รธน.ไม่ได้กําหนดเอาไว้ ยก‘สี-โอบามา’ก็ไม่ออก พท.จวก‘หมดเวลาทหาร’ ‘มาร์ค’ตอก-ไม่มีสปิริต!

“ประยุทธ์” ฉะพวกไล่ส่งเดช อ้างรัฐธรรมนูญ มาตรฐานผู้นำโลก “โอบามา-สี จิ้นผิง” ไม่มี ใครต้องลาออกไปเลือกตั้ง ของขึ้นว้าก “มึงมาไล่ดูสิ...แต่ไม่ออก” เหน็บเป็นรัฐบาลถ้าได้เปรียบทำไม “อภิสิทธิ์” แพ้ “ยิ่งลักษณ์” รู้ตัวพลาดขอโทษสื่อพูดไม่เพราะ แค่ว่าคนไม่ดี 4 กุมารส่งเทียบเชิญถึงมือ“นายกฯตู่” ตื้นตันขอเวลาคิดขึ้นบัญชีนายกฯพลังประชารัฐ “มาร์ค” โต้เดือดไร้สปิริตแต่อย่าโกหกบิดเบือน ซัดคนไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตยแก้ปัญหาชาติไม่ได้

“สมชัย” อัดไม่เหมาะเปิดทำเนียบฯรับขันหมากการ เมือง “เรืองไกร” เตือนคิดให้ดี บี้ กกต.สอย “อุตตม” ตั้งพรรคก่อนเป็นสมาชิก “จตุพร” ขู่ “บิ๊กตู่” ถึงจุดหักเหในชีวิต เลือกเอาจะไปนรกหรือสวรรค์ “เต้น-อ๋อย” ไม่ตื่นเต้นฉากลิเกสู่ขอแม้จะมีกระแสเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ลาออกจากตำแหน่งไปสู้ศึกเลือกตั้ง แต่นายกฯยืนยันไม่ลาออก โดยยกรัฐธรรมนูญและมาตรฐานของผู้นำโลกทั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและจีน ไม่มีใครต้องลาออก

“บิ๊กตู่” โอ่ 4 ปี ศก.โตชัดอย่าบิดเบือน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 ก.พ. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผลการดำเนินงานปีที่ 4 ของรัฐบาล โดยมีรองนายกฯ รัฐมนตรี ร่วมงาน แต่ละกระทรวงนำเอกสารผลงานมาเผยแพร่ด้วย โดยนายกฯแถลงว่าภาพรวมการบริหารประเทศ 4 ปี เศรษฐกิจดีขึ้นชัดเจน ขยายตัว 1.0% ในปี 2557 4.3% ปี 2561 ปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 6% นี่คือตัวเลขสำคัญอย่ามาบิดเบือน มีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงอันดับต้นๆ ของโลก และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่ได้ลดลง ดัชนีอะไรยังไม่ดีแก้ไขกันต่อไป ไม่ใช่จับแต่เรื่องไม่ดี พูดจาให้ร้ายกันไปเรื่อยๆ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจคงไม่ได้ วันนี้มียุทธศาสตร์ชาติพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ด้านความมั่นคงควบคุมสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ได้ปลดธงแดงไอเคโอ ปลดใบเหลืองไอยูยู แก้ค้ามนุษย์ปรับทิปรีพอร์ตจากเทียร์ 3เป็นเทียร์ 2 ยุทธศาสตร์ชาติสร้างความสามารถการแข่งขัน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทางบก อากาศ และน้ำ ภายใต้การลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท อย่าไปตกใจตัวเลขมีการลงทุนร่วมกับภาคเอกชน ทุกอย่างจะกลับมาเป็นสมบัติของคนไทย อย่ามากล่าวหาว่าตนขายประเทศ

...

