ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในรอบปีที่ผ่านมาแม้จะไม่มีอะไรหวือหวาเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน ก็ต้องถือว่าเป็น ปีแห่งการรอคอยความหวัง จะได้เลือกตั้งกันเสียที และที่ชาวบ้านชื่นชอบมากที่สุดคือ ไม่มีการประท้วงทางการเมือง ปิดถนน ปิดสถานที่ราชการ กระทบกับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว คนไทยต้องอยู่ในอาการหวาดผวา 4 ปีที่ผ่านมาเริ่มจะนอนตาหลับ และหันมาสนใจเรื่องปากท้องแทน

การออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง เป็นเรื่องธรรมดาของประเทศประชาธิปไตย แต่ทุกฝ่ายอยู่ในกรอบ อะไรที่ฝ่าฝืนประกาศและคำสั่งความมั่นคง เจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการไปตามกฎหมายถือเป็นเรื่องปกติ นักการเมืองประเภทฮาร์ดคอร์ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเรียกไปปรับทัศนคติบ่อยครั้ง จนถือเป็นเรื่องธรรมดา ระหว่างนักการเมืองที่ถูกเชิญตัวไปเข้าค่ายทหารปรับทัศนคติกับฝ่ายความมั่นคง ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันหลายข้อหลายประเด็นและเป็นไปในลักษณะประนีประนอมมากกว่าจะใช้กำลังเหมือนในบางประเทศ

ยกเว้นว่าจะถูกดำเนินคดีอาญาก็เป็นอีกเรื่อง ส่วนใหญ่ คสช.ก็จะส่งเรื่องให้ กระบวนการยุติธรรม เป็นผู้ตัดสินคดีมากกว่าที่จะใช้ ศาลทหาร ตัดสิน จึงไม่กระทบด้านสิทธิมนุษยชนมากนัก ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศในฐานะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นไปด้วยความราบรื่น ไม่ถูกเพ่งเล็งเหมือนตอนที่เข้ามายึดอำนาจ กฎเกณฑ์ต่างๆได้รับการผ่อนผันเป็นระยะ

ความเปลี่ยนแปลงจึงมาตกอยู่ที่ นักการเมือง อย่างน้อยขั้วการเมืองถูกสลายลงไปมาก เสื้อเหลือง เสื้อแดง พันธมิตรประชาธิปไตย นปช. กปปส. นักการเมืองเสื้อแดง นักวิชาการเสื้อแดงเสื้อเหลือง มีทั้งมาอยู่ข้างเดียวกันหรือสลับขั้วกัน กลายเป็นกลุ่มการเมืองที่หลากหลายและมีแนวทางเป็นของตัวเอง

สำรวจค่ายการเมืองที่มีมากขึ้น ทั้งใหม่ทั้งเก่า ทั้งเหล้าเก่าในขวดใหม่ แม้หน้าฉากทุกพรรคการเมืองจะต้องแสดงความเป็นผู้นำ แต่ลึกๆแล้ว หลังเลือกตั้ง การเมืองก็จะแบ่งเป็นแค่สองขั้ว คือเอาพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไป กับไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ

...

พรรคพลังประชารัฐ พรรคแนวร่วมที่ประกาศความชัดเจนกับ พรรคเพื่อไทย และพันธมิตร เป็นคู่แข่งขันที่สำคัญทางการเมือง ส่วนพรรครองลงมาอย่าง ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย เชื่อว่าคงมีการเจรจากับทั้งสองขั้วการเมืองเอาไว้พอสมควร

ถึงจะมีการตั้งข้อสังเกตว่า ถ้า ประชาธิปัตย์จับมือกับเพื่อไทยและภูมิใจไทย เป็นรัฐบาล มีโอกาสเป็นไปได้ว่า พลังประชารัฐ และแนวร่วมจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะฉะนั้นพลังประชารัฐ ต้องชิงที่นั่ง ส.ส.ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยก็ต้องชิงเก้าอี้นายกฯมาตุนเอาไว้ให้ได้ก่อน การหาเสียงจึงดุเดือดตั้งแต่ยกแรก

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ไตรมาสแรกปีนี้ ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง ส่วนหลังเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้น เอาไว้ไปตายดาบหน้า ด้วยความหลากหลายทางการเมือง โอกาสที่ประเทศจะมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาทางการเมืองในอีกระดับที่ไม่ใช่เกิดจากนักการเมืองหรือทหาร แต่เกิดจากประชาชน.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th