ดูเหมือนดี แต่ข้างในเฟะ
เวลานี้ทุกพรรคการเมืองต่างก็รอคอยที่จะรู้ว่า วันไหนจะเป็นวันเลือกตั้ง แม้มีการตั้งตุ๊กตาว่าน่าจะเป็นวันที่ 24 มี.ค.62 ก็ตาม
เพราะวันเลือกตั้งนั่นแหละจะเป็นตัวกำหนดความเป็นไปของแต่ละพรรค นับแต่การจัดตัวผู้สมัครในแต่ละพื้นที่ การจัดตัวบุคคลลงเลือกตั้งในระบบปาร์ตี้ลิสต์ การประกาศนโยบายที่เป็นรูปธรรม การเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นนายกฯ
“ท่อน้ำเลี้ยง” ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญยิ่ง
เชื่อได้เลยว่าอีกไม่นานเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว การเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง นักการเมืองจะชัดเจน
นั่นเท่ากับว่าหากเม็ดเงินเพื่อเข้าสู่เวทีการเมืองจะทำให้เม็ดเงินกระจายออกไปทั่วประเทศ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจขยับตัวดีขึ้น
คนรากหญ้าในพื้นที่ต่างๆของประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนไปโดยปริยาย เพราะจะมีเม็ดเงินในการจับจ่ายใช้สอยได้มากกว่าที่ผ่านมา
ที่น่าสนใจไปมากกว่าก็คือ ตัวบุคคลที่แต่ละพรรคจะเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ถามว่ามีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน
ตอบได้เลยว่ามีความสำคัญต่อการเลือกตั้งแน่ เพราะแม้บางพรรคจะมีนโยบายดีแต่ก็ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญก็คือผู้นำพรรค
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า พรรคนั้นจะนำพาประเทศให้เป็นตามนโยบายที่ประกาศเอาไว้ หากมีความชัดเจนก็จะทำให้ประชาชนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เท่าที่ดูจากความเป็นจริงแล้ว มีหลายพรรคที่พร้อมจะส่งหัวหน้าพรรคเข้าชิงเก้าอี้นายกฯด้วยการประกาศตัวไปแล้ว
“ประชาธิปัตย์” คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค
“ภูมิใจไทย” คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค
“อนาคตใหม่” คือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค
เป็นแค่ตัวอย่างที่เห็นกันชัดเจน แต่ก็มีพรรคการเมืองเล็กๆ
...
ที่ประกาศไปแล้ว ยังเหลืออีกหลายพรรคที่ยังไม่ชัดเจน และยังมีบางพรรคที่ประกาศไม่ส่งชิงเก้าอี้นายกฯ
อย่างพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค ซึ่งจะเป็นคู่ชิงสำคัญในทางการเมือง และการเลือกตั้งนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจน
จึงเป็นจุดอ่อนที่ชัดเจน พูดไปแล้ว “ยิ่งช้าก็ยิ่ง” จะทำให้ขาดความมั่นใจ
“พลังประชารัฐ” ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ประกาศตัวว่าเป็น “กองหนุน” ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯหลังเลือกตั้ง
แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าสังกัดเมื่อใด แต่ถ้าตัดสินใจและเงื่อนไขพร้อมก็คงต้องรอกันไปก่อน ด้วยปัจจัยอย่างนี้และยิ่งช้าออกไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อพรรคเท่าใดนัก เพราะในพรรคเองและประชาชนก็รอว่าจะมาหรือไม่?
เท่ากับว่าไม่เป็นผลดีต่อพรรคเท่าใดนัก
อีกพรรคคือเพื่อไทย หลังจากแก้ไขปัญหาภายในได้ระดับหนึ่งด้วยการให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรค
เหมือนจะ “บอกใบ้” ว่าคนนี้น่าจะก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 ที่จะเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นมาจนได้ เมื่อมีข่าวทำนองว่าได้มีคำสั่งภายในที่จะเสนอชื่อ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เป็นเบอร์ 1 แทน
อีหลักอีเหลื่อจนเกิดปัญหาภายในอันเป็นอาการที่บ่งบอกว่า ปัญหาภายในยังไม่จบ เป็นคลื่นใต้น้ำอีกระลอกหนึ่ง
เป็นการขบเหลี่ยมระหว่างบรรดา “เจ๊ๆ” เพื่อช่วงชิงการนำ.
“สายล่อฟ้า”