“โอบามา-สี จิ้นผิง” ก็ไม่มีใครไขก๊อก

ต่อมาช่วงท้ายการแถลงผลงาน พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงการเลือกตั้งว่าหลักการที่ตนจะพิจารณาว่าจะลาออกจากตำแหน่งนายกฯหรือไม่ เป็นคนละเรื่องกับการรับหรือไม่รับให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ อยู่ที่นโยบายโอเคไหม ปรับแก้อะไรได้บ้าง แก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องมา ขอให้จำคำพูดของตนไว้ทั่วโลกที่เป็นระบอบประชาธิปไตย สังคมนิยม ผู้นำรัฐบาล เช่น นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ลงชิงตำแหน่งครั้งที่สอง หรือประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีน มีใครลาออกหรือไม่ ตอบมาสิ รัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2475 ถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่ได้กำหนดให้นายกฯต้องลาออก ในทางปฏิบัติจริงไม่เคยมีผู้ใดลาออกขณะเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 264, 265 สั่งตนคือนายกฯและหัวหน้า คสช.ต้องอยู่จนกว่ามีรัฐบาลใหม่ ลาออกไม่ได้ ถ้านายกฯลาออกครม. ต้องลาออกหมด แล้วใครจะอยู่จัดงานพระราชพิธี อยู่ทำสิ่งที่ตนพูดทั้งหมด ธรรมเนียมปฏิบัติหรือมารยาทการเลือกตั้งทั่วโลกเป็นแบบนี้ อย่าเอาอย่างอื่นมาบังคับตนมากเลย

ฉะพูดส่งเดชท้า “มึงมาไล่ดูสิ...ไม่ออก”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งปี 54 ใครเป็นนายกฯก็ไม่เห็นออก แล้วไปหาเสียง ครม.สัญจรด้วย ตนยังไม่ทำเลย เลือกตั้งปี 57 นายกฯอีกคนกับ ครม.ลาออกหรือไม่ก็ไม่ออก ดังนั้น อย่ามาพูดส่งเดช คนที่ออกไปเพราะมีความผิดเรื่องปลากระป๋อง ส่วน 4 รัฐมนตรี รัฐบาลนี้ลาออกไปไม่ได้มีความผิดอะไร ทำงานเยอะแยะไปหมด แต่ลาออกเพราะอยากไปทำงานการเมืองเต็มตัว ทั้งที่เขาอยู่ได้ตามกฎหมาย “อย่าไปไล่ล่ากันมากนัก พอไล่คนนี้แล้วลาออก แล้วเดี่ยวมาไล่นายกฯออก มึงมาไล่ดูสิ ไล่ให้ได้สิ ผมไม่ท้าทายแต่ไม่ออก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เป็น รบ.ได้เปรียบทำไม “มาร์ค” แพ้ “ปู”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แพ้การเลือกตั้งปี 54 แข่งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาลทำไมถึงแพ้ล่ะ แสดงว่าการเป็นรัฐบาลไม่น่าจะทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบ ขึ้นอยู่กับมีผลงานหรือเปล่า หากไม่มีประชาชนก็ไม่เลือกอยู่แล้ว มองตัวเองด้วยว่าเคยพูดเคยทำอะไรเสียหายไว้บ้าง ที่เสียหายก็เยอะอยู่ พูดแต่จะทำๆแล้วชี้นิ้วมาแต่ตน ว่าทำผิดไม่เคารพกฎหมายและกติกา อย่าคิดว่าที่ 4 รัฐมนตรีลาออกเพราะกลัว ไม่ได้กลัวเสร็จแล้วมากดดันนายกฯ กดดันตนไม่ได้เพราะเคารพกฎหมาย ส่วนการโจมตีรัฐบาลและ คสช.ทำไมเยอะขึ้นรู้อยู่แล้ว การเมืองไทยเป็นอย่างนี้ปฏิรูปไม่ได้เสียที เป็นไปตามสเต็ปของผู้ไม่หวังดี ตั้งแต่อยากเลือกตั้ง ห้ามเลื่อนเลือกตั้ง พอกำหนดวันบอกไม่เป็นธรรม ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นกับตนอยู่ที่กฎหมาย โรดแม็ปปรับเปลี่ยนไป เพราะกฎหมายเสร็จหรือไม่เสร็จ ตนพูดในขั้นต้นว่าเลือกตั้ง 24 ก.พ.62 แต่เมื่อกฎหมายไม่พร้อม ทั้งยังมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขยับไปอีกหน่อยเท่านั้น อยากเข้ามาต้องรับกติกาตรงนี้ได้

