4-8 ก.พ. ได้รู้กันว่าพรรคไหนจะส่งใครลงสมัครกันบ้าง ใครจะมีชื่อเป็นนายกฯของแต่ละพรรคไม่ต้องรอลีลาอย่างที่ผ่านมา ข้อสำคัญก็คือแต่ละฝ่ายจะต้องได้เสียงเกิน 251 เสียงจึงจะไปรอด
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้มาถึงวัน “ตรุษจีน” ปีใหม่ที่ชาวจีนถือว่าเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ของเขาคงเฉกเช่นคนไทยเชื้อสายจีนทั้งหลายที่ให้ความสำคัญ
โอกาสนี้ก็ขออวยพรให้ทุกท่านจงมีความสุขความเจริญ
“ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้”...
สัปดาห์หน้าการเมืองเดินหน้าไปก้าวหนึ่งเมื่อ กกต.เปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 4–8 ก.พ.62 นั่นเท่ากับว่าจะได้รู้ว่าพรรคไหนส่งผู้สมัครคนไหนลงพื้นที่อะไร
คือทั้ง 2 ระบบทั้งเขตพื้นที่และปาร์ตี้ลิสต์จะรู้ยอดทั้งหมดว่าพรรคไหนจะส่งผู้สมัครแต่ละคนซึ่งจะบ่งบอกเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
ไฮไลต์สำคัญก็คือจะได้เห็นหน้าเห็นตาบุคคลที่พรรคจะเสนอตัวให้เป็น นายกฯเพื่อให้รัฐสภาลงมติอยู่ที่จะเสนอชื่อพรรคละกี่คน
อย่างพรรคพลังประชารัฐได้มีการทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เพราะได้มีการวางแนวทางอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ทั้งๆที่รู้กันดีแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์นั้นเอาแน่ แต่รอให้ถึงวันสุดท้ายจึงจะเห็นความแน่นอนที่เป็นทางการ
รีรอ ลีลา กว่าจะคายออกมาได้
“พลังประชารัฐ” นั้น คงรู้กันดีว่าตั้งขึ้นมาด้วยเงื่อนไขหลายประเด็นว่าจะเป็นพรรคการเมืองใหม่เพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ
ไม่ให้เกิดความขัดแย้งเข้าสู่ความปรองดอง
แนวคิดนี้จึงเกิดขึ้นด้วยการระดมสมองทั้ง คสช. บรรดารัฐมนตรีคนสำคัญอย่างที่ลาออกไป 4 คนที่คิดตรงกัน
สนับสนุนให้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ เพราะเชื่อว่าเป็นคนจริงใจ จริงจัง กล้าตัดสินใจ และซื่อสัตย์สุจริต
...
ที่จะนำรัฐบาลใหม่ไปสู่อนาคตที่ดีได้
ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (พี่ใหญ่) และ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” มือเศรษฐกิจที่ร่วมกันทำงานจนนำไปสู่พรรคพลังประชารัฐ
มีคำถามว่า คู่แข่งอย่างพรรคเพื่อไทยจะเอาชนะได้หรือไม่?
คำตอบก็คือเพื่อไทยคือ “คู่แข่ง” ที่จะต้องย่อยสลายให้ได้คือเป้าหมายแรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบการเลือกตั้งด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้งต่างๆ
เพื่อทำให้จุดแข็งของเพื่อไทยกลายเป็นจุดอ่อน
อย่างที่เพื่อไทยมีการตั้งพรรค การเมืองคู่ขนานคือ พรรคไทยรักษาชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้ ส.ส.ทั้ง 2 ระบบ
พูดง่ายๆว่ามีหมากแก้แทงทะลุ
แม้ทั้ง 2 พรรคจะพยายามบอกสังคมว่าคนละพรรค คนละแนว แต่เป้าหมายตรงกันคือ ชนะการเลือกตั้ง
ที่จะต้องสู้กันเพื่อเสริมพลังคือบุคคลที่จะเสนอชื่อเป็นนายกฯ
เชื่อว่าหลังจากลงสมัครกันเรียบร้อยแล้ว แต่ละพรรคโดยเฉพาะพรรคคู่แข่งสำคัญจะต้องปล่อยอาวุธคือนโยบายเพื่อเรียกคะแนน
ใครมีทีเด็ดอะไรจะต้องควักขึ้นมาสู้กันเต็มที่
เพื่อให้ได้ ส.ส. 251 เสียงขึ้นไปซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะต้องเป็นรัฐบาลผสมต่างก็จับมือกับพรรคการเมืองอื่นๆ
ต้องเริ่มจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯ นายกฯ และรัฐบาลชุดใหม่
จะราบรื่นหรือไม่...อยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน!!!
“ลิขิต จงสกุล”