"องอาจ" ชี้ คสช. ล้มเหลวปราบโกง คอร์รัปชันไทยเพิ่มมาอยู่ที่ลำดับ 99 จาก 180 ประเทศ คาดมาจาก 4 สาเหตุ ดีแต่ปาก หวังหลังแต่เลือกตั้งจะดีขึ้น...
วันที่ 30 ม.ค.62 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ สำรวจพบดัชนีคอร์รัปชันของไทยลดลง 2 อันดับ มาอยู่ที่ 99 จากทั้งหมด 180 ประเทศทั่วโลกว่า ต้องยอมรับความจริงว่าปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไทย ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่บั่นทอนการเจริญก้าวหน้าของประเทศ แทนที่เงินงบประมาณแผ่นดินจากภาษีอากรของประชาชนจะถูกนำไปใช้เพื่อการพัฒนาสร้างสรรค์ประเทศชาติอย่างเต็มที่กลับถูกเบียดบังเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว และพวกพ้อง เดิมมองว่านักการเมืองทุจริต แต่วันนี้ผ่านมาเกือบ 5 ปีที่ไม่มีนักการเมืองบริหารประเทศ มีแต่ข้าราชการ ทั้งทหาร และพลเรือนบริหารประเทศ แต่ปรากฏว่าการทุจริตคอร์รัปชันก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด โดยเฉพาะการรัฐประหาร การคอร์รัปชันยังระบาดเหมือนเดิม แต่อัตราส่วนเปอร์เซ็นต์ของการเรียกรับผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจกลับสูงกว่าที่ผ่านมา ยิ่งไม่มีการตรวจสอบที่เข้มแข็งผนวกกับกลไกการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลเอง และภาครัฐอ่อนแอก็ยิ่งทำสถานการณ์คอร์รัปชันของไทยทรุดต่ำลง
นายองอาจ กล่าวต่อว่า สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี ประกาศเสียงดังจะปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันจริงจัง ก็ไม่ปรากฏเป็นจริง และไม่สามารถทำตามที่เคยพูดไว้ได้ ถือเป็นความล้มเหลวของ คสช.และรัฐบาล การที่สถานการณ์คอร์รัปชันของไทยในยุค คสช.ยังทรุดต่ำอยู่ขณะนี้ น่าจะมาจากสาเหตุต่างๆ ดังนี้ 1. ผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล และภาครัฐไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจังในการปราบปรามคอร์รัปชัน 2. องค์กรตรวจสอบ และกลไกตรวจสอบตามระบบไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. มีภาพการแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระ 4. การบังคับใช้กฎหมายถูกละเลยทำให้เอื้อต่อการทุจริตได้ง่าย ทั้งนี้ ตนเองมีความหวังว่าหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะได้รัฐบาลที่มาจากนักการเมือง และพรรคการเมืองที่ไม่มีประวัติด่างพร้อยเรื่องทุจริตเพื่อเข้ามาจัดการปัญหาทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจังต่อไป.
...