ขอโทษพูดไม่เพราะแค่ว่าคนไม่ดี

ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินเข้ามายังที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนรับหนังสือเทียบเชิญเป็นนายกฯในพรรคบัญชีพรรคพลังประชารัฐ จาก 4 อดีตรัฐมนตรีแกนนำพรรคที่มารออยู่ในห้องก่อนแล้ว นายกฯได้กล่าวกับสื่อมวลชนถึงกรณีที่ใช้วาจาไม่สุภาพในช่วงหนึ่งของการแถลงผลงานว่า เมื่อเช้านี้ที่พูดไม่เพราะไปนิดหนึ่ง ขอโทษด้วยก่อนแล้วกัน เพราะบางทีเผลอไผลไปบ้าง เราไม่ได้ว่าทุกคน แต่คนที่ไม่ดีก็มีอยู่ หมายถึงตรงนั้นมากกว่า บางทีอารมณ์ขึ้นบ้าง แต่เราพูดด้วยเหตุด้วยผล ต้องขอโทษด้วย

ตื้นตันอ่านเทียบเชิญขอคิดถึง 8 ก.พ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค ได้เดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อส่งหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ มาอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯลำดับที่ 1 จากนั้นเวลา 16.15 น. ทั้ง 4 คนเดินทางมาถึงและเข้าสู่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า บรรยากาศเป็นไปด้วยความเป็นกันเอง นายอุตตมส่งหนังสือเชิญพร้อมนโยบายพรรคให้นายกฯ โดยนายกฯเปิดอ่าน พร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณมาก ผมรู้สึกตื้นตัน ขอเวลาคิดนิดหนึ่ง ยังมีเวลาอีกหลายวันที่จะตอบรับหรือไม่ถึงวันที่ 8 ก.พ. เพราะจะดูนโยบายตรงกับตนหรือไม่ จะรับไปพิจารณาเมื่อถึงเวลาแล้วจะตอบไป ขอบคุณมากที่ให้เกียรติผม” และนายกฯถามว่ามั่นใจตนใช่ไหม ทั้ง 4 คนตอบพร้อมกันว่า “มั่นใจ”

“สมคิด” ให้กำลังใจ 4 กุมาร

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวถึงผลงานรัฐบาลในรอบ 4 ปีว่าระยะแรกเข้ามาประคองเศรษฐกิจตกต่ำให้ฟื้นขึ้นมาและขยายตัวต่อเนื่อง ตามด้วยการปฏิรูป ทุกฝ่ายต้องช่วยไม่ใช่มานั่งโจมตีกัน ทำมา 4 ปีแล้วยังมองไม่เห็นว่าอะไรไม่ต้องพูดกันแล้ว ตอนนี้เวิลด์แบงก์ชมหรือด่า การเมืองระหว่างประเทศได้รับการยอมรับสูงมาก เป็นศูนย์กลางอาเซียน เป็นศูนย์กลาง CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย) ถ้าไม่เรียกว่าเป็นผลงานจะให้เรียกว่าอะไร ต้องขอบคุณลูกทีมที่ไม่ท้อถอยเหน็ดเหนื่อย น่าเสียดายที่ลาออกไป

