ไม่เฉพาะ “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ที่ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.และประกาศกระทรวงสาธารณสุข ประกาศให้พื้นที่ กทม.ให้เป็นพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ
เริ่มมาตรการเข้มแก้ปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ พีเอ็ม 2.5 ไปแล้ว
แต่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ก็อาศัยอำนาจตามความจริงที่เจอ ในฐานะผู้นำอำนาจพิเศษ และว่าที่ “แคนดิเดตผู้นำ” หลังการเลือกตั้ง
เป็นห้วงที่ผู้นำต้องประกาศ “พื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญทางอารมณ์” กันถี่
เพราะลำพังปัญหาฝุ่นละอองคลุมเมืองกรุง “บิ๊กตู่” รับมือได้ เพียงแต่ที่ ประชดประชัน ขู่อัด “ยาแรง” เตรียมออก
มาตรการคุมเข้ม ทั้งรถยนต์ รถบรรทุก เคอร์ฟิวโรงงาน จำกัดการขับขี่ยานพาหนะใน กทม. ฯลฯ
ฮึ่มๆก็เพราะวาระการเมืองแฝง ถล่มเรื่องแก้ปมฝุ่นของผู้นำบ้อท่า
“ภูมิแพ้ฝุ่นการเมือง” ก็มีปะทุอาการได้เหมือนกัน
แน่นอน ภาวะวิกฤติจะพิสูจน์คนเป็นผู้นำ ถึงนาทีนี้ “บิ๊กตู่” น่าจะยังเอาอยู่
แค่ส่งสัญญาณ หน่วยงานต่างๆก็ขยับกันเป็นพรวนแล้ว
แต่ที่ต้องส่งสัญญาณย้ำกันถี่ๆ เพราะขู่ก็แล้ว ฮึ่มก็แล้ว ยังติดเบรกไม่ค่อยจะอยู่ ก็เรื่องเล่ห์เหลี่ยม หมากเกม ที่ถล่มหยั่งเชิง “รับน้องใหม่การเมือง” กันเป็นระลอก
เวทีแถลงผลงาน 4 ปี “บิ๊กตู่” เลยไล่ลบเหลี่ยมการเมืองเป็นปมๆกันไป ไล่ตั้งแต่ คาดการณ์ได้ จะโดนกระแสกดดันให้ออกจากตำแหน่ง หากตกปากรับคำเข้าสู่บัญชีแคนดิเดตผู้นำของพรรคการเมือง
แจงครบ ทั้งรัฐธรรมนูญ กฎกติกา ธรรมเนียมปฏิบัติ และมารยาท
ทุกประเทศทั่วโลก ไม่เคยมีผู้นำรัฐบาลลาออกเพื่อการเลือกตั้ง
...
เช่นเดียวกับอดีตผู้นำในประเทศไทย ทั้งยุค “นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” หรือ “นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็ไม่ลาออก แถมย้อนศรปม “เอาเปรียบ” หาก อยู่ในตำแหน่งต่อ
ดักคองานนี้ เล่นกันเป็นสเตปๆ หลังมีเสียงเรียกร้องปมเลื่อน–ไม่เลื่อนเลือกตั้ง มาถึงการกดดันรัฐมนตรีให้ลาออก และหลังจาก 4 รมต.ไขก๊อกไปแล้ว ก็มาถึงตัว
“พอไล่คนนี้แล้ว เดี๋ยวมาไล่นายกฯออก ก็กฎหมายว่าอย่างนี้ มึงมาไล่ดูสิ ไม่ท้าทาย แต่ไม่ออก”
โชว์เก๋า เล่นเดือด ทันเกม
ที่สำคัญ “บิ๊กตู่” ยกเหตุผลรัฐธรรมนูญ บอกที่ลาออกไม่ได้ เพราะถ้านายกฯลาออก ครม.ต้องพ้นตำแหน่งทั้งหมด “ถ้าผมลาออกก็ไปหมดเลย แล้วใครจะอยู่จัดงานพระราชพิธี ใครจะอยู่ทำสิ่งที่พูดทั้งหมด”
แจงภารกิจสำคัญของบ้านเมืองต้านแรงบีบ
ทั้งหมดทั้งปวง คิวยาวของผู้นำ นำร่องก่อนเคาะในเร็ว วันนี้ว่าจะตอบรับเทียบเชิญค่ายการเมืองใหม่อย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่แห่ขบวนขันหมาก นำเทียบเชิญไปพบถึงที่
“บิ๊กตู่” ยังกั๊กได้จนเดดไลน์ 8 ก.พ.วันสุดท้ายคิวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และเสนอบัญชีแคนดิเดตผู้นำ
นอกจากดึงจังหวะเคลียร์เงื่อนไขระเบียบ กติกา ข้อกฎหมายแล้ว
อีกทางหนึ่งก็เป็นไปตามที่มีกระแสข่าว “บิ๊กตู่” ต้องชั่งน้ำหนัก จะก้าวขึ้นแท่นบัญชี 3 ว่าที่ผู้นำพร้อมมีชื่อ 2 ด็อกเตอร์มือเศรษฐกิจ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์-อุตตม สาวนายน” เคียงข้างประกบ
ลดโทนสีเขียวลายพรางในค่ายการเมือง และการสร้างความเชื่อมั่นสานต่องานเศรษฐกิจ
แนวทางที่ปีก “การเมือง” ใน พปชร.เสนอ
หรือจะขอเป็นรูปแบบ “โชว์เดี่ยว” ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯแบบ “สเปเชียลวัน”
ตามที่สายท็อปบูต ทีมฝ่าย เสธ.ให้คำแนะนำผู้นำ
เรียกว่าคิวตัดสินใจของ “บิ๊กตู่” ครั้งนี้ ย่อมสะท้อนต่อเนื่องไปถึง “ดุลอำนาจ” ในค่ายการเมืองใหม่
เอาเข้าจริง ขั้วท็อปบูต-ปีกการเมือง ก็ยังมีลูกกั๊กๆกันอยู่.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน