.23 มีคำสั่งยกเลิกและถอนฟ้อง ส่วนการคุมขังนายไผ่ตามความผิด ม. 112 โทษจำคุก 2 ปี 6 เดือนจะพ้นโทษเดือน มิ.ย. จึงเหลือเวลาจำคุกตามอัตราโทษไม่กี่เดือน ทีมทนายความได้ยื่นเรื่องพักโทษไปยังกระทรวงยุติธรรมแล้ว
ศปอส.ตร.รวบผู้สมัคร ส.ส.ปล่อยกู้
ที่ บก.ภ.จ.ศรีสะเกษ เมื่อเวลา 19.00 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปอส.ตร.แถลงจับกุมนายทุนปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหด 5 คน ประกอบด้วย นางสุนีย์ อินฉัตร อายุ 77 ปี น.ส.ภรณ์ทิพย์ ชิณจักร์ อายุ 29 ปี น.ส.พรทิพย์ พิกุลทองทรัพย์ อายุ 42 ปี น.ส.มาลินี อินฉัตร อายุ 59 ปี และนายจตุพร โตรักษา อายุ 38 ปี ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิ สนามกอล์ฟซันไรส์ ลากูนกอล์ฟ แอนด์คันทรีคลับ โรงแรม 2 หลัง อพาร์ตเมนต์ 1 แห่ง ตลาดสด 1 แห่ง บ้านและอาคารพาณิชย์ 10 หลัง ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ 1 แห่ง รถยนต์ 15 คัน ปืน 5 กระบอก ยาบ้า 1,000 เม็ด โฉนดที่ดิน 453 ฉบับเนื้อที่ 1,195 ไร่ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,288.4 ล้านบาท ส่ง สภ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ดำเนินคดี มีรายงานด้วยว่า น.ส.มาลินี อินฉัตร ผู้ต้องหาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคเพื่อชาติ หลังสอบสวนตำรวจให้ประกันตัวออกไป