“วิษณุ” ติง ขรก.การเมืองระวังตัว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่าจะนำเรื่องการวางตัวของนายกฯ รัฐมนตรี และข้าราชการในช่วงการเลือกตั้งที่หารือกับตัวแทน กกต. เสนอที่ประชุม ครม.วันที่ 5 ก.พ.ข้อปฏิบัติจะคล้ายกับที่ผ่านมาแต่ความเหมาะสมจะดูเป็นกรณีไป เช่นนายกฯจะไปตรวจราชการต่างจังหวัดถ้ามีเหตุผลทำได้ แต่ถ้าไม่มีเหตุผลจะเหนื่อยตอบประชาชน นายกฯและ ครม.ต้องระมัดระวังการแสดงความคิดเห็น เป็นข้าราชการการเมืองต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่ทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบแก่ผู้สมัครหรือพรรคใด แต่หากปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ปกติ แม้จะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงต้องระวังกันให้ดี

นายกฯโพสต์โซเชียลไม่ต้องขอ กกต.

นายวิษณุกล่าวอีกว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ตอบรับ เป็นบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ จะใช้โซเชียลมีเดียต้องแจ้ง กกต. ไม่ต้องเหมือนคนทั่วไปที่พูดในโซเชียลมีเดียได้ แต่ถ้าพูดให้เป็นกระแสไม่ได้ ต้องระมัดระวังเอง รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์จะนัดพบกับแกนนำพรรค พปชร.สอบถามนโยบายต่างๆทำได้ หากเขามาเชิญคงสอบเรื่องนโยบาย เหมือนกรณีสื่อมาเอาตนไปเป็นอะไร ต้องสอบถามว่าต้องทำอะไรอย่างไร ไม่ใช่คุยเรื่องพรรค แต่คุยกับคนที่มายื่นเรื่อง แต่หลังนายกฯรับคำเชิญของพรรค พปชร.แล้วจะร่วมประชุมกับพรรค พปชร.ไม่ได้ เพราะมีสถานะเป็นข้าราชการการเมืองไม่ว่าในหรือนอกเวลาราชการ

“บิ๊กแดง” ยันกองทัพเป็นกลาง

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.และเลขาธิการ คสช. กล่าวถึงการวางตัวของกองทัพหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ แสดงท่าทีชัดเจนลงสนามการเมืองว่า ในฐานะของกองทัพไม่ขอพูดเรื่องนี้ เพราะกองทัพต้องวางตัวเป็นกลาง ตนยืนอยู่ตรงนี้มาตลอดในฐานะเป็นหน่วยงานความมั่นคง การเมืองเป็นส่วนของการเมือง แล้วแต่นายกฯได้ตัดสินใจ เมื่อถามว่า จะแบ่งบทบาทอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจว่ากองทัพอยู่ตรงกลาง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้า คสช.และผู้นำเหล่าทัพเป็นสมาชิก คสช. พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า ท่านเป็นหัวหน้า คสช.ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน ส่วนกองทัพมีจุดยืนอยู่แล้วในการทำงาน ประกาศให้ประชาชนและทุกพรรคทราบแล้ว เช่น การส่งคนไปช่วยดูแลติดตามการรักษาความปลอดภัย ไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ

“สมศักดิ์” ฟุ้งเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลชัวร์

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ ต.หนองหญ้าปล้อง อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ พร้อม ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ ลงพื้นที่พบประชาชน แนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. โดยนายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ถึงพรรคพลังประชารัฐถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องว่า ชี้ได้ว่าคนโจมตีตกใจเพราะคะแนนไม่มี มั่นใจภาคเหนือจะไม่ผิดเพี้ยน พรรคอื่นที่ว่าจะได้ ส.ส.ภาคเหนือ 40-50 คนพูดเท็จ เพราะเราจะได้ ส.ส.ภาคเหนือจำนวนมาก เดิมโพลสำรวจจะได้ ส.ส.ประมาณ 30 คน แต่วันนี้มั่นใจว่าดีกว่าเดิม เชื่อว่าเราจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแน่นอน ภาคเหนือยังนำขนาดนี้ ยิ่งนำเสนอนโยบายชัดเจนวันที่ 2 ก.พ. คะแนนนิยมจะดีขึ้น พล.อ.ประยุทธ์น่าจะรีบตัดสินใจร่วมงานกับเราเร็วขึ้น

