ม้าติดเบอร์ เข้าคอก ออกสตาร์ต
ประเดิมวันแรก 4 กุมภาพันธ์ 2562 ฉากสมัคร ส.ส.ทั่วประเทศคึกคัก จากที่อั้นมา 5 ปีกว่า
แม้จะขาดสีสัน ไม่มีเสียงกลองยาวโมงเท่งโมง แห่สิงโต ภาพรถแห่ผู้สมัคร กองเชียร์ถือป้ายเย้วๆ เพราะทุกพรรคทุกป้อมค่ายต่างแหยงกฎเหล็กที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วางกติกาเข้ม
อิทธิฤทธิ์ “ใบเหลือง-ใบส้ม-ใบแดง-ใบดำ” ไม่เข้าใครออกใคร
พลาดตายน้ำตื้น แพ้ฟาวล์ง่ายๆ
แต่ด้วยฟอร์มนักเลือกตั้งอาชีพ “ของมันต้องมี” ลีลากระตุ้นเรตติ้ง “ประเพณีติดเบอร์”
ตามฉากแบบที่ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน นำทีมพลังประชารัฐเหมารถบัสคันใหญ่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ซิ่งมอเตอร์ไซค์วิน “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล นำทีมภูมิใจไทยขึ้นแท็กซี่แกร็บ “ไพร่หมื่นล้าน” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขนผู้สมัครทีมอนาคตใหม่ขึ้นรถเมล์ ขสมก. เข้ายื่นใบสมัครที่อาคารกีฬาเวสน์ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง
...
ตามเทรนด์งดใช้รถยนต์ส่วนตัว ลด “ฝุ่น” ในเมืองกรุง
แต่รอบนี้มีจุดสังเกต ไม่ใช่แค่มุ่งโหมโรงในสนาม กทม.เท่านั้น แต่บรรดาป้อมค่ายใหญ่ๆ
แทบทุกยี่ห้อ เน้นน้ำหนักไปที่สนามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด
โฟกัสยี่ห้อ “ทักษิณ” จับทางได้ชัดเจนกว่าใคร
ในสถานการณ์แบบที่ “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย “นายใหญ่” ไปโผล่เป็น “พ่อยก” นำทีมแห่ผู้สมัครเพื่อไทยที่จังหวัดขอนแก่น อีกทางก็ส่งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ “มนุษย์ พันธุ์แกร่งสุดในปฐพี” ไปปักหลักนำทีมพรรคเพื่อไทย ยื่นใบสมัคร ส.ส.ที่จังหวัดนครราชสีมา
“ทักษิณ” ส่งลูกชายกับ “นอมินีเบอร์หนึ่งตัวจริง” นำถือธงที่ “ขอนแก่น-โคราช”
เน้นน้ำหนักหัวเมืองใหญ่อีสาน โดยนัยมันก็มองได้ถึงอาการที่สะท้อนความไม่ไว้วางใจ ในสถานการณ์โดนยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” ที่นำโดย “หัวจ่าย” ยี่ห้อ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตมือขวายุคไทยรักไทย รุกตีตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเน้นๆมาตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมา
ความถี่ บวกความแรง “ปั๊ม 3 ทหาร” สถานการณ์ “บุญเก่า” ชักแกว่ง
“ทักษิณ” เลยต้องเพิ่มหน้าตัก อุดรอยรั่วฐานใหญ่อีสาน ซึ่งนั่นก็สอดรับพอดีกับข้อมูลวงในพรรคเพื่อไทย “นายใหญ่” ยอม “ควักเนื้อ” มากกว่าเลือกตั้งรอบที่ผ่านๆมา
แบบที่คนสนิทสายตรงยังไม่เคยเห็น “ทักษิณ” ใจปํ้าเท่านี้มาก่อน
จากสถานการณ์ช่วงแรกๆที่ “ท่อดูไบ” ไหลกะปริบกะปรอย เพราะโดนไล่อุดไล่บล็อกหัวจ่ายจากนอกประเทศ หัวจ่ายเก่าๆในประเทศก็ชิ่งหนีหมด แต่ด้วยศักยภาพของยี่ห้อ “ทักษิณ” ขุมข่ายโยงใยกลุ่มธุรกิจ ปิดยังไงก็เล็ดลอดได้ ถึงตรงนี้ “สปอนเซอร์หลักอย่างไม่เป็นทางการ” ช่วยกัน “ลงขัน” แทงหุ้นเพื่อไทย
“นกแล” รับปัจจัยใส่กล่อง “กระทิงแดง” ไปแล้ว 4 รอบ รวม “6 กล่องครึ่ง”
หัวฉีดน้ำเลี้ยง “ปั๊มดูไบ” ไหลแรงแข่งกับ “ปั๊ม 3 ทหาร”
สถานการณ์ชัด “ทักษิณ” สู้หมดหน้าตัก ต้องรีบไล่เก็บแต้มที่ตกหล่นเป็นพัลวัน
ในจังหวะ “แต้มต่อ” ที่ลดลงเรื่อยๆตามสถานการณ์ “ดึงเช็ง” ของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.
รำป้อไปป้อมา ลีลา “พระเอกลิเก” เลือกวิกเล่น
อารมณ์แบบที่จัดอีเวนต์ ลงมารับเทียบเชิญทีม “4 กุมาร” พลังประชารัฐ ขอชื่อเป็น “นายกฯบัญชีพรรค” ถึงที่ทำเนียบรัฐบาล แต่กลายเป็นช็อตดราม่า “บิ๊กตู่” ต้องใช้เวลาขอโทษขอโพยที่ “ฟิวส์ขาด” หลุดปมร้อนๆ “มึงมาไล่ดูสิ” ในคิวแถลงผลงานรัฐบาล พล่ามยาวนับสิบนาที
ก่อนหันมาที่ “4 กุมาร” ยิงมุกขำๆ พูดซะยาว สรุปเรามาทำอะไรกัน
มันคือ “ตลกร้าย” เรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ดันทำให้เป็นเรื่อง
แต่เรื่องที่ควรเป็นเรื่อง “นายกฯลุงตู่” กลับทำเป็นเล่นๆ
ในจังหวะที่ทีมงานการเมืองของพลังประชารัฐ “ปูทาง” ถนนเลือกตั้งมาจนเกือบจะปลายทาง
“นายกฯลุงตู่” แค่เปลี่ยนฟอร์มทหาร โดดขึ้นเทียบคานหามอย่างเดียว
แต่กลายเป็นออกลูกเขี้ยวใส่กันเอง ยึกยัก กั๊กเหลี่ยมกับนักการเมืองทีมแบกคานหาม แสดงอาการรับไม่ได้บัญชีปาร์ตี้ลิสต์พลังประชารัฐมีแต่พวกดำๆด่างๆ
ขณะเดียวกันก็เป็นช็อต “ลุงฉุน” ถี่ๆ ทำ “หมูหก” เข้าทางคู่ต่อสู้
แบบที่ทีม “นายใหญ่” อำเบิ้ล “ลุงตู่” เป็นตัวทำแต้มให้พรรคเพื่อไทย
ยังไม่นับภาระ “โหลด” เพื่อนพ้องน้องพี่รอบเอว ภาพแบบที่เห็นนั่งร่วมวงช็อตกินกาแฟในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ทีมท็อปบูตล้อมหน้าล้อมหลัง
นักการเมืองกับทหาร ไม่รู้ใครแบกใครกันแน่.
ทีมข่าวการเมือง