“มาร์ค” สวนไม่มีสปิริต อย่าบิดเบือน

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พรรคประชาธิปัตย์มีการประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรครับรองรายชื่อผู้จะเสนอเป็นนายกฯและหารือนอกรอบกับอดีต ส.ส. ช่วงบ่ายนายอภิสิทธิ์ บรรยายหัวข้อ “พรรคประชาธิปัตย์กับอนาคตประเทศไทย” ตอนหนึ่งว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ถามว่าทำไมถึงเลือกตั้งแพ้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แปลกใจมากว่ามาพาดพิงพวกเราทำไม จะลาออกหรือไม่ ท่านไม่มีสปิริตเป็นสิทธิของท่าน แต่ไม่มีสิทธิมาโกหกบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิด บอกว่าตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2475 ไม่เคยบังคับให้ลาออกอยากบอกว่าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนที่ให้อำนาจนายกฯและมีตำแหน่งหัวหน้า คสช.ที่อำนาจเต็มไม่เหมือนรัฐบาลรักษาการ ยังมีอำนาจมากกว่ายุคใดๆ ปี 2554 ตนไม่มีสิทธิปลด กกต.หรือสั่งแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างไรก็ได้

ไร้จิตวิญญาณ ปชต.นำพาชาติไม่ได้

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า เป็นความจริงว่าปี 2554 ที่ตนเป็นรัฐบาลไม่ได้เอาเปรียบใคร แต่ถามว่าพฤติกรรมของรัฐบาลท่านหลายเดือนที่ผ่านมาและที่จะทำต่อไป คิดจะเอาเปรียบหรือไม่ การเมืองต้องมีมาตรฐาน แปลกใจที่บอกว่าสร้างมาตรฐานใหม่ 4 รัฐมนตรีลาออก เปรียบเทียบอะไรต้องดูข้อเท็จจริงด้วย พรรคประชาธิปัตย์ยึดธรรมาภิบาลแพ้ชนะเป็นปกติ แต่ถ้าเราได้คนจากการเลือกตั้งที่ไร้จิตวิญญาณประชาธิปไตย จะสูญเสียประชาธิปไตยไป คนที่ไม่มีจิตวิญญาณของการเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ต้น ไม่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาหรือนำพาบ้านเมืองออกจากปัญหาต่างๆได้

ใช้ทำเนียบฯรับเทียบไม่เหมาะ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต กกต.กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะไปส่งเทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จะเปิดห้องสีม่วง ทำเนียบรัฐบาลต้อนรับว่า ไม่เหมาะสมถือเป็นการใช้สถานที่ราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐดูแลและอำนวยความสะดวกให้พรรคการเมือง ขอให้ กกต.ส่งสัญญาณเตือน หากไม่เตือนถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หาก พล.อ.ประยุทธ์จะตอบรับคำเชิญควรใช้สถานที่อื่น เช่น ที่บ้านหรือนอกรั้วทำเนียบฯ หากยังใช้ทำเนียบฯจะเป็นปัญหา เพราะยังเป็นข้าราชการการเมืองต้องวางตัวเป็นกลาง แม้จะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์นอกเวลาราชการ ก็ไม่สามารถใช้ทำเนียบฯได้ เพราะเป็นสถานที่ราชการ

“เรืองไกร” ทวง กกต.สอย “อุตตม”

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงาน กกต.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เดินทางมายื่นหนังสือถึงประธาน กกต.ทวงถามความคืบหน้ากรณียื่นคำร้องเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.61 ขอให้ กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่านายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก่อนเป็นสมาชิกพรรคฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 16 จากที่พรรคพลังประชารัฐประชุมเลือกนายอุตตมเป็นหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 29 ก.ย.61 และวันที่ 4 ต.ค. 61 นายอุตตมจึงไปยื่นคำขอจดจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐต่อ กกต. แต่ในข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐระบุไว้ว่า “กรรมการบริหารพรรคต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมือง จึงเป็นสิ่งพิสูจน์ได้ว่าการรับจดทะเบียนพรรคพลังประชารัฐตามมติ กกต.วันที่ 6 พ.ย.2561 นายอุตตมยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ มั่นใจว่าคำร้องมีมูล สมควรให้ กกต.รับไว้วินิจฉัยโดยเร็วว่าจะเพิกถอนการรับจดทะเบียนตั้งพรรคพลังประชารัฐหรือไม่

เตือน “บิ๊กตู่” คิดให้ดีก่อนรับคำเชิญ

“ขอฝากเตือนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ทบทวนอย่างรอบคอบก่อนรับคำเชิญจากพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเสนอชื่อเป็นนายกฯ ยังมีเวลาให้คิดถึงวันที่ 8 ก.พ.ส่วนเรื่องที่ไปเทียบเชิญกันในสถานที่ราชการ เป็นอีกประเด็นที่จะมาว่ากันอีกครั้งหนึ่ง”

ทษช.ไม่ตื่นเต้นลิเกจัดฉากสู่ขอ

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศาลาประชาคม ชุมชนคลองเตย ล็อก 4-6 นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรค ลงพื้นที่เปิดศูนย์ประสานงานเขตคลองเตยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเขต 4 คลองเตยวัฒนา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่มีใครในประเทศตื่นเต้นกับฉากลิเกสู่ขอที่ผู้มีอำนาจจัดฉากที่ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันไม่ลาออกเพราะเชื่อว่าจะไม่ได้เปรียบ อ้างยุคนายอภิสิทธิ์เลือกตั้งแพ้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เทียบกันไม่ได้เพราะพรรคประชาธิปัตย์แพ้มาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย

นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า เป็นการแสดงให้ดูเหมือนมีเงื่อนไข จะได้พูดได้ว่าจะไปร่วมพรรคไหน ต้องดูก่อนว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่ความจริงแล้วกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายให้รัฐมนตรีไปตั้งพรรคขึ้นมาตั้งแต่ต้น กระแสสังคมจะเรียกร้องมากขึ้นๆ จน พล.อ.ประยุทธ์จะอับอายจนสู้หน้าใครไม่ได้ เว้นแต่จะขาดความละอาย

“ตู่” ขู่ผู้นำเลือกจะไปนรกหรือสวรรค์

เมื่อเวลา 09.45 น. ที่พรรคเพื่อชาติ โดยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด 500 คน พร้อมแถลงเปิดตัวนโยบายพรรค โดยมีนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภาและนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติเข้าร่วม โดยนายจตุพรกล่าวปาฐกถาเรื่อง “บทเรียนกับการเลือกตั้งของประเทศไทย” ว่าหลังจากนี้ไม่เกิน 3 สัปดาห์จะเกิดแรงเหวี่ยงที่ดีกับพรรคเพื่อชาติ แต่จะเป็นความหนักใจของ พล.อ.ประยุทธ์มาอยู่ในสนามเลือกตั้งเป็นความง่ายที่สุดของฝ่ายประชาธิปไตย แต่ไม่ต้องการให้ท่านต้องจบลงอย่างรุ่นพี่ ทันทีที่รับตำแหน่งในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ลาออกจะกลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตกทางการเมือง อยู่ที่ท่านว่าจะเลือกไปนรกหรือสวรรค์ “วันนี้ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะรับขันหมากจากพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ จะเป็นจุดหักเหสำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน ขอแนะนำว่า ขอให้ยุติในขณะที่ท่านยังไม่บอบช้ำมากกว่านี้ สนามการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ พวกผมสู้ท่านไม่ได้ แต่ในสนามการเลือกตั้งสนามประชาชน ท่านเป็นคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอมากที่สุด” นายจตุพรกล่าว

“สงคราม” ใช้ 9 นโยบายลดเหลื่อมล้ำ

จากนั้นนายสงครามได้แถลงนโยบายพรรคว่าเรามี 9 นโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน อาทิ ยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลตำบลที่ทันสมัย จัดเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานเทียบเท่าโรงพยาบาลในตัวเมือง ยกเลิกเอกสารสิทธิทุกประเภท ให้เหลือเพียงโฉนดเท่านั้น เพิ่มความเท่าเทียมให้เจ้าของโฉนดทุกคน นำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ ยกเลิกการผูกขาดทางการค้าและสัมปทาน ต่างๆ นโยบายปลอดภาษีรถยนต์เพื่อการเกษตร เพิ่มเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้พิการจำนวน 2,000 บาทต่อเดือนตลอดชีพ นโยบายราคาพืชผลทางการเกษตร พรรคมีนโยบายจะทำให้สินค้าการเกษตรเหมาะสมกับสภาวะตลาด เช่น ยางพารา ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 80 บาท ข้าวหอมมะลิเกวียนละ 20,000 บาท อ้อย 900 บาทต่อตัน และมันสำปะหลัง 3 บาทต่อกิโลกรัม

“ภูมิธรรม” ลั่นหมดเวลา รบ.ทหาร

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่าวันที่ 24 มี.ค.ถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงจาก “รัฐบาลทหาร” มาเป็น “รัฐบาลนักบริหารมืออาชีพ” เพื่อแก้ไขเศรษฐกิจ คิดเป็นทำได้ เคยทำสำเร็จมาแล้ว วิธีคิดและการจัดการแบบทหาร มีข้ออ้างความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นหลัก ไม่ได้เข้าใจถึงสภาวะความเป็นอยู่แท้จริง สภาพเศรษฐกิจไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาจริงจัง เกิดปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน แผนประเทศไทย 4.0 มีแต่ในกระดาษ นำเงินงบประมาณของรัฐ ส่งให้กลุ่มทุนใหญ่ผ่านมือคนจน ตั้งงบผูกพันเกินกว่า 3 ปีกว่าแสนล้านของกระทรวงกลาโหม ประชาชนทุกกลุ่มทุกระดับสิ้นหวังฝืดเคือง ถูกทำให้สงบจำนนด้วยความทุกข์ทุกหย่อมหญ้า วันนี้ทีมเพื่อไทยพร้อมจะเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สร้างและคืนรายได้ให้กลับมามีเงินใช้เต็มกระเป๋าภายใต้ยุทธศาสตร์ ไทยทำไทยทันสมัย ไทยเท่า ไทยเชื่อมไทย ไทยเชื่อมโลกและไทยยั่งยืน

ตะเพิด “บิ๊กตู่” พ้นการเมืองไทย

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ร้าน DX Playground Cafe & Bistro เมืองทองธานี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าวและแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 10 อันดับแรก อาทิ ลำดับที่ 1 คือนายธนาธร ลำดับที่ 2 นายปิยบุตร 3.น.ส.วรรณวิภา ไม้สน 4.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 5.น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรค 6. พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค 7.น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ทั้งนี้ นายปิยบุตร กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์จะตอบรับเป็นบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ ควรลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ว่า “ผมเห็นว่าควรออกจากอำนาจไปเลย ครองอำนาจมา 5 ปีแล้วยังจะเอาต่อ ไม่ใช่ออกจากนายกฯและหัวหน้า คสช.นะ แต่ควรจะออกจากการเมืองไทยไปได้แล้ว”

“กัญจนา” ปลุกลูกพรรคยึดแบบเตี่ย

ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) จัดปฐมนิเทศผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค น.ส.กัญจนากล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า บุคลิกของพรรค ชทพ.พูดจริงทำจริง คำไหนคำนั้น พูดแล้วทำ สืบทอดมาจนวันนี้ จะนำพาพรรคสุดความสามารถ เราโตจากศูนย์ได้ ยึดแบบอย่างที่นายบรรหาร ศิลปอาชา บิดาเคยล้มแล้วลุก ขอให้ทุกคนมองอุปสรรคเป็นแบบฝึกหัด ข้อผิดพลาดให้เป็นบทเรียน จากนั้น น.ส.กัญจนาให้สัมภาษณ์ว่าตั้งใจทำให้ดีที่สุดทุกพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี บ้านเกิดก็ไม่ประมาท ตนมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯที่พรรคเสนอเป็นเพียงตามครรลอง เกินความคาดหมายอยู่แล้ว ส่วนกรณีพรรคพลังประชารัฐส่งเทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯของพรรค ท่านเป็นผู้นำคงรู้ขอบเขตการทำหน้าที่ดี คงไม่ได้ช่วยใครหาเสียง หรือเอาผลงานรัฐบาลไปเป็นของพรรคใด ไม่ได้มองว่าได้เปรียบเสียเปรียบ

“อนุทิน” ลั่นไม่ได้หงออำนาจรัฐ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย มีการ ประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวภายหลังการประชุมว่า พรรคมีมติเสนอชื่อตนเป็นนายกฯชื่อเดียว แสดงให้เห็นว่าพรรคเป็นตัวของตัวเองไม่อยู่ใต้อาณัติหรือถูกใครชี้นำ เล่นแฟร์เกมทำตามกติกา พรรคพร้อมสู้ไม่ได้กลัวอำนาจรัฐ ไม่กังวลความได้เปรียบเสียเปรียบ ทั้งนี้ได้จัดทำรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 350 เขตและบัญชีรายชื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะไปยื่นสมัครต่อ กกต.วันที่ 6 ก.พ. เวลา 10.00น.

น.ส.ศุภมาศ อิศรภักดี ในฐานะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า หัวหน้าพรรคได้ลงนามว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคภูมิใจไทย 30 คนแล้ว ยืนยันว่าผู้สมัครทั้ง 30 คน เป็นคนอยู่ในพื้นที่ ทำงานการเมืองมานาน เชื่อว่ามีโอกาสชนะ มั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยจะปักธง ส.ส.กทม.ได้แน่นอน

“สุเทพ” เจอดีหนุ่มยโสฯชูป้าย “บ่มัก”

ช่วงเช้า ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองยโสธร นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชา-ชาติไทย (รปช.) ลงพื้นที่เดินคารวะแผ่นดิน พบปะประชาชนเพื่อรับสมัครสมาชิกพรรคและเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ยโสธร เขต 1 และ 2 โดยนายสุเทพ กล่าวว่า ชาวยโสธรมีเมตตากับตนมากพรรค รปช.จะมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจชาวบ้าน เราเป็นพรรคของประชาชน เชื่อว่าจะมี ส.ส.จากทุกภาค ใครเป็นรัฐบาล ก็อยากให้เราเข้าไปร่วมอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนนายสุเทพจะเดินทางมาตลาดสดเทศบาลเมืองยโสธร ได้ลงพื้นที่ตลาดสดคำเขื่อนแก้ว อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร ได้มีชายวัยกลางคน สวมเสื้อยืดสีดำทับด้วยเสื้อกั๊กสีน้ำตาล มายืนถือป้าย “บ่มัก” สื่อหมายความว่า “ไม่ชอบ”

ศาลเลื่อนตัดสินคดีม็อบปิดทำเนียบฯ

ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานร่วมกันบุกรุกตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์กรณีบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลเพื่อขับไล่รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกคนละ 8 เดือน โดยนัดนี้นายสุริยะใส จำเลยที่ 6 ไม่มาศาลเนื่องจากป่วยท้องเสีย และความดันโลหิตสูง มีใบรับรองแพทย์ ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 6 ป่วยจริงทำให้ไม่สามารถมาฟังคำพิพากษาได้เห็นควรเลื่อนไปอ่านคำพิพากษาฎีกาอีกครั้ง วันที่ 13 ก.พ.เวลา 10.